ในหลวงทรงส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยไปยังประธานประเทศลาว เหตุอุทกภัยรุนแรงเขื่อนเซเปียน น้ำใจไทยหลั่งไหลสู่ลาว ซี-130 นำผ้าห่ม ถุงยังชีพพระราชทานอีก 2 เที่ยวบิน น่าชื่นชมทีมกู้ภัยไทยช่วย 14 ชีวิตได้สำเร็จ มีทั้งหญิงตั้งครรภ์ เด็กทารก ที่อดอาหารนานถึง 4 วัน ขณะที่เจ้าแขวงอัตตะปือเผยยังวิกฤติ มีตัวเลขผู้สูญหายอีก 107 คน
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยไปยังประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวียงจันทน์ ความว่า
ฯพณฯ ประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวียงจันทน์ ข้าพเจ้ารู้สึกใจหายและเศร้าสลดใจอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่า เกิดอุทกภัยรุนแรงอันเนื่องมาจากฝนตกหนักในแขวงจำปาสัก และแขวงอัตตะปือ ทำให้เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยเสียหาย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย และผู้ที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทั้งยังก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อทรัพย์สิน และโครงสร้างพื้นฐาน ข้าพเจ้าและประชาชนชาวไทยขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดมายังท่าน และประชาชนชาวลาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวผู้ประสบความทุกข์และความสูญเสียในครั้งนี้ ทั้งขอยืนยันด้วยใจจริงว่า ประชาชนชาวไทยจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างประเทศและประชาชนชาวลาวให้สามารถผ่านพ้นเหตุการณ์ครั้งนี้ ไปได้โดยสวัสดี
(พระปรมาภิไธย) มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
จากกรณีเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยแตกจนทำให้มีประชาชนชาวลาวได้รับผลกระทบจำนวนมากในขณะนี้ มีน้ำใจของคนไทยหลั่งไหลในการช่วยเหลือแล้วจำนวนมาก ทั้งบริจาคสิ่งของและนำอุปกรณ์กู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือ พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 27 ก.ค. กองทัพอากาศจัดเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 8 หรือ C-130 จำนวน 2 เที่ยวบิน พร้อมกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน กองทัพอากาศ จำนวน 10 คน ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติปากเซ เพื่อนำผ้าห่มพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 3,000 ผืน และถุงยังชีพประทานของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา องค์ประธานกรรมการมูลนิธิอาสา เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จำนวน 1,000 ชุด ไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยที่ สปป.ลาว โดยมีนายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ เป็นผู้รับมอบสิ่งของพระราชทาน เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลลาวยังไม่อนุญาตให้กองทัพไทยนำเฮลิคอปเตอร์และรถบรรทุกของทหารเข้าไปในประเทศลาว ยกเว้นเครื่องบินซี 130 ที่สามารถขนสิ่งของไปลงที่สนามบินปากเซได้ แต่ก็ยังห่างไกลจากพื้นที่เกิดเหตุ ทำให้การช่วยเหลือจากไทยมีเพียงทีมกู้ภัยภาคเอกชนเท่านั้น
ท้าวเล็ด ไซยะพอน เจ้าแขวงอัตตะปือ แถลงขอบคุณทุกภาคส่วนจากนานาประเทศที่หลั่งไหลเข้ามาช่วยเหลือ สถานการณ์น้ำขณะนี้เริ่มลดลงแล้ว แต่ยังวิกฤติ ตัวเลขผู้สูญหายขณะนี้คือ 107 คน แต่คาดว่าในจำนวนนี้น่าจะมีผู้รอดชีวิต เพราะพื้นที่เกิดภัยพิบัติเป็นป่า มีต้นไม้ ประชาชนอาจติดอยู่บนที่สูง ซึ่งตัวเลขผู้สูญหายเทียบกับเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม คือ 131 คน แต่วันนี้ตัวเลขลดลงเหลือ 107 คน เพราะสามารถค้นหาเจอแล้ว 27 คน ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เป็นทางการคือ 5 คน
ความช่วยเหลือที่อยากได้คือ ยานพาหนะที่เหมาะสมกับเส้นทางในพื้นที่ดินโคลน แคบ บางจุด เป็นสะพานไม้ เนื่องจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ขนสิ่งของมาบริจาคเข้าพื้นที่ได้ รถที่เหมาะสมคือรถบรรทุกขนาดเล็ก รถกระบะ หรือออฟโรด
เฟซบุ๊ก Vientiane Times (เวียงจันทน์ไทมส์) รายงานความคืบหน้าภัยพิบัติน้ำท่วมฉับพลัน 7 หมู่บ้าน ในอำเภอสะหนามไซ แขวงอัตตะปือ ว่า ขณะนี้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างมากขึ้น อันเนื่องจากกระแสน้ำได้ไหลมาตามแม่น้ำเซเปียน โดยมีชาวบ้านกว่า 10,000 คนต้องอพยพย้ายออกจากบ้านไปอยู่ตามศูนย์พักพิงชั่วคราว
ขณะที่ เพจ ABC Laos news รายงานถึงนาทีชีวิตการช่วยเหลือชาวลาว 14 คนที่สูญหาย 4 วัน โดยกู้ภัยไทยที่ได้รับมอบภารกิจจากเจ้าแขวงอัตตะปือ
เพจดังกล่าวระบุว่า จากข้อมูลของภารกิจความหวังอาจดูริบหรี่ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของทีมกู้ภัยไทยจึงเร่งปฏิบัติหน้าที่ออกค้นหา ท่ามกลางพายุฝนและเวลาเส้นแดงผ่าแฝกที่จะต้องยุติภารกิจก่อนฟ้ามืด ทีมกู้ภัยไทยมีเฮ ค้นพบประชาชนผู้สูญหายครบตามจำนวน 14 ราย เป็นชาย 4 ราย หญิง 6 ราย (1 รายเป็นหญิงตั้งครรภ์) และเด็ก 4 ราย พบว่าในคลิปมีเสียงทารกร้องไห้อย่างหวาดกลัว
ทั้งนี้ ทุกคนมีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย จากการอดอาหาร 4 วันนับตั้งแต่วันเกิดเหตุ โดยทีมกู้ภัยไทยให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นในพื้นที่ปลอดภัย ก่อนเคลื่อนย้ายเข้าฝั่ง เพื่อนำส่งโรงพยาบาลต่อไป
นายศุภชัย นามแก้ว หนึ่งในทีมงานกู้ภัยประเทศไทยที่ได้เดินทางไปร่วมช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยจากเขื่อนแตกที่แขวงอัตตะปือ สปป.ลาว ได้โพสต์ภาพและข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว รายงานว่า วันที่ 26 ก.ค. ทีมงานหน่วยกู้ภัยประเทศไทยร่วมกับหน่วยกู้ภัยประเทศลาว ได้แบ่งหน้าที่กันทำงานเป็น 2 สาย สาย A นำเรือลาดตระเวนค้นหาผู้ประสบภัยทางน้ำบริเวณบ้านไซดอนโขง แขวงอัตตะปือ พบชาวบ้านเป็นเด็กและผู้ใหญ่ยังมีชีวิตจำนวน 14 ราย ติดอยู่บ้านกลางลำน้ำกู้ภัยฮุก 31 นคราชสีมา จึงดำเนินการลำเลียงออกมาด้วยความยากลำบาก เพราะเป็นถนนโคลน
ส่วนสาย B ได้เดินทางไปที่บ้านตะม้อหยอด แขวงอัตตะปือ ซึ่งห่างจากปากซองประมาณ 60 กิโลเมตร ระยะทางเข้าไปยากลำบาก ต้องใช้รถกระบะที่มียางที่สมบูรณ์แบบ และรถเล็กจึงจะสามารถเดินทางเข้าไปได้ พบว่ามีผู้ประสบภัยที่อาศัยอยู่บนเกาะบ้านตะม้อหยอดประมาณไม่ต่ำกว่า 700 ชีวิต ซึ่งมีชาวบ้านหินลาดบ้านท่าหินได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือน้ำท่วมหมดหลังคา แต่ชาวบ้านบางส่วนอพยพทางเท้าขึ้น เพราะต้องพากันมาหาหมอ บางรายถึงกับเป็นไข้เนื่องจากฝนตก และอากาศแปรปรวน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จำเป็นเบื้องต้นในขณะนี้คือ อาหาร นมกล่องสำหรับเด็ก ไฟฉาย เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง ยากันยุงชนิดทา ยาสามัญประจำบ้าน เสื้อผ้า รองเท้าแตะ เครื่องใช้ ผ้าห่มกันหนาว
วันเดียวกันนี้ กลุ่มออฟโรดอุบลราชธานี นำรถกระบะยกสูงกว่า 10 คัน เดินทางไปสมทบการช่วยเหลือชาว สปป.ลาวแล้ว โดยหวังว่าสามารถเข้าพื้นที่ห่างไกลและเส้นทางที่เดินทางลำบากเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ยังติดเกาะและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ยังมีทีมกู้ภัยจากสมาคมอยุธยารวมใจ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางเข้าไปสมทบการช่วยเหลืออีกหนึ่งทีมด้วย พร้อมด้วยทีมกู้ภัย จ.กาฬสินธุ์ และทีมตลาดไท จ.ปทุมธานี
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยมีเหตุการณ์วิกฤติเกิดขึ้นหลายอย่าง แต่เพราะความร่วมมือร่วมใจ ความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกัน ก็ช่วยทำให้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี พร้อมทั้งอยากให้คนไทยทุกคนใช้ช่วงเวลานี้ร่วมกันอธิษฐานให้เหตุการณ์น้ำท่วมใน สปป.ลาว ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดของเรา ผ่านไปได้ด้วยดีโดยเร็วที่สุด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |