ท่าทางน่าจะสู้ยากซ์ซ์ซ์...สู้ลำบาก ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สำหรับบรรดาพลพรรค เผาไทย ทั้งหลาย ตลอดไปจนแม้แต่บรรดาพวก แดงเอย...โธ่เอ๋ยน้องแดงของพี่ ในแต่ละกลุ่ม แต่ละราย คือต้องเรียกว่า...ทั้งโดนดูด โดนดึง โดนด๊วบ โดนกระดึ๊บๆ ชนิดแทบไม่น่าจะเหลือเรี่ยว เหลือแรง เหลือแสงสว่าง แสงตะเกียงที่ปลายอุโมงค์ เอาเลยแม้แต่น้อย...
---------------------------------------------------
คือถึงพยายามฮึด พยายามดิ้นรน กระเสือกกระสน ต่อไปเรื่อยๆ แบบแล้วแต่เวร แล้วแต่กรรม ก็คงพอได้...แต่จะให้ถึงขั้นพอจะตั้งความหวัง กลับมาเป็นใหญ่ เป็นโต ล้างแค้น แก้แค้น แค้นสวาทต้องทวงคืน แบบที่คุณ ไก่ วัฒนา ท่านเคยหวังๆ เอาไว้ อันนี้น่าจะยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ แทบมองไม่เห็นช่องเห็นทางใดๆ แม้แต่น้อย และก็แน่ล่ะว่า...สำหรับ การเมือง นั้น ถ้าหากมันไม่ได้สะท้อนให้เห็นช่อง เห็นทาง เห็นว่ามีโอกาสแม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ที่จะกลับมาเป็นใหญ่ได้ บรรดาน้ำเลี้ยง น้ำรัก น้ำจิตน้ำใจ ที่จะไหลมาจากท่อต่างