เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จัดเวทีวิชาการสตรีนิยมบริบทอุษาคเนย์ หัวข้อ “ญาณวิทยาที่ชายขอบ-(เด็ก) ผู้หญิง กะเทย เควียร์ : Silence, Subjectivity and Becoming (ในบริบทอุษาคเนย์ )” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
วิทยากรชื่อว่า นายตรีวัฒน์ ชมดี เป็นนักศึกษาโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พูดในประเด็นที่สุดล่อแหลม
"ความเป็นไปได้ของการจดทะเบียนสมรสร่วมสายโลหิต”
เนื้อหาคือ
"กฎหมายไทยได้กำหนดให้ผู้ชายและผู้หญิงต่างสายเลือดเท่านั้นที่สามารถจดทะเบียนสมรสได้ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์มีความก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งส่งผลให้การมีบุตรในการร่วมเพศจากสายเลือดเดียวกันไม่จำเป็นต้องมีบุตรที่อ่อนแอเสมอไป และการแต่งงานไม่ได้มีวัตถุประสงค์แค่การเพิ่มจำนวนประชากรเท่านั้น
ตัวอย่างที่เราเห็นได้ชัดของความเป็นไปได้ของการจดทะเบียนสมรสในสายเลือดเดียวกัน คือ พ่อกับลูกสาว หรือแม่กับลูกชาย จากวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของ ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร อาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ระบุว่า การมีเพศสัมพันธ์ทางสายเลือดเดียวกันไม่ได้มีความชั่วร้าย แต่เพียงเพราะคนยกศีลธรรมและวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์มาเป็นตัวกำหนดว่ามันผิด ซึ่งเราควรแก้ไขกฎหมายแพ่งว่าการมีเพศสัมพันธ์ทางสายเลือดเดียวกันให้สามารถจดทะเบียนสมรสได้ แต่ทางกฎหมายอาญาไม่ได้ระบุว่าการจดทะเบียนสมรสเป็นความผิดทางกฎหมาย
วิทยานิพนธ์ชิ้นหนึ่งของคณะนิติศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า การมีเพศสัมพันธ์ในสายเลือดเดียวกัน แม้ว่าจะมีความยินยอม แต่ไม่ได้มีความผิดทางอาญา แต่ผมไม่เห็นด้วยกับวิทยานิพนธ์เล่มนี้ เพราะทำให้กฎหมายประเทศไทยถอยหลัง นั่นคือการเอาศีลธรรมไปปะปนกับกฎหมาย การที่สามารถแยกศีลธรรมออกจากกฎหมายได้ โดยการแก้ไขกฎหมายการจดทะเบียนสมรสร่วมสายเลือดเดียวกันได้ และได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายแพ่ง ผมถือว่าเป็นกฎหมายสำคัญของสังคมที่มีวุฒิภาวะ ว่าสามารถแยกกฎหมายออกจากศีลธรรมได้ และยังมีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อีกหลายชิ้นว่า การมีเพศสัมพันธ์ทางสายเลือดไม่ได้ก่อให้เกิดความบกพร่องทางพันธุกรรมในรุ่นต่อไป”
ยอมรับว่า อ่านจบ ยิ่งกว่าตะลึง!
มีคนคิดแบบนี้!
ไปดูวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของอาจารย์จักษ์กันก่อน ผมไม่ได้อ่านรายละเอียด เพราะยังหาอ่านไม่ได้ แต่เท่าที่อ่านบทสรุปของวิทยานิพนธ์ ก็ระบุเอาไว้ว่า
"วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบถึงสาเหตุของการระบุว่า เพศสัมพันธ์ในสายเลือดเป็นพฤติกรรมที่ผิด ว่าเป็นความผิดโดยสาระของพฤติกรรม หรือเป็นเพราะถูกวาทกรรมกระแสหลักเข้ากระทำ ตลอดจนมุ่งศึกษาผู้มีพฤติกรรมเพศสัมพันธ์ในสายเลือดว่ามีตรรกะอะไรหรือไม่ ในการอธิบายและสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของตน"
คือ...ไม่ใช่วิทยานิพนแนวอีโรติก 18+ แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า มนุษย์ล้วนมีตรรกะแห่งการต่อต้านขัดขืนรองรับความชอบธรรมให้กับพฤติกรรมของตนทั้งสิ้น
อะไรประมาณนั้น
แต่ไม่ใช่การนำศีลธรรมออกจากกฎหมาย
แล้วอ้างว่าต้องมีเสรีภาพ ไม่เว้นการสมสู่กันเองในครอบครัวอย่างเสรี แยกแยะความต่างของมนุษย์กับสัตว์ไม่ออก
น่ากังวลครับเมื่อคนรุ่นใหม่มองศีลธรรมเป็นเรื่องล้าหลัง
ถ้าจะสังเกตกันสักนิด "รัฐธรรมนูญ" กฎหมายสูงสุดของประเทศ ก็มีคำว่า "ธรรม" อยู่ในนั้น
แล้วกฎหมายไม่มีธรรม จะเป็นกฎหมายสำคัญของสังคมที่มีวุฒิภาวะได้อย่างไร มองไม่ออกจริงๆ
ครับ...เวทีวิชาการนี้อาจมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่ แต่ไม่ว่าเจตนาอะไร
รับไม่ได้จริงๆ!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |