ว่าด้วยโลก-อำนาจ-และตัวเรา


เพิ่มเพื่อน    

(1)

            เมื่อไหร่ที่กินอะไรแล้วรู้สึกว่า อร่อยฉิบหาย หรือ แซบกระด้อกระเดี้ยหลาย...สิทธิการิยะท่านว่าไว้ว่า พึงต้อง ตั้งสติ ให้หนักๆ เข้าไว้ เพราะอะไรที่มันอร่อย ถูกปาก ถูกรส ถูกใจ อะไรที่นำมาซึ่งความสุข ความซาบซ่าน สุดท้าย...ด้วยไอ้นั่นนั่นแหละ ที่มันจะนำมาซึ่งความทุกข์ ความรู้สึกว่าไม่ถูกใจ ถูกรส ถูกปาก เกิดอารมณ์ Positive และ Negative อุบัติขึ้นมาในตัว...

(2)

            แล้วไม่ใช่แต่เฉพาะอาหาร หวาน คาว เรื่องกินโน่น กินนี่ แต่เพียงเท่านั้น กระทั่งเรื่องการอยู่ หรือการใช้ชีวิตในแต่ละรูป แต่ละลักษณะ อะไรที่มันนำมาซึ่งความสะดวก สบาย เพลิดเพลิน เจริญหู เจริญตา อูมฟูม ฟ่ามเฟิ้ม โดยสิทธิการิยะท่านว่า ก็คงไม่ได้ต่างอะไรไปจากเรื่องการกินนั่นแล คือเมื่อไหร่ที่อร่อยฉิบหาย สบายฉิบหาย สุขสุดยอดฉิบหาย สุดท้าย...ย่อมนำมาซึ่ง ความฉิบหาย ฉบับของแท้และดั้งเดิมเอาง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับอะไรที่มันดันเป็นด้านตรงข้าม หรือไม่ถึงกับเป็นไปตามที่เคยสุข เคยสบาย เคยอร่อย บรรดา Positive ทั้งหลาย ที่พลิกกลับมาเป็น Negative นั่นเอง ย่อมนำมาซึ่งความทุกข์ ความเดือดร้อน ความไม่สบายกาย สบายใจ ได้ทุกเมื่อ...

(3)

            ด้วยเหตุนี้...บรรดา ศาสนา ทั้งหลาย ไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม ท่านเลยออกอาการคล้ายๆ พวกที่มองโลกในแง่ร้ายอยู่บ้าง เช่น มองว่าโลกนี้เป็นแค่ สะพานข้าม จะไปจริงๆ จังๆ ยึดถือเป็นฐานที่มั่นอันถาวร สร้างเสริมความสุข ความสบายใดๆ เอาไว้รองรับไปโดยตลอดนั้น ไม่น่าจะถูกเรื่องกันซักเท่าไหร่นัก หรือโลกนั้นเป็นแค่ มายาภาพ เดี๋ยวเดียว...ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมระเหยหาย เหลือแต่จิตวิญญาณ เหลือแต่กรรมดี กรรมชั่ว ที่ติดตัว ติดตาม ไปในทุกหนแห่ง ไม่ว่าชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหนๆ ก็ตาม คริสต์นั้น...พระเยซูท่านถึงกับสอนให้ลด-ละ-เลิก ทิ้งสมบัติ ทิ้งเงิน ทิ้งทอง อย่าได้คิดสะสมเอาไว้ในโลกนี้เป็นเด็ดขาด เพราะมีแต่จะถูกปลวก ถูกหนอน แทะกิน กัดกิน สู้หันไปสะสมสมบัติทางจิตวิญญาณ หรือ สมบัติในสวรรค์ ที่ไม่มีอะไรกัดกิน แทะกิน ถึงจะเข้าท่า...

(4)

            แถมยังสรุปไว้แบบ มาโซคิสต์อ่อนๆ ซะอีกต่างหากว่า...ถ้าโลกนี้เกลียดชังท่านทั้งหลาย ก็จงรู้ว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อน ถ้าท่านทั้งหลายเป็นของโลก โลกก็จะรักท่านซึ่งเป็นของโลก แต่เพราะท่านไม่ใช่ของโลก เพราะเราได้เลือกท่านให้ออกมาจากโลก เหตุฉะนั้นโลกจึงเกลียดชังท่าน ส่วนท่าน อิหม่าม อาลี แห่งศาสนาอิสลาม ยิ่งหนักไปทาง ซาดิสต์ ยิ่งขึ้นไปอีก คือถึงกับอุปมาอุปมัยเอาไว้เลยว่า...โลกนั้นเป็นเสมือนหนึ่งอสรพิษ เนื้อตัวนิ่มนวล แต่ฉกกัดถึงตาย หรือ โลกนี้คือสถานพำนักซึ่งถูกล้อมรอบไว้ด้วยเครื่องมือลงโทษดุจแส้ ถูกกองสุมไว้ด้วยการทุจริต คดโกง สภาพของมันหากไม่อดกลั้น อดทนอย่างยิ่งแล้ว ผู้ที่เข้าไปหามันทั้งหมดย่อมมีแต่จะพินาศย่อยยับ...ฯลฯ...

(5)

            เหตุที่ ศาสนา อาจมองโลกในแง่ร้าย หรืออาจหนักไปทางมาโซคิสต์ ซาดิสต์ อะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ อันที่จริง...ก็เพื่อที่จะช่วยให้เกิด สติ ในการเพ่งพินิจ พิจารณา สิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบกับประสาทสัมผัสทั้งหลายนั่นแล ไม่ได้ถึงกับคิดจะให้จงเกลียด จงชัง อะไรไปโดยถ้วนทั่วทั้งหมด อะไรที่สวยสด งดงาม ประณีต ละเอียดอ่อน ประกอบด้วยศิลปะ ศาสนาท่านไม่เคยห้าม ไม่เคยคิดจะให้ไปจงเกลียดจงชังเอาเลยแม้แต่น้อย เผลอๆ อาจสนับสนุน ส่งเสริม อีกซะด้วย เพียงแต่ท่านมุ่งที่จะให้ใคร่ครวญ พิจารณา แต่ละสิ่งแต่ละอย่างที่เข้ามาสู่หู ตา จมูก ปาก ลิ้น กาย ใจ ด้วย สติ และ ปัญญา เป็นที่ตั้งนั่นเอง คือแค่อย่าไปเพลิน อย่าไปหลง อย่าไปติดยึดกับมัน เพราะสุดท้าย...มันล้วนแล้วแต่เป็น มายาภาพ หรือเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

(6)

            ยิ่งถ้าหากเป็นสิ่งหยาบๆ กร้านๆ น่ากลัว น่าเกรงขาม ประเภท อำนาจ อะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย ถ้าถีบมันออกไปห่างๆ ได้ มากเท่าไหร่ ก็น่าจะยิ่งดีเท่านั้น เพราะผู้ที่ไปหลงติด หลงยึดกับมัน ส่วนใหญ่...ก็มักจะลำบาก เต็มไปด้วยความทุกข์ ความเดือดร้อนไปด้วยกันทั้งสิ้น ถึงขั้นนักคิด นักปราชญ์ ในบางยุค บางสมัย ท่านมองเป็นความชั่วร้าย หรือเป็นสิ่งที่นำไปสู่ ความฉิบหาย ความเสียผู้ เสียคน เอาเลยถึงขั้นนั้น เช่น Lord Acton ที่ถึงกับเอ่ยเอาไว้เป็นวาทะประมาณว่า Power tends to corrupt, and absolute power corrupt absolutely. หรือ อำนาจมักทำให้คนทุจริต ยิ่งมีอำนาจมากเท่าไหร่ ยิ่งทุจริตมากเท่านั้น อะไรประมาณนั้น หรือถ้าเบาหน่อย อย่าง Abraham Lincoln ก็ว่าเอาไว้ประมาณว่า Nearly all men can stand adversity, but if you want to test a man’s character, give him power. หรือ โดยทั่วไปแล้ว คนเราสามารถยืนหยัดต่อสู้กับความทุกข์ยากได้ แต่ถ้าท่านอยากทดสอบนิสัยใจคอของผู้ใดแล้ว ก็ลองให้ผู้นั้นมีอำนาจดูเถิด... ก็เอาเป็นว่า...อุตส่าห์ลากยาวมาถึงขั้นนี้ก็คงไม่มีอะไรมาก เพียงแต่อยากบอก อยากแนะนำ ไว้ในที่นี้ว่าอย่าไปเสียดม เสียดาย อะไรเลยกับสิ่งที่เรียกว่า อำนาจ ไม่ว่ามีเรา-ไม่มีเรา โลกมันย่อมต้องเป็นไปตามทางของมันที่ถูกกำหนดกฎเกณฑ์ไว้ด้วย กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ มาแล้วแต่แรก...นั่นแล...


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"