23 ก.ค.61 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ และพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางไปตรวจราชการ จ.อำนาจเจริญ และจ.อุบลราชธานี และประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5/2561 จ.อุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 23 – 24 ก.ค.61
โดยเวลา 09.00 น. นายกฯเยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้ผักอินทรีย์ เมืองธรรมเกษตร ไร่ภูตะวัน ออร์แกนิคฟาร์ม บ้านหนองเม็ก ต.คึมใหญ่ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ
โดยมีตัวแทนเกษตรกรได้นำผ้าขาวม้าผูกเอวนายรัฐมนตรี ท่ามกลางเสียงปรบมือของประชาชนที่มารอต้อนรับ จากนั้นผู้บริหารโครงการศูนย์เรียนรู้ผักอินทรีย์เมืองธรรมเกษตรได้บรรยายสรุปความเป็นมาศูนย์เรียนรู้ดังกล่าว
ทั้งนี้ นายกฯกล่าวกับข้าราชการและประชาชนในพื้นที่ว่า ดีใจที่ได้เจอทุกคน แม้ตนยังไม่สบาย มีไข้ ก็ต้องมา เพราะคิดถึงกัน ตนอิจฉาคนที่นี่ เพราะมีอากาศดี แต่กรุงเทพฯทั้งร้อน ฝนตก รถติด ที่นี่อากาศดีและมีฝนตกก็เพื่อทำการเกษตร ระหว่างเดินทางมา ตนได้คุยกับรองนายกฯว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล “ จึงขออย่ามองว่ามาเรื่องการเมือง อะไรก็เป็นการเมืองไปทั้งหมด แต่เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่วันนี้มุ่งหวังดูปัญหาที่มีอยู่ เพื่อแก้ไขให้เร็วขึ้น เพราะในวันหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามา ที่ผ่านมามีการทำงานมาหลายรัฐบาลแล้ว ซึ่งวันข้างหน้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่จะเริ่มต้นให้ได้วันนี้ก่อน”
นายกฯกล่าวว่า ทั้งนี้ หากมองว่ารัฐบาลมาแล้ว ของบประมาณปีนี้ ก็อยู่แค่ปีนี้ มันไม่ใช่ รัฐบาลนี้จะต้องเดินหน้าประเทศอย่างยั่งยืน จึงต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จะต้องทำให้ประเทศดีขึ้น ขณะเดียวกัน ข้าราชการในพื้นที่จะต้องพัฒนาร่วมกับประชาชนด้วย ขออย่าไปคิดว่ารู้ทั้งหมด จึงต้องผสมผสานระหว่างความรู้ของข้าราชการและประสบการณ์ของชาวบ้าน ขอให้ฟังรายการ"ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ที่ตนพูดในทุกวันศุกร์ จะได้ทราบว่าตนมีเจตนาดีกับทุกคนอย่างไร และสิ่งสำคัญทุกคนต้องสร้างหลักคิดว่าจะพัฒนาตนเองได้อย่างไร ขณะเดียวกัน คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันในรูปแบบประชารัฐ ไม่ใช่แค่รัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว ถึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการเมือง
นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเพราะการเลือกผู้นำที่ผิด จะมาโทษรัฐบาลฝ่ายเดียวไม่ได้ จึงอยากให้ประชาชนพิจารณาก่อนจะเลือกใครมาเป็นผู้นำ เพราะคนนั้นจะต้องรับผิดชอบ เหมือนกับการเลือกผู้ใหญ่บ้าน หรือ อบต. องค์กรปกครองท้องถิ่น เวลาที่เกิดปัญหาชาวบ้านก็ไปแจ้งหน่วยงานท้องถิ่นได้เลย เพื่อจะได้ระดมอุปกรณ์และวิธีแก้ไข นี่คือหน้าที่ขององค์กรท้องถิ่นเป็นผู้ที่เจอปัญหาก่อน ต้องทำงานเร่งแก้ปัญหาให้ประชาชน อย่ามามองเพียงเรื่องการเมือง เรื่องประชาธิปไตย แต่เราจะต้องมาดูเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยงานท้องถิ่นที่ถือเป็นผู้ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด จึงต้องมีการปลดล็อคเรื่องของงบประมาณขององค์กรท้องถิ่นให้เอาไปใช้ แต่ต้องไม่ปล่อยให้มีการทุจริตเกิดขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาลงพื้นที่ ไม่ได้เอาเงินล้านมาแจกมาหว่าน ไม่ได้มาหาเสียง แต่เป็นเงินที่ทำให้ทุกพื้นที่ทั้งประเทศ กลุ่มจังหวัดอีสานที่นี่มีการเสนอของบประมาณเข้ามาจำนวนมาก วงเงินนับหมื่นล้าน มีทั้งเรื่องเส้นทางรถไฟ ถนน การปรับปรุงการท่องเที่ยว การจัดการน้ำ การทำแก้มลิง สิ่งเหล่านี้ตนจะดูให้ โดยจะพิจารณาแก้ไขในส่วนที่ยังบกพร่องหรือมีปัญหาจริงๆ ขณะเดียวกัน ขอให้ประชาชนรู้จักใช้จ่าย อย่าสร้างหนี้เพิ่ม ตอนนี้รัฐบาลพยายามช่วยประชาชนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ประชาชนต้องรู้จักใฝ่หาความรู้หมั่นอ่านหนังสือให้เพิ่มมากขึ้น ส่วนครูอย่าสอนหนังสือแค่ในหนังสือ จะต้องสอนให้เด็กรู้จักคิดเป็น ตอนนี้โลกมันไปถึงไหนแล้ว ตนขอฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศไปดูห้องสมุดต่างๆในจังหวัดตัวเองว่ามีหนังสือเพียงพอกับประชาชนหรือไม่ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงความรู้ต่างๆ มากขึ้น เพราะไม่อยากให้คนไทยอ่านหนังสือแค่วันละ 8 บรรทัด
“ยิ่งใกล้เลือกตั้ง ผมยิ่งต้องลงพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ และการเลือกตั้งครั้งต่อไปเมื่อมีรัฐบาลใหม่ จะต้องเป็นรัฐบาลที่ไปได้ทุกที่ ยิ่งมีคนเกลียด ผมก็ต้องวิ่งไปหา ใครจะไม่ชอบผม ก็ไม่เป็นไร แต่ทหารทุกคนรักชาวบ้าน ทุกที่มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ตอนนี้เราแบ่งฝ่ายกันไม่ได้ เพราะทุกคนเป็นสีเดียวกัน เดือนนี้ทุกคนเป็นสีเหลือง มีความเป็นคนไทยร่วมใจกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
จากนั้นนายกรัฐมนตรี เดินพบปะประชาชน โดยช่วงหนึ่งได้พบกับศึกษานิเทศก์จังหวัด พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า ขอให้ครูใส่ใจเรื่องการเรียนการสอนให้ความรู้แก่นักเรียน ไม่ใช่ไปสนใจเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายครู ส่วนครูคนไหนที่เป็นหนี้ ก็ต้องใช้หนี้ เป็นหนี้แล้วไม่ใช้คืนได้อย่างไร ครูกับเกษตรกรไม่เหมือนกัน เพราะเกษตรกรไม่มีเงินเดือน ยังมีความยากจน รัฐบาลจึงต้องดูแลเกษตรกรมากสักหน่อย ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ได้รับโอกาสและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเช่นกัน
ต่อมาได้มีด.ช.กิตติภณ โสดาภักดิ์ หรือน้องต้นกล้า อายุ 4 ปี ตะโกนบอกนายกรัฐมนตรี ว่า "ท่านนายกฯ ผมอยากเป็นทหารครับ ไหนแม่ทัพครับ" ทำให้นายกรัฐมนตรียิ้มตรงรีบเข้าไปอุ้มน้องต้นกล้าพร้อมบอกว่า "ถ้าอยากเป็น ให้ไปกับลุงเลยเอาไหม" น้องต้นกล้าตอบว่า "รอให้ผมโตก่อน" ซึ่งสร้างเสียงหัวเราะให้กับนายกรัฐมนตรี ก่อนกล่าวชมว่า "กล้าเหมือนชื่อ" จากนั้นได้มีชายคนหนึ่งบอกกับนายกรัฐมนตรีว่ากำลังจะลงสมัครส.ส. ตนขอให้มากำลังใจนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายกฯ ยิ้มเจื่อนๆ พร้อมกล่าวว่า “เลิกทำอะไรเก่าๆ ต้องทำใหม่ในฐานะคนรุ่นใหม่ สร้างความความยั่งยืน ใครที่หาเสียงแล้วทำไม่ได้ ก็อย่าไปหา ผมไม่ได้รังเกียจใครอยู่แล้ว”
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |