ฟังข่าวคราวจาก เว็บไซต์-ภัยพิบัติ (paipibat.com) เห็นว่าพายุ เซินติญ หรือ Son Tinh ที่ว่ากันว่าอาจเกี่ยวพันกับกรณี เขื่อนแตก ในลาว ล่าสุด...ก็ได้สลาย กลายร่าง ไม่เหลือฤทธิ์ เหลือเดชใดๆ อีกต่อไปแล้ว ส่วนจะทิ้งซากอนุสรณ์แห่งความเสียหาย เอาไว้หนักหนา-สาหัสเพียงใด คงต้องอาศัย พายุน้ำใจ ช่วยเหลือ เยียวยา ปลอบประโลมกันไปตามสภาพ...
----------------------------------------------
พายุลูกนี้...ที่ว่ากันว่าตั้งชื่อตามศัพท์แสงของชาวเวียดนาม มีความหมายคล้ายๆ ประเภท เทวดาแห่งภูเขา อะไรประมาณนั้น จากที่ท่านเคยหมุนไป-หมุนมา อยู่แถบๆ แปซิฟิกตะวันตก พอได้จังหวะ เวลา ท่านก็ไปขึ้นฝั่งเอาที่แถวๆ มณฑลกวางตุ้งประเทศจีน จากนั้นก็ม้วนต้วนขึ้นไปตามภูเขาแถบชายแดนเวียดนาม และจะด้วยเหตุเพราะท่านหงุดหงิด รำคาญ เปรี้ยวเท้า เปรี้ยวตีนอย่างไรก็มิอาจทราบได้ เมื่อต้องไปเจอกับเขื่อน เซเปียน-เซน้ำน้อย ที่บริษัทไทย-บริษัทเกาหลี มาสร้างเอาไว้ปั่นไฟฟ้าแถวๆ แขวงจำปาศักดิ์ อัตตะปือ ท่านก็เลยฉีกกระชากหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ ส่งผลให้กระแสน้ำทะลักหลั่งออกมาแทนกระแสไฟ บรรดาชาวบ้าน-ชาวช่อง ชาวลาวที่แทบไม่ได้ใช้ไฟฟ้าในประเทศตัวเองอะไรมากมาย เลยต้องกลายเป็น ผู้รับกรรม แทนบริษัทไฟฟ้าแบบเน้นๆ เนื้อๆ...
--------------------------------------------
เหลือพายุอีก 2 ลูก...ที่หมุนไป-หมุนมา อยู่ในแปซิฟิกตะวันตก คือพายุ หวู่คง หรือ หงอคง (Wukong) ตั้งชื่อตามชื่อ หนุมานจีน หรือพญาลิง ซุนหงอคง (Sun Wukong) ผู้ร่วมเดินทางไปตามหาพระไตรปิฎกกับ พระถังซัมจั๋ง นั่นแหละ เท่าที่ดูๆ จากภาพในกราฟฟิก ท่านคงไม่ได้คิดจะสร้างความเดือดร้อนให้กับใครต่อใครซักเท่าไหร่ คือเส้นทางพายุคงขึ้นๆ ไปทางเหนือ เฉียดๆ ญี่ปุ่น แล้วอาจสลายกลายร่าง หมดฤทธิ์ หมดเดช ลงไปเอง ต่างไปจากพายุอีกลูกที่ใช้ชื่อออกไปทางเกาหลี คือพายุ ชงดารี (Jongdari) เห็นว่าเอาชื่อมาจาก นก แต่เป็นนกแบบไหน ชนิดไหน ก็มิอาจทราบได้ พายุลูกนี้นี่แหละ...ที่ว่ากันว่า อาจมีส่วนช่วยให้บรรดาชาวซามูไรทั้งหลาย ซึ่งกำลังล้มตาย ร่วงตาย ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เรียกว่า คลื่นความร้อน กันชนิดเป็นร้อยๆ พอได้หายร้อน คลายร้อน ขึ้นมาได้มั่ง...
-----------------------------------------
เพราะเส้นทางของพายุลูกนี้...ตามที่ผู้เชี่ยวชาญ ผู้คาดการณ์ เขาได้คำนวณออกมาเสร็จสรรพ เห็นว่าน่าจะหมุนคว้างไปแถบๆ ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น แถวๆ เกาะฮอนชูอะไรประมาณนั้น และด้วยลม ด้วยฝน ด้วยความฉ่ำชื้น ชุ่มเย็น ที่พายุลูกนี้หอบเอาไปจากพื้นผิวมหาสมุทรแปซิฟิก น่าจะทำให้อุณหภูมิอากาศในประเทศญี่ปุ่น ที่สูงปรี๊ดด์ด์ด์ขึ้นไปถึงประมาณ 41.1 องศาเซนติเกรด มีโอกาสลดฮวบๆ ฮาบๆ ลงไปได้บ้าง กลายเป็นพายุที่ออกไปทาง ให้คุณ มากกว่า ให้โทษ แบบพายุ เซินติญ หรือพายุอะไรต่อมิอะไรเท่าที่เคยเป็นมาในอดีต ซึ่งย่อมต้องมีทั้ง คุณ และ โทษ ควบคู่กันไป ขึ้นอยู่กับสถาน กาลเวลา และเหตุปัจจัยอื่นๆ เป็นองค์ประกอบ...
---------------------------------------------
แต่บางครั้ง บางครา...ผู้ที่มองเห็นแต่ด้านที่เป็น โทษ เคยถึงขั้นคิดจะต่อสู้ ต่อต้าน คิด กำจัดพายุ ในแต่ละลูก ด้วยเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่ อยู่หลายครั้ง หลายครา เช่นใช้วิธียิงปืนใหญ่ บรรจุสารเคมี เข้าใส่พายุในบางลูก หรือกรรมวิธีที่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ อีกเป็นจำนวนไม่น้อย แต่โดยสรุปแล้ว...กรรมวิธีเหล่านี้ก็ไม่ได้รับการยอมรับมากมายซักเท่าไหร่ อันเนื่องมาจากสิ่งที่อาจเป็น โทษ กับคนกลุ่มหนึ่ง สถานที่หนึ่ง และเหตุปัจจัยหนึ่งๆ มันกลับกลายเป็นสิ่งที่เป็น ประโยชน์ กับคนอีกไม่รู้กี่ต่อกี่กลุ่ม กี่สถานที่ ที่ย่อมต้องมีเหตุปัจจัยผิดแผกแตกต่างกันไป...
---------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...แทนที่จะใช้วิธีกำจัด ขัดขวาง ต่อสู้ ต่อต้านความเป็นไปตามธรรมชาติในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี ผู้ที่เจริญแล้ว พัฒนาแล้ว ไม่ว่าในทางเทคโนโลยี วิทยาการ ไปจนถึงพัฒนาการด้านความคิดและจิตใจ เขาจึงมักหันมาหากรรมวิธี หาทาง ปรับเปลี่ยนตัวเอง ให้สอดคล้อง เหมาะสม ไปกับความเป็นไปตามธรรมชาตินั่นแหละเป็นหลักใหญ่ ชนิดผู้คนที่ได้ชื่อว่าก้าวหน้า ก้าวไกล ทางเทคโนโลยี สามารถกั้นเขื่อน กั้นแม่น้ำ ไม่ให้ไหลเข้ามาท่วม ดินแดนกังหันลม อย่างประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่หลังๆ นี้...แทนที่จะไปหมกมุ่นอยู่กับการสร้างเขื่อน สร้างอะไรต่อมิอะไรให้ต้องเดือดร้อน วุ่นวาย บรรดาชาวเนเธอร์แลนด์จำนวนไม่น้อย เขาเลยหันมาสร้าง บ้านลอยน้ำ นั่งร้องเพลง เรือนแพ...สุขจริง อิงกระแสธารา กันไปแทนที่...
-----------------------------------------------
ความเป็นไปตามธรรมชาติที่ออกจะโหดร้าย รุนแรง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...ว่าไปแล้วคงไม่ได้เป็นเพราะความวิปริต ผิดเพี้ยน อะไรมากมายหรอกทั่น แต่เป็นไปตามธรรมชาติ หรือตาม ครรลองแห่งธรรมชาติ นั่นแล ถ้าพูดแบบให้ถูกแล้วก็ถูกอีก คงต้องพูดว่า ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป นั่นเอง และด้วย ครรลองแห่งธรรมชาติ ที่กำลังเป็นไปในแนวนี้ จึงทำให้การ ปรับเปลี่ยนตัวเอง ให้เหมาะสม สอดคล้อง ไปกับความเป็นไปของธรรมชาติ จึงไม่ได้เกี่ยวพันอยู่แต่เฉพาะการสร้างเขื่อน-ไม่สร้างเขื่อน การปั่นกระแสไฟฟ้า หรือการหันกลับไปใช้แสงตะเกียง ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังกินความไปถึงการเปลี่ยนแปลงระบบการเมือง เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมควบคู่ไปด้วย ซึ่งควรเป็นไปในแนวไหน อันนั้น...คงต้องลองไปนั่งคิด นอนคิด กันเอาเองก็แล้วกัน...
----------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Alice Walker... In nature, nothing is perfect and everything is perfect. Trees can be contorted, bent in weird ways, and still they’re beautiful.- ในธรรมชาติ...ไม่มีสิ่งใดดีพร้อม แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบภายในตัวเอง ต้นไม้อาจบิดเบี้ยว หงิกงอ อย่างประหลาด แต่ยังคงความงดงาม...
-----------------------------------------------
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |
