ประธาน กกต.จับตาก๊วนเพื่อไทยตบเท้าร่วมงานวันเกิด "น.ช.ทักษิณ" เตือนหากยอมให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกครอบงำถือว่าผิด กม.และอาจเข้าข่ายชุมนุมเกิน 5 คน โฆษก ชพน.ขอบคุณกลุ่มสามมิตรที่ให้เกียรติ เผยพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองลดขัดแย้ง "ธิดาแดง" โต้ "แรมโบ้อีสาน" กลัวคดีพันตัวจึงเปลี่ยนอุดมการณ์ "มาร์ค" จวกเหลือบฝูงใหม่ใช้ "เงิน-ตำแหน่ง-คดี" ล่ออดีต ส.ส. หวั่นการเมืองล้มเหลวเหมือนเดิม
เมื่อวันจันทร์ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่อดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ครอบครัว ญาติพี่น้องที่มีความใกล้ชิดนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนำโดยนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ทยอยเดินทางไปที่ประเทศอังกฤษเพื่อเตรียมร่วมงานฉลองวันคล้ายวันเกิดปีที่ 69 ของนายทักษิณ ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ซึ่งจะจัดที่กรุงลอนดอนว่า ขณะนี้พรรคการเมืองยังไม่ได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ยังไม่มีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่นั้น ก็ต้องดูว่าบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเข้ามาทำการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำนักการเมืองหรือไม่
"ขณะเดียวกันต้องดูว่าคนที่เข้าไปหารือกับนายทักษิณนั้นเป็นผู้บริหารพรรคหรือกรรมการพรรคหรือไม่ หากไม่ใช่ผู้บริหารพรรคและไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก็มีสิทธิ์สามารถคุยกันได้ แต่หากคุยเรื่องการเมืองก็อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายพรรคการเมือง และความผิดกรณีการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ซึ่ง กกต.ก็ได้ดูแลในเรื่องนี้อยู่ ว่ามีพรรคการเมืองใดกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับพรรคการเมืองที่มีการครอบงำหรือชี้นำจากบุคคลภายนอก โดยหากพรรคการเมืองใดยอมให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเข้ามาชี้นำ ก็ถือว่าผิดกฎหมายทั้งผู้ชี้นำและสมาชิกพรรคการเมืองเอง อย่างไรก็ตามการจะเอาผิดว่าการกระทำดังกล่าวของอดีต ส.ส.และผู้ใกล้ชิดนายทักษิณมีความผิดหรือไม่นั้น จะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน จึงจะสามารถดำเนินการเอาผิดได้" นายศุภชัยกล่าว
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา โฆษกพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ได้กล่าวถึงกรณีที่นายภิรมย์ พลวิเศษ เลขาฯ กลุ่มสามมิตรกล่าวถึงนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และพรรคชาติพัฒนา เกี่ยวกับความร่วมมือ การแลกเปลี่ยนและการมีส่วนร่วมกับกลุ่มสามมิตรเพื่อประโยชน์แก่เมืองโคราชว่า ก็ต้องขอขอบคุณกลุ่มสามมิตรที่กรุณาให้เกียรติท่านสุวัจน์และพรรคชาติพัฒนาได้ทำงานร่วมกับพรรคการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาเมืองโคราช นับแต่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยยึดหลักของความร่วมมือ มิตรภาพ และไม่มีความขัดแย้งต่อกัน เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งมาตลอด พรรคชาติพัฒนาพร้อมที่จะมีความร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อหารือ แลกเปลี่ยนแนวทางการทำงานร่วมกัน เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและเมืองโคราช การเมืองจะพรรคเดียวกันหรือต่างพรรคกัน แต่ต้องบ้านเมืองเดียวกัน
