"ตำรวจ-อัยการ" ต่างยันทำคดีลูกชายพ่อโดดตึกศาลอาญาดับยึดตามกฎระเบียบ "รองโฆษก สตช." ชี้สำนวนไม่อ่อนเหตุอัยการสั่งฟ้อง ส่วน "รองโฆษก อสส." ก็แจงปมกล้องวงจรปิด สั่ง พงส.สอบเพิ่มแล้ว แต่สำนวนกลับมาไม่ปรากฏว่าได้ภาพดังกล่าว "ผบ.ตร. "ลั่นให้ความเป็นธรรม มอบ "ผบช.น." รื้อคดีเก่าดูความบกพร่อง "อธิบดีอัยการคดีอาญา" เล็งยื่นอุทธรณ์ต่อ "ภรรยา" เศร้ารับศพสามี บอกถ้ายังไม่ได้รับความยุติธรรมอาจคิดสั้นตาม
ความคืบหน้ากรณี นายศุภชัย ทัฬหสุนทร อายุ 52 ปี กระโดดจากชั้น 8 อาคารศาลอาญาลงมาเสียชีวิต หลังศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องผู้ต้องหา คดีใช้อาวุธสนับมือและมีดแทงนายธนิต ทัฬหสุนทร บุตรชายเสียชีวิตช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2559 เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความเครียดและน้อยใจการทำคดีของพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เหตุเกิดเวลา 10.15 น. วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เป็นเรื่องของศาลต้องไปถามศาล ซึ่งขณะนี้ทาง พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการนครบาล (บช.น.) กำลังรื้อคดีว่าการสอบสวนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจนครบาล
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ตนจะไปดูสำนวนเก่าว่ามีความเป็นมาอย่างไร เราให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลก็รับปากแล้วจะไปดูสำนวนเก่า
ถามว่าจำเป็นต้องตรวจสอบพนักงานสอบสวนชุดที่เคยทำคดีนี้หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า แน่นอน เราต้องให้ความเป็นธรรมว่าการทำสำนวนเป็นอย่างไร มีความรอบคอบทุกอย่างหรือไม่ หากมีตรงไหนบกพร่องทางสำนวนก็ค่อยว่ากัน
"จะถือเป็นตัวอย่างก็ได้ว่าการทำสำนวนมีที่มาที่ไปอย่างไร แต่เรื่องนี้เป็นกรณีคำตัดสินของศาลชั้นต้น ซึ่งเรื่องการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน พล.อ.ประวิตรได้กำชับมาตลอดให้ความเป็นธรรมและความยุติธรรมเกิดขึ้นให้ได้ เพราะตำรวจกับประชาชนอยู่ใกล้กัน เราก็ทำมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ถ้าตำรวจผิดไม่ต้องห่วงก็ดำเนินการอยู่แล้ว เพราะถือเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบสำนวนคดีมีข้อบกพร่องหรือไม่ แต่ยังไม่มีการพิจารณาข้อบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี และได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อตรวจสอบสำนวนคดีว่าจะสามารถหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากเดิมได้หรือไม่ โดยให้ พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และมีกลุ่มงานสอบสวน บก.น.1 ร่วมด้วย อีกทั้งจะประสานงานกับสำนักอัยการเจ้าของคดีเพื่อทำการยื่นอุทธรณ์
พล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวว่า คณะทำงานต้องไปตรวจสอบสำนวนคดี ซึ่งมี 2 สำนวน ผู้ต้องหา 2 คน รายแรกคือ นายณัฐพงษ์ เงินคีรี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ผู้ต้องหาปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด ส่วนอีกรายเป็นเยาวชน ให้การรับสารภาพว่าได้ชกต่อยผู้ตาย แต่เหมือนเป็นการภาคเสธ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซึ่งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีบางส่วนยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สน.ดินแดง มีบางส่วนย้ายไปแล้ว
ตร.ยันสำนวนไม่อ่อน
"คณะทำงานต้องหาพยานหลักฐานเพิ่ม เหมือนเป็นการรื้อฟื้นคดี คณะทำงานต้องไปแสวงหาทุกอย่าง เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ ในส่วนของเหตุการณ์ทราบว่าวันเกิดเหตุ ช่วงเย็นมีการชุลมุนชกต่อยกันก่อนประมาณ 2 ทุ่ม จึงมีการก่อเหตุ ซึ่งหน้าปากซอยมีกล้องวงจรปิด เห็นว่ามีการทำร้ายร่างกายกัน แต่ตอนผู้ตายเข้าไปในซอยและถูกทำร้ายจนเสียชีวิต กล้องไม่สามารถจับภาพได้ ส่วนประจักษ์พยานในครั้งนั้นมีเพียงปากเดียว ก็ได้เสียสติอยู่ระหว่างรักษาตัว" ผบช.น.กล่าว
ซักว่า พนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนพบพยานหลักฐานที่เป็นดีเอ็นเอของผู้ตายบนตัวผู้ต้องหาหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ตอนนี้ขอไม่ลงรายละเอียดตรงนั้น ขั้นตอนต่อไปต้องรอให้ศาลเขียนคำพิพากษาให้เสร็จ ระยะเวลาประมาณ 30 วัน ซึ่งตนจะไปขอคำพิพากษามาดู เพื่อประกอบการตรวจสอบสำนวนคดีที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป
ส่วน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงคดีนี้ว่า เบื้องต้นทราบว่าคดีดังกล่าวในชั้นพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา และส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการ ชั้นพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องตามพนักงานสอบสวน
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ขอเรียนว่าในชั้นพนักงานสอบสวนนั้น มีการสอบสวนและตรวจสอบสำนวนคดีอย่างครบถ้วน ซึ่งการสอบสวนของพนักงานสอบสวนยึดตามกฎหมายระเบียบ โดยอาศัยพยานหลักฐานทางคดี ในประเด็นที่สังคมมองว่าพนักงานสอบสวนทำสำนวนอ่อนนั้น ต้องขอเรียนว่าพนักงานสอบสวนดำเนินการตามพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุอยู่แล้ว ซึ่งเห็นได้ว่าพนักงานอัยการมีความเห็นควรสั่งฟ้องตามพนักงานสอบสวน
"เพื่อป้องกันความสับสนของสังคม ในประเด็นที่ว่าสำนวนในชั้นพนักงานสอบสวนอ่อนนั้น เรียนว่าหากสำนวนในชั้นพนักงานสอบสวนอ่อนจริง ชั้นพนักงานอัยการก็คงสั่งไม่ฟ้องและคงไม่ถึงชั้นพิจารณาของศาลแล้ว ถึงอย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ความยุติธรรม และสามารถตอบคำถามสังคมได้ ผบช.น.ได้เรียกตรวจสอบสำนวนคดีดังกล่าวว่าการสอบสวนมีความรอบคอบรัดกุมเพียงใด หรือมีข้อบกพร่องหรือไม่อย่างไร" รองโฆษก สตช.กล่าว
ด้าน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (รองโฆษก อสส.) กล่าวว่า ได้เข้าพบอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 และนายนพพล เปียงใจ อัยการเจ้าของสำนวน พบว่าอัยการได้รับสำนวนมาสั่งคดีและฟ้องคดีไปโดยครบถ้วนตามหน้าที่ ไม่มีข้อบกพร่อง นายศุภชัยยังเคยมายกมือไหว้อัยการที่ว่าคดีอย่างเต็มที่ แม้อัยการจะเสนอพยานไป 7 ปาก แต่นำมาเบิกความได้ไม่ครบ และพยานที่เห็นเหตุการณ์ป่วยไม่สามารถมาให้การได้
ถามว่า ญาติระบุมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่เห็นคนร้าย แต่เมื่อไปขอเจ้าหน้าที่กลับบอกว่ากล้องเสีย นายโกศลวัฒน์กล่าวว่า ภาพกล้องวงจรปิด สำนักงานอัยการได้ทำหนังสือสั่งให้พนักงานสอบสวนไปสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว แต่ก็ไม่ปรากฏว่าได้ภาพดังกล่าว อัยการได้ทำตามที่ญาติผู้เสียชีวิตร้องขอมาอย่างเต็มที่
อัยการพร้อมอุทธรณ์
"สงสัยอะไรก็ให้รวบรวมเข้าในสำนวนคดีให้เสร็จสิ้นกระแสความ เมื่อไม่ได้ก็สืบเต็มที่เท่าที่มี ส่วนพยานที่ป่วยนั้น บิดาของพยานผู้ป่วยเป็นคนยื่นคำแถลงเข้ามาเอง มีใบรับรองแพทย์มาประกอบ เมื่อเกิดเหตุที่น่าสลดใจเกิดขึ้น สำนักงานอัยการสูงสุดขอแสดงความเสียใจ" นายโกศลวัฒน์กล่าว
รองโฆษก อสส.กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีเยาวชนที่ร่วมกระทำความผิดกับนายณัฐพงษ์ เงินคีรี จำเลยคดีฆ่านายธนิตว่า คดีที่ฟ้องนายอาร์รีชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 16 ปี คดีอยู่ระหว่างสืบพยานในมูลคดีความผิดกรรมเดียวกันกับคดีนี้ อัยการจะทำอย่างสุดความสามารถ
ขณะที่ นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวเสริมถึงคดีเยาวชนดังกล่าวว่า คดีเข้าสู่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางเมื่อปี 2560 ซึ่งศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไปแล้วช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.2561 ที่ผ่านมา โดยจำเลยให้การรับสารภาพ และโจทก์ได้สืบพยานประกอบคำรับสารภาพแล้ว ศาลจึงได้นำมาตรการแทนการพิพากษาคดีกับจำเลย ตามกระบวนพิจารณาคดี พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาใช้บังคับกับจำเลย โดยมีการกำหนดเงื่อนไขให้จำเลยและครอบครัวต้องปฏิบัติ และให้ตั้งนักจิตวิทยาของศูนย์ให้คำปรึกษา เป็นผู้จัดทำตามแผนที่ศาลกำหนดไว้ ซึ่งศาลนัดพร้อมเพื่อฟังผลการปฏิบัติตามแผนแก้ไขบำบัดฟื้นฟู ในวันที่ 23 เม.ย.2562 ต่อไป ซึ่งระหว่างนี้เยาวชนต้องไปปฏิบัติตามแผนดังกล่าว
นายพิทักษ์ อบสุวรรณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา กล่าวถึงการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาคดีฆ่านายธนิตว่า ทางอัยการสำนักงานคดีอาญายืนยันจะยื่นอุทธรณ์ให้คดีขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์พิจารณาอีกครั้งแน่นอน โดยระหว่างนี้เราอยู่ระหว่างยื่นขอคัดคำพิพากษาฉบับเต็มมา ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน หลังจากนั้นเราจะทำความเห็นไปยังอัยการสำนักงานคดีศาลสูงว่า เรามีความประสงค์ที่จะอุทธรณ์สู้คดีนี้ต่อในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งอัยการศาลสูงก็จะเป็นผู้พิจารณา โดยต้องยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน คาดว่าจะไม่มีปัญหา
"แนวทางการยื่นอุทธรณ์คดีตรงนี้ เบื้องต้นที่ศาลยกฟ้อง เนื่องจากเราไม่ได้ประจักษ์พยานไปเบิกความในชั้นพิจารณาคดี ประจักษ์พยานที่ว่านี้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ทางคณะทำงานเราก็จะดูว่ามีช่องทางขั้นตอนที่จะสู้คดีตรงนี้อย่างไร ส่วนจะสามารถเอาประจักษ์พยานปากที่ว่านี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ จะต้องขอประชุมกับคณะทำงานก่อน" อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากล่าว
วันเดียวกัน ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ นางเรวดี ทัฬหสุนทร ภรรยานายศุภชัย พร้อมด้วย น.ส.ปทุมมา เนตรเชวียง น้าสาว เดินทางมารับศพนายศุภชัย ที่กระโดดลงมาจากชั้น 8 ศาลอาญารัชดา เสียชีวิต
นางเรวดีกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนไม่เคยคิดมาก่อนว่าสามีจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เพราะก่อนเดินทางไปฟังคำพิพากษา สามีอารมณ์ดีร่าเริง ไม่คิดว่าศาลจะยกฟ้อง อีกทั้งไม่มีลางร้ายบอกเหตุใดๆ จนกระทั่งสิ้นคำพิพากษา คิดว่าสามีขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็ไม่คิดว่าจะคิดสั้น ตอนนั้นตนก็คิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายเหมือน แต่มีคนมาดึงไว้ทัน
"วอนขอความเป็นธรรมกับผู้มีอำนาจ เนื่องจากครอบครัวต้องสูญเสียทั้งสามีและบุตร หากถึงที่สุดแล้วไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนเองก็มีสิทธิ์ที่จะคิดสั้น แม้ว่าคนอื่นจะมองว่าตัวเองเป็นคนโง่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม จะนำร่างของสามีไปบำเพ็ญกุศลที่วัดกุนนทีรุทธาราม ย่านห้วยขวาง" นางเรวดีกล่าว
ภรรยานายศุภชัยกล่าวว่า แนวทางการต่อสู้หลังจากนี้ ยืนยันจะเดินหน้าต่อทั้งในชั้นศาลอุทธรณ์และฎีกา โดยขอขอบคุณผู้มีอำนาจที่สั่งให้มีการรวบรวมหลักฐานเพื่อตรวจสอบว่าคดีมีความบกพร่องส่วนใด เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ครอบครัวหาหลักฐานฝ่ายเดียว ถึงขั้นสามีลาออกจากงานประจำ เพื่อติดตามคดีและหาหลักฐาน จึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพล เป็นคนมีฐานะในท้องถิ่น จนทำให้พยานจำนวนมากไม่กล้าบอกว่าใครเป็นคนร้ายที่แท้จริง เพราะเขาก็ไม่อยากเดือดร้อน
"นอกจากพยานหลักฐานที่เป็นกล้องวงจรปิดไม่สามารถนำมาใช้ในการหักล้างกับคู่กรณีได้ เนื่องจากมีกล้องบางตัวในจุดเกิดเหตุไม่สามารถใช้การได้ แต่ยืนยันหากตำรวจมีความพยายามในการหาหลักฐานด้วย เชื่อว่าจะสามารถหาคนร้ายตัวจริงมาลงโทษได้ บางคดีศพถูกเผายังหาคนร้ายมาลงโทษได้เลย" ภรรยานายศุภชัยกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |