คะแนนนิยมลุงตู่วูบ   โพลไม่เอานายกฯคนนอก/การเมืองรุมกินโต๊ะเลื่อนเลือกตั้ง90วัน


เพิ่มเพื่อน    

นายกฯ คนนอกวูบ คะแนนนิยม "ลุงตู่" ดิ่ง กรุงเทพโพลล์สำรวจประชาชนส่วนใหญ่อยากได้นายกฯ มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น เกรงประชาธิปไตยไทยนิยมกลายเป็นประชาธิปไตยกึ่งรัฐบาลทหาร ขณะที่พรรคการเมืองรุมกินโต๊ะขยายเวลาเลือกตั้ง 90 วัน ใบสั่งแผนสืบทอดอำนาจ วอน สนช.ช่วยยับยั้ง 
กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ   ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “เส้นทางการเลือกตั้งสู่ประชาธิปไตยไทยนิยม” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,114 คน พบว่า เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งที่ต้องมีสมาชิกพรรคครบ 500 คน มีทุนประเดิมจำนวน 1 ล้านบาท  ประชาชนร้อยละ 43.9 เห็นว่าจะสร้างระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ เน้นพรรคมากกว่าตัวคน รองลงมาร้อยละ 29.6 เห็นว่าจะขาดความหลากหลายของนโยบายการหาเสียง และร้อยละ 29.1 เห็นว่าจะนำไปสู่ระบบผูกขาดทางการเมือง
    นอกจากนี้ เมื่อถามต่อว่า คิดอย่างไรกับการเลือกตั้งที่จะมาถึง ในเรื่องการสรรหานายกฯ คนนอก ตามบทเฉพาะกาล รัฐธรรมนูญส่วนใหญ่ร้อยละ 70.6 เห็นว่านายกฯ ควรมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ขณะที่ร้อยละ 29.4 เห็นว่านายกฯ มาจากคนนอกได้หากไม่สามารถเลือกกันเองได้
    ด้านความเห็นต่อการจัดมหรสพ รื่นเริง ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. พบว่า ประชาชนร้อยละ 41.5 เห็นว่าอาจเปิดช่องโกง แสวงหากำไรและผลประโยชน์ รองลงมาร้อยละ 40.5 เห็นว่าพรรคใหญ่ๆ จะได้เปรียบเพราะมีทุนมากกว่า และร้อยละ 37.3 เห็นว่าจะทำให้ประชาชนสนใจการเมือง รับรู้ข่าวสารของผู้สมัครได้ทั่วถึง
    ส่วนเมื่อถามว่า “คิดอย่างไรกับแนวคิดประชาธิปไตยไทยนิยม” พบว่า ประชาชนร้อยละ 29.1 เห็นว่าจะไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆ เลย รองลงมาร้อยละ 27.9 เห็นว่าจะทำให้กลายเป็นประชาธิปไตยกึ่งรัฐบาลทหาร และร้อยละ 22.5 เห็นว่าทำให้คนปรองดองไม่ขัดแย้ง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย
สุดท้ายเมื่อถามว่า “หากวันนี้มีสิทธิออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี ท่านจะออกเสียงสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่” พบว่า ประชาชนร้อยละ 36.8 ระบุว่าจะ “สนับสนุน” (ลดลงจากผลสำรวจเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ร้อยละ 16.0)  ขณะที่ร้อยละ 34.8 ระบุว่าจะ “ไม่สนับสนุน” ส่วนร้อยละ 28.4 งดออกเสียง
ปล่อยประชาชนตัดสินใจ
    พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นอะไร เป็นความคิดของแต่ละคน สังคมจะคิดอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา เรื่องนายกฯ คนนอกนั้น นายกฯ ปรารภบ่อยๆ ว่าท่านไม่อยากคิดเรื่องแบบนี้ ท่านอยากทำงาน อยากแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน รวมถึงเรื่องการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ให้สำเร็จ 
    "เรื่องของนายกฯ คนนอก เรื่องของการเมือง ให้เป็นเรื่องของสังคมและประชาชน ปล่อยให้เขาเป็นคนตัดสินใจกันไป" 
    พล.ท.สรรเสริญยังกล่าวถึงกรณีคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มีมติกำหนดให้แก้ไขเนื้อหากฎหมาย เพื่อให้มีผลบังคับใช้ 90 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากเดิมที่กำหนดให้บังคับใช้ทันที ทำให้ถูกมองว่าเป็นแผนการเพื่อนำไปสู่การเลื่อนการเลือกตั้งออกไป และอาจมีใบสั่งจากผู้มีอำนาจให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของ กมธ. ซึ่งรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาด้วย ดังนั้นหากจะมีข้อตกลงกันในเรื่องใดของ กมธ. หรือ สนช. ก็คิดว่าคงมีเหตุผลชี้แจงให้สังคมเข้าใจ และระยะเวลาที่เลื่อนออกไป 90 วันนั้น ก็ไม่ได้เป็นนัยที่จะบ่งบอกว่าจะอยู่ยาวแต่อย่างใด
    เมื่อถามถึงกรณีที่มีการวิจารณ์ว่า การขยายเวลาดังกล่าวเพื่อเอื้อต่อการตั้งพรรคทหาร โฆษกรัฐบาลตอบว่า พรรคทหารมีที่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ก็เคยชี้แจงไปแล้ว
    อย่างไรก็ตาม นักการเมืองทุกพรรคไม่เห็นด้วยกับการขยายเวลาเลือกตั้งออกไป 90 วัน และมองว่ารัฐบาลคสช.ต้องการอยู่ในอำนาจต่อไป
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ทันทีที่เห็นคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 หลายฝ่ายก็คาดการณ์ว่าจะไม่มีการเลือกตั้งในปี 2561 นี้อยู่แล้ว เพราะใครๆ ก็ตีความเจตนา คสช.ได้ว่าตั้งใจทำให้เกิดความลักลั่น เนื่องจากพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคที่มีอยู่แล้ว จะไม่สามารถดำเนินการเรื่องต่างๆ ให้ทันตามที่กฎหมายกำหนดก่อนวันเลือกตั้ง เพียงแต่ตอนนั้นนึกไม่ออกว่า คสช.จะเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปด้วยวิธีใด
ไทยนิยมเชื่อถือไม่ได้
     "ความพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์กับพวกสืบทอดอำนาจต่อไปยาวนานนี้ นับวันยิ่งทำให้คสช.เสื่อมลง เนื่องจากเป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องไม่กี่คน ซ้ำยังเป็นการกระทำที่ขาดความกล้าหาญ ไม่ซื่อตรง และทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศในหลายด้าน คือทำลายระบบกฎหมาย หลักนิติธรรม ทำลายพรรคการเมือง และระบบพรรคการเมือง สร้างความได้เปรียบเสียเปรียบของพรรคการเมือง ทำให้การเลือกตั้งสูญเสียความหมายลงไป ประการสำคัญหากเป็นที่ชัดเจนว่าการเลือกตั้งจะเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดแน่นอน ภาพพจน์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลกก็จะเสียหาย เพราะผู้นำที่อ้างตัวเองว่าเป็นไทยนิยมนั้นเชื่อถืออะไรไม่ได้เลย" นายจาตุรนต์กล่าว
     นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นการสมคบคิดกันให้รัฐบาลและองคาพยพในแม่น้ำทั้ง 5 สายอยู่ในอำนาจต่อไปให้นานที่สุด ทำให้นึกถึงที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เคยให้สัมภาษณ์หลังร่างรัฐธรรมนูญที่ยกร่างถูกล้มไปว่า “เขาต้องการอยู่ยาว” และเป็นผลโดยตรงทำให้การปลดล็อกทางการเมืองของ คสช. ต้องเลื่อนออกไป เพราะในคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 ระบุให้ คสช.พิจารณาปลดล็อกเมื่อกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ ตรงนี้ไม่เป็นผลลบหรือผลบวกกับพรรคการเมืองเก่า แต่เป็นการเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นใหม่ได้ทำกิจกรรมก่อนพรรคการเมืองเดิมอีก 90 วัน
    "เหตุผลที่ระบุเพื่อให้ระยะเวลาสอดคล้องกับคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 นั้น มองว่าไม่สมเหตุผล เพราะการเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งของพรรคการเมืองขึ้นอยู่กับการปลดล็อก ถ้ามีการปลดล็อกแล้วต้องเร่งทำกิจกรรมต่างๆ ใน 90 วันตามกฎหมายลูกพรรคการเมืองเชื่อว่าพรรคการเมืองจะทำได้ทัน ดังนั้นการพิจารณาขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายที่อ้างเหตุผลต่างๆ นานาเป็นผลดีกับพรรคการเมืองใหม่ที่สุด"
    เขาอยากรู้ว่าถ้าการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป คสช.ชี้แจงอย่างไร เพราะเคยประกาศจะเลือกตั้งในเดือน พ.ย.61 ถ้าบอกว่าเป็นผลจากกฎหมาย ก็มาจากพวกท่านทั้งสิ้น สุดท้ายจะเกิดคำถามกลับมาว่าทุกอย่างเป็นการสมคบคิดกันใช่หรือไม่
    นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ทุกฝ่ายมีความพร้อมที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง ได้แก่ ประชาชน พรรคการเมือง และ กกต. มีเพียงฝ่ายเดียวที่ไม่พร้อมและไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง คือ คสช. เพราะกลัวแพ้ จึงใช้เล่ห์เพทุบายเลื่อนการเลือกตั้ง
คำสั่งจากเผด็จการ
    " เรื่องนี้จึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจาก สนช. กลุ่มหนึ่งรับคำสั่งจากเผด็จการมาถ่วงเวลาเลือกตั้งเพื่อแลกกับการได้เป็น ส.ว.สรรหาต่อเหตุที่จะขยายระยะเวลาอ้างว่าเพื่อให้พรรคการเมืองมีความพร้อม ทั้งที่ คสช.เป็นฝ่ายห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมเอง การขยายเวลาจะทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นและมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ดังนั้นหาก สนช.มีสำนึกว่าการที่เผด็จการแต่งตั้งตนให้มีตำแหน่งนั้นเป็นอำนาจของประชาชนที่ปล้นมาแล้วไม่อยากคืน เงินเดือน ค่าตอบแทน รวมทั้งสิทธิประโยชน์ที่ตนได้รับก็มาจากภาษีของประชาชน สนช.จะต้องเลือกที่จะยืนข้างประชาชนแทนการรับใช้เผด็จการเพื่อแลกกับประโยชน์ส่วนตนอันเป็นการเนรคุณประชาชน"
    เขาระบุว่า บางคนเรียกว่าอภินิหารทางกฎหมาย แต่ผมกลับเห็นว่าไม่ได้เป็นนวัตกรรมอะไรทั้งสิ้น เป็นข้อเสนอที่อาศัยเพียงความหนาของใบหน้า แต่หากมีความอายหรือมีสำนึกของความเป็นคนจะไม่กล้าทำ เพราะการสนองคุณเผด็จการที่สวนกับความต้องการของประชาชนเท่ากับทรยศต่อประชาชน อีกทั้งระยะเวลาที่ คสช.อยู่ในอำนาจได้ทำความเสียหายให้กับประเทศมากเกินพอแล้ว ผมเอาใจช่วยให้ สนช.ส่วนใหญ่เลือกที่จะยืนข้างประชาชนแทนที่จะอยู่กับรัฐบาล “แหวนแม่นาฬิกาเพื่อน” อย่างไร้ศักดิ์ศรี วัดใจกันครับว่าจะเหลือสำนึกความเป็นคนอยู่แค่ไหน ประชาชนก็รอวัดใจพวกคุณอยู่เหมือนกัน
    ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เหนือความคาดหมาย สนช.ก็ยังเป็นกลุ่มคนหน้าเดิมๆ ที่ออกมาขับเคลื่อนเรื่องลักษณะนี้หรือไม่ ท่านต้องพิจารณาว่าการกระทำเช่นนี้ คนไทยจะจับได้ไล่ทันหรือไม่ หรือรู้สึกอย่างไร สนช.เพิ่งผ่านกฎหมายลูก ป.ป.ช. จนเป็นประเด็นผ่านกฎหมายลูกขัดกฎหมายแม่ ปมต่ออายุ ป.ป.ช.ยกเว้นลักษณะต้องห้ามขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ 
    "เรื่องนั้นผ่านไปไม่เท่าไหร่ยังมาสร้างปัญหาต่อในเรื่องนี้ ในขณะที่การตรวจสอบทุจริตรัฐบาลกลับไม่ทำ ไม่มีแม้แต่การตั้งกระทู้ถามสด เงียบเป็นเป่าสาก ไม่ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลในฐานะสมาชิกรัฐสภาที่พึงกระทำ ท่านอาจต้องพิจารณาตัวเองว่าการรับเงินเดือนหลายทางแล้วนั้น ทำงานคุ้มค่าเงินเดือนหรือไม่ ท่านบอกว่าในเรื่องขยาย พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้มีผลบังคับใช้ออกไป 90 วัน ไม่มีใบสั่งจาก คสช. ท่านคิดว่าประชาชนจะเชื่อหรือไม่ การขยายการบังคับใช้ออกไป 90 วัน ใครได้ประโยชน์จากการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย เลื่อนการเลือกตั้งออกไป รัฐบาลอยู่ในอำนาจนานขึ้นได้ประโยชน์หรือไม่ สนช.อยู่ในตำแหน่งนานขึ้นได้ประโยชน์หรือไม่"
ลงเรือแป๊ะต้องตามใจแป๊ะ
    นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปพูดเรื่องวันเลือกตั้งที่โตเกียว นิวยอร์ก ก็ไม่ตรงกัน จนมีการตกลงในคำแถลงการณ์ร่วมที่ทำกับสหรัฐอเมริกา และต่อมาสหภาพยุโรป ก็ยึดเอาคำพูดของท่านนายกฯ ที่จะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.2561 จนยอมที่จะติดต่อทางการเมืองกับไทยอีกครั้ง สนช.ควรจะไว้หน้า พล.อ.ประยุทธ์ในการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปตามที่ประกาศหรือไม่ ความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์จะยังคงหลงเหลืออยู่หรือไม่ เวลาไปเจรจาความเมืองกับต่างประเทศคู่เจรจายังจะเชื่อถือ พล.อ.ประยุทธ์ได้อยู่หรือไม่ หรือเครือข่ายแม่น้ำ 5 สายยึดหลักการทำงานว่า ลงเรือแป๊ะต้องตามใจแป๊ะหรือไม่ ขนาดกฎหมายที่ผ่านจาก สนช. คสช.ยังใช้มาตรา 44 แก้ไข เช่น คำสั่ง 53/2560 ถ้าในเรื่องนี้ คสช.จะส่งสัญญาณไปยัง สนช.เพื่อให้การดำเนินการจัดการเลือกตั้งอยู่ในเดือน พ.ย.2561 ตามที่ได้ประกาศไว้ ทำได้หรือไม่
     นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ กรธ.ผู้ร่างกฎหมายไม่เคยพูดถึงมาก่อน ไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องเลื่อน มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากต้องการยื้อการเลือกตั้งให้ผู้มีอำนาจอยู่ใช้อำนาจต่อไป เหมือนที่เคยขยับโรดแมปเลือกตั้งก่อนหน้านี้ ตอนนี้ประชาชนไม่เชื่อถือในโรดแมปที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดแล้ว เพราะทุกอย่างมีการวางแผนเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การออกคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 จนถึงการเลื่อนบังคับใช้กฎหมาย
    "รัฐบาลคงยังไม่อยากให้เลือกตั้งเร็ว เพราะรู้ดีว่าประชาชนไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องความโปร่งใส ถ้าเลือกตั้งไปก็มีแต่แพ้ รัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์คงไม่สามารถมีอำนาจกลับมาบริหารประเทศได้ต่อ และจะถูกการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร แต่จะถูกตรวจสอบการใช้งบไม่โปร่งใสในทุกเรื่อง จึงคิดยื้อการเลือกตั้งเพื่อให้กระแสทุจริตเงียบลงไปก่อนหรือไม่"
    เขากล่าวว่า แม้จะยื้อการเลือกตั้งอย่างไร ความนิยมของรัฐบาลก็จะทรุดลงไปเรื่อยๆ เหมือนผลโพลที่ลดลงมาตลอด ดังนั้นถ้าการยื้อการเลือกตั้งเป็นการทำลายรัฐบาลในตัวของมันเอง ผลที่สุดประชาชนจะลุกขึ้นมาทวงสัญญาการเลือกตั้งของรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ 
    ด้านนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้จะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับการมีใบสั่งจาก คสช. แต่ประชาชนมีวิจารณญาณว่ามีความพยายามยืดระยะเวลาออกไป การทำเช่นนี้ทำให้คิดเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากมีการเตรียมการให้พรรคที่จะจัดตั้งใหม่ซึ่งอาจเป็นตัวแทนจากฝั่ง คสช. มีเวลาในการเตรียมความพร้อมมากกว่าพรรคการเมืองเดิม แถมการอ้างว่าทำไปโดยดูที่เนื้อหากฎหมาย ไม่ได้ดูมิติความมั่นคงหรือการเมืองนั้น ก็ชัดเจนแล้วว่า สนช.ทำหน้าที่กันแบบไหน 
    อดีต ส.ส.ผู้นี้เชื่อว่า สุดท้ายการเลือกตั้งก็ถูกเลื่อนไป ประชาชนเหมือนถูกหลอกไปมา ฝ่ายที่พูดให้สัญญาก็หาเหตุผลมาอ้างว่ามีความจำเป็น ซึ่งที่จริงแล้วใครก็ดูออกว่ามีเจตนาเพื่ออะไร นอกจากไม่เคารพคำพูดตัวเอง ไม่เคารพประชาชน แล้วยังไม่ได้คำนึงถึงมิติอื่นๆ ที่ควรจะได้เดินหน้า เช่น การเอาเวลาไปแก้ปัญหาปากท้อง คอร์รัปชัน ที่ประชาชนจะได้ประโยชน์
เด็ก ปชป.ซัดแหลก
     นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า สะท้อนให้เห็นวุฒิภาวะทางกฎหมายที่ไร้ธรรมาภิบาล เหิมเกริมในอำนาจ ออกกฎหมายตามอำเภอใจตามใบสั่งของทหารบางคน และได้ผลประโยชน์ทับซ้อนคือ สนช. ก็จะยืดอายุออกไปอีก 90 วัน ได้รับเงินเดือนเป็นแสนอีกฟรีๆ เกือบ 3 เดือน ย่อมถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนชัดๆ เพราะกฎหมายกำหนดให้ สนช.ทำหน้าที่แทน ส.ว. และ ส.ส.ในขณะเดียวกัน 
    "ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยมีสภานิติบัญญัติมาหลายชุด แต่ไม่เคยมีชุดใดที่ฉาวโฉ่ ไร้หลักการและปราศจากยางอายเช่นนี้ นับแต่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ลงมา แต่ยังมี สนช.ที่ดีมีคุณธรรมอยู่ไม่น้อย ก่อนหน้านี้ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ยืนยันกับสื่อมวลชนว่ามีคนปล่อยข่าวเรื่องนี้ แต่เพียงวันถัดมา นายเสรีก็หน้าแตก เพราะนายทวีศักดิ์ออกมาแถลงยืนยันอย่างเป็นทางการ" 
    เขาบอกว่า การพยายามยื้อกฎหมายลูกให้ประกาศใช้ออกไปอีก 90 วัน บรรดา สนช.ฝักถั่วย่อมเล็งเห็นผลแล้วว่าจะกระทบต่อคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศต่อนานาชาติสัญญาเมื่อปีที่แล้วว่าจะให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ในเดือน พ.ย.2561 คือปลายปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาประชาคมของ พล.อ.ประยุทธ์ หาก พล.อ.ประยุทธ์จะตระบัดสัตย์ ไม่ทำตามคำพูด โดยยืมมือแม่น้ำ 5 สายให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก ท่านอาจจะได้ชื่อจากประชาชนว่าเป็นโมฆบุรุษได้ และไม่ส่งผลดีต่อปัญหาปากท้องที่นับวันจะย่ำแย่ของพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด มิหนำซ้ำปัญหาคอร์รัปชันก็แพร่ระบาดอย่างหนักหน่วง
    "หาก พล.อ.ประยุทธ์ตระบัดสัตย์ เลื่อนวันเลือกตั้งออกไปอีก ก็อยากให้ดู พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นตัวอย่างว่าสุดท้ายรถถังไม่อาจจะเอาชนะพลังของประชาชนได้ และเมื่อมีการคอร์รัปชันในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ยังเพิกเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ นอกจากพี่น้องประชาชนไม่สนับสนุนแล้ว ผมก็เชื่อว่าทหารอาชีพที่ไม่ทุจริตคอร์รัปชันก็จะไม่สนับสนุนด้วย สังเกตได้จากร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มีนายพลกองทัพเรือจำนวนมากที่โหวตคัดค้านการต่ออายุให้กรรมการ ป.ป.ช.ตรงนี้อาจเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองในอนาคตอันใกล้" นายวัชระกล่าว
    ส่วนนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การยืดเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไป ก็คงทำให้กรอบระยะเวลาการเลือกตั้งตามโรดแมปตามที่นายกฯ เคยกล่าวไว้จะมีการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน 2561 เลื่อนออกไปโดยปริยายในฐานะที่เป็นนักการเมืองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร ไม่ได้รู้สึกจะเป็นจะตาย ถ้าการเลือกตั้งเลื่อนออกไปจากเดิม 90 วัน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เหนือความคาดหมาย เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ เป็นเพราะผู้มีอำนาจยังเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ไม่เสร็จเรียบร้อยใช่หรือไม่ พูดง่ายๆ ว่ายังแต่งตัวพรรคใหม่ไม่เสร็จ เลยต้องหาช่องทางทอดระยะเวลาการบังใช้กฎหมายออกไปใช่หรือไม่ 
แผนสืบทอดอำนาจ
    รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า การดำเนินการขยายเวลาของการบังคับใช้กฎหมายครั้งนี้ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการสืบทอดอำนาจที่ดำเนินการมาเป็นขั้นตอน โดยเฉพาะเมื่อมีความชัดเจนว่าต้องจัดตั้งพรรคใหม่ และดูดนักการเมืองจากพรรคเก่า การเคลื่อนไหวเพื่อบอนไซพรรคเก่า สร้างพรรคใหม่จึงดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง 
    "เริ่มจากการไม่ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม ถึงแม้จะมีกฎหมายพรรคการเมืองออกมาใช้หลายเดือนแล้ว จากนั้นก็ใช้มาตรา 44 รีเซตสมาชิกพรรคการเมืองเก่าออกเงื่อนไขที่ปฏิบัติได้ยากและขัดรัฐธรรมนูญ จนในที่สุดก็มาถึงการขยายเวลาการเลือกตั้ง ส.ส.ยืดออกไปอีก 90 วัน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพรรคใหม่ยังแต่งตัวไม่เสร็จใช่หรือไม่"
    นายองอาจเผยว่า จากการเคลื่อนไหวของผู้มีอำนาจเช่นนี้ ทำให้น่าเป็นห่วงว่าเมื่อผู้มีอำนาจที่เคยแสดงตัวว่าเป็นกรรมการแล้วเปลี่ยนสถานะมาเป็นผู้เล่นในสนามเสียเอง แถมยังใช้อำนาจเปลี่ยนแปลงกฎ กติกา ไปตามอำเภอใจ ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าการเข้าสู่อำนาจโดยการเลือกตั้งจะเป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ จึงขอฝากผู้มีอำนาจช่วยไตร่ตรองให้ดีว่าการสืบทอดอำนาจโดยใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรม อาจนำพาประเทศไปสู่ปัญหาใหม่ได้ในที่สุด
    ด้านนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการกระทำที่ผิดอยู่หลายกรณี ทั้งการผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 267 และ 268 ที่ต้องการจัดให้มีการเลือกตั้ง เนื่องจากกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้นำเสนอและมีการอภิปราย รวมถึงรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนหลายครั้ง และเชื่อว่า กรธ.ได้ตรวจสอบและรับรองเรื่องกรอบระยะเวลาในการนำไปสู่การเลือกตั้งอย่างละเอียดแล้ว จนนำมาสู่การทำประชามติ หากมีการแก้ไขหรือขยายกรอบระยะเวลาหลายครั้ง ก็ย่อมเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ 
    อีกทั้งรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมาก็ได้ให้เวลาในการเตรียมการเลือกตั้งไว้แล้ว โดยรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ให้เวลาไว้แล้วถึง 150 วัน นอกจากนี้ยังผิดต่อความต้องการของประชาชนที่ได้ไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 เพราะคาดหวังว่าหากเห็นชอบให้มีรัฐธรรมนูญ จะนำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็วตามที่บัญญัติไว้ให้ประชาชนได้ลงคะแนนเห็นชอบ รวมทั้งยังผิดในเชิงผลประโยชน์ขัดกันของ สนช.เองโดยตรง เพราะการขยายเวลาออกไปเท่าใด ก็จะส่งผลให้การดำรงตำแน่งของ สนช.ยืดยาวออกไปเท่านั้น 
วอน สนช.ช่วยยับยั้ง
    "และอาจถูกกล่าวหาว่าหวังสร้างผลงานเพื่อให้พวกตนเองได้กลับมามีอำนาจในการเป็นสมาชิกวุฒิสภาผ่านการคัดเลือกของ คสช.ต่อไปได้ ประเด็นนี้อาจถูกร้องเรียนได้ทันทีและในอนาคตหากมีการดำเนินการต่อไป"
    นายนิกรกล่าวต่อว่า ยังผิดต่อคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ข้อ 8 เนื่องจากเจตนารมณ์ของคำสั่งในข้อนี้ ต้องการให้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ทันทีหลังจากที่ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้น การอ้างว่าการขยายกรอบระยะเวลาเลือกตั้งเป็นเหตุอันควรจากคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 นั้น จะยกมาอ้างไม่ได้ เนื่องจากอาจถูกมองได้ว่าประสงค์ต่อผล จึงกำหนดเหตุดังกล่าวขึ้นมาเอง โดยการสร้างเงื่อนไขให้เกิดปัญหาจนทำให้ต้องมีการขยายกรอบระยะเวลาในการเลือกตั้งออกไป 
    ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนากล่าวด้วยว่า ตนขอเรียกร้องให้สมาชิก สนช.ช่วยกันยับยั้งการแก้ไขขยายเวลาดังกล่าว เพราะจะนำไปสู่ความเสียหายในหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ของ สนช. ที่อาจถูกร้องว่าร่วมกันกระทำผิดด้วย ส่วน คสช.นั้นอาจจะถูกกล่าวหาว่าสร้างเหตุขึ้นมาเพื่อประสงค์ต่อผลได้ และกรณีนี้จะนำไปสู่การผิดคำพูดของนายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศโรดแมปเลือกตั้งไว้แล้วว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 ซึ่งหากขยายเวลาออกไปก็จะส่งผลกระทบ โดยทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาชาติที่มีต่อนายกรัฐมนตรี และจะเกิดผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน กรณีนี้จะเป็นการได้ที่ไม่คุ้มเสีย จึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทบทวนให้ดี
    นายยุทธพร อิสรชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า ไม่ผิดความคาดหมายที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้สำหรับการขยายเวลาก่อนจะมีการเลือกตั้งไปอีก 90 วัน ซึ่งการขยายเวลาย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านการเมืองของหลายฝ่าย รวมถึงประชาชนที่กำลังจับตาการปฏิบัติหน้าที่ของ คสช.อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องอย่าลืมว่า ขณะนี้เป็นช่วงโค้งสุดท้ายในการบริหารประเทศของ คสช. สภาพเศรษฐกิจในระดับรากหญ้ายังคงไม่ดีขึ้น แม้ตัวเลขของเศรษฐกิจในระดับมหภาคจะเพิ่มขึ้น แต่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าสภาพเศรษฐกิจนั้นดีขึ้นอย่างที่ รัฐบาลกล่าวอ้างจริง 
    นอกจากนี้ ยังมีข่าวเรื่องนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาเขย่าความเชื่อมั่นของประชาชนอีก เพราะหนึ่งในนโยบายที่ คสช.พยายามพูดถึงคือ การแก้ปัญหาการทุจริตทุกรูปแบบอย่างจริงจัง หรือแม้แต่รัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดที่ถูกขนานนามว่า เป็น “รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง” แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นกลายเป็นคำถามกลับมายังสังคมว่า คสช.เองมีความจริงจังกับเรื่องดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน เมื่อความเชื่อมั่นด้านการเมืองเกิดเครื่องหมายคำถาม ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ สังคมน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วว่า จะเอาอย่างไรต่อไป
    “ป.ป.ช.เองเป็นองค์กรอิสระที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองไทยในหลายๆ กรณี การดำเนินการตรวจสอบนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร จะเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่า ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ หากเรื่องดังกล่าวไม่มีความชัดเจน ผลกระทบที่เกิดขึ้นย่อมชิ่งกระทบไปยังองค์กรอิสระอื่นๆ รวมทั้งกระดอนไปถึง คสช.เองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” นายยุทธพรระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"