ชพน.แบะท่าซบสามมิตร
"พรรคชาติพัฒนายินดีสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างพรรคการเมืองเพื่อร่วมกันทำงานและยุติความขัดแย้งต่างๆ ที่ผ่านมา เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้หลังการเลือกตั้งในปีหน้า เมื่อมีการปลดล็อกและอนุญาตให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ปกติ ก็จะเป็นโอกาสดีที่พรรคการเมืองจะได้หารือกัน โคราชมีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่จะเติบโตอีกมากจากพื้นฐานต่างๆ ที่มีอยู่เดิม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่รัฐบาลได้เริ่มต้นดำเนินการไว้ เช่น มอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง จะสามารถต่อยอดความเจริญทางเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยวสู่จังหวัดนครราชสีมา ตราบใดที่โคราชมีความเป็นปึกแผ่นทางการเมือง เชื่อว่าหลังการเลือกตั้งการพัฒนาด้านต่างๆ สู่เมืองโคราชจะเกิดขึ้นมากมาย และนำโคราชไปสู่ความสำเร็จและเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก" นายชลิตรัตน์ กล่าว
นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษากลุ่ม นปช.กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ถึงกรณีกลุ่มสามมิตรจะดูดแกนนำ นปช.ไปร่วมทำกิจกรรมทางการเมืองว่า ตนถูกอ้างถึงบ่อยๆ ว่าเป็นเหตุให้คนบางคนไม่อยู่กับ นปช. ขอขอบคุณที่ให้ความสำคัญ เรื่องของการดูดนั้นเป็นปัญหาพรรคการเมือง นักการเมือง และแกนนำที่ไม่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยจริง ท่ามกลางความพยายามในการเปลี่ยนแปลงประเทศไปข้างหน้า ซึ่งมี 2 รูปแบบคือระบอบประชาธิปไตยอำนาจเป็นของประชาชน และประชาธิปไตยแบบไทยๆ การย้ายพรรคไปอยู่กับฝั่งเดียวกันคือฝ่ายประชาธิปไตยก็ยังเป็นที่รับได้ ไม่ใช่ย้ายเพราะถูกดูดจากปัญหาคดีความ ผลประโยชน์ การใช้อิทธิพล หรือการสัญญาว่าจะให้ เคยถามนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ว่าทำไมจึงไม่ชอบตนมากๆ เขาเคยบอกว่าไม่ให้เขาขึ้นเวที
"บทเรียนครั้งนี้ของการดูด ขอบใจที่เขาบอกขัดแย้งจนไม่อยากอยู่ นปช. ไปทำการ์ดอาสาพิทักษ์ประชาธิปไตย (อพปช.) ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่ตนส่งมอบตำแหน่งประธาน นปช.ให้กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. จากนั้นเดือน พ.ค. ปี 2557 มีการรัฐประหาร ถึงแม้ไม่ร่วมกับ นปช. แต่เมื่อจัดเวทีก็ชอบมาและขอขึ้นเวทีในเวลาไพรม์ไทม์หรือช่วงที่มีคนติดตามมาก ถ้าไม่ได้ขึ้นก็จะโกรธมาก ซึ่งเวทีที่ถนนอักษะขึ้นไม่ได้แล้ว นายจตุพรบอกว่าองค์กรนี้ไม่เกี่ยวกับ นปช. ใครตั้งก็รับผิดชอบเอง เรื่องนี้จึงเป็นบทเรียนว่าถ้าจะเป็นพรรคการเมืองหรือองค์กรประชาชนต้องมีจุดยืนแน่นอน ถ้ากลัวคดีก็แปลว่ามาเป็นแกนนำหรือ ส.ส.เพื่อผลประโยชน์ ไม่ได้มีอุดมการณ์เลย ถ้าไม่มีการปรับปรุงจะเป็นการพิสูจน์ว่าภาวะการเป็น ส.ส.หรือแกนนำนั้นไม่ใช่ของจริง แต่เป็นของปลอมที่ปะปนมา แต่ประชาชนนั้นคือของจริง" นางธิดากล่าว
'มาร์ค' จวกเหลือบฝูงใหม่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีการทาบทามอดีตนักการเมืองต่างๆ ให้ย้ายพรรคว่า หากการเชิญดังกล่าวไม่มีผลประโยชน์แลกเปลี่ยน ตนไม่ถือว่าเป็นพลังดูด แต่ถ้าไปเพราะพรรคใหม่มีทุนสนับสนุนถือว่าเป็นการใช้เงินดูด หรือแม้แต่กรณีมีตำแหน่งรัฐมนตรีจูงใจก็ถือว่าใช่ แต่ที่เลวร้ายที่สุดคือ นำคดีความมาต่อรองให้ย้ายไปอยู่กับพรรคใหม่แล้วคดีจะจบ ซึ่งต้องจับตาเพราะรัฐบาลชุดปัจจุบันใช้มาตรา 44 ตีตราไว้หลายคน ซึ่งตอนนี้จะเคลียร์ให้ ในทางกลับกันถ้าไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่ว่าอะไร แต่ถามว่าเชื่อหรือไม่ว่าการย้ายพรรคไม่มีผลประโยชน์ ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะ 3 เรื่องที่ว่ามาทั้งเงิน ตำแหน่งรัฐมนตรี และคดีความ ตนรับทราบมาว่ามีการเจรจาเรื่องเหล่านี้จริง
"คนในพรรคประชาธิปัตย์ตกเป็นเป้าในเรื่องเหล่านี้อยู่ แต่ผมเชื่อว่าเขาตกผลึกแล้ว ถ้ามั่นคงในอุดมการณ์ก็อยู่ แต่ถ้ามีเรื่องเหล่านี้ก็ไป เราคงห้ามอะไรไม่ได้ ผมไม่สบายใจที่มีคนพูดเรื่องการย้ายพรรคเพราะมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนเป็นเรื่องปกติทางการเมือง เพราะควรพอได้แล้วกับการเมืองแบบนี้ สังคมควรตัดสินใจปฏิเสธการเมืองแบบนี้ได้แล้ว และหวังว่าประชาชนจะมองคนที่โยกย้ายด้วยปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้มีผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง แต่เป็นเรื่องประโยชน์ส่วนตัว"
เมื่อถามถึงกรณีการดึงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ของคู่แข่งมาเป็นพวกเพื่อทำให้ตัวเองมีฐานเสียงที่เข้มแข็งขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราก็จะเหมือนคู่แข่งในอดีต ถามว่าประเทศก้าวหน้าอย่างไร ขณะเดียวกันจะกลายเป็นเหลือบฝูงใหม่ เมื่อเริ่มต้นด้วยวิธีการที่ผิด ยากที่จะกลับไปสู่ความถูกต้อง พรรคถูกตำหนิตลอดว่ายึดหลักการมากเกินไป แต่พวกตนยืนยันตลอดว่าต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ตนยังเคยพูดในพรรคว่าถ้าให้ทำเหมือนเขา จะมีเราทำไม ไปอยู่กับเขาก็หมดเรื่อง ทุกคนไปแสวงหาผลประโยชน์ทำแบบเดียวกันหมด แต่ที่พรรคไม่เห็นด้วยเพราะต้องการให้ประเทศหลุดพ้นจากวงจรนี้ ถ้าไม่หลุดพ้นจากวงจรก็แค่เปลี่ยนหน้าเท่านั้น และการเมืองก็ล้มเหลวเหมือนเดิม
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกระแสให้ยกเลิกระบบการทำไพรมารีโหวตว่า มีหนึ่งประเด็นที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือ ถ้าใครจะลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ต้องเข้าสู่กระบวนการไพรมารี ซึ่งกระบวนการย้ายพรรคจะยาก การเข้าสู่กระบวนการไพรมารีจะต้องอยู่กับพรรคนั้นๆ จนกว่ากระบวนการไพรมารีจะเสร็จสิ้น หากจะย้ายไปอีกพรรคหนึ่งก็ต่อเมื่อทำไพรมารีพรรคเก่าไม่พอใจ แล้วค่อยย้าย ซึ่งต้องมั่นใจอีกว่าจะสามารถเข้าสู่กระบวนการไพรมารีของอีกพรรคหนึ่งทัน แต่ถ้ายกเลิกไพรมารี การย้ายพรรคจะง่ายขึ้น ดังนั้นเราต้องจับตาว่าการยกเลิกไพรมารีจะทำให้การย้ายพรรคง่ายขึ้นหรือไม่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |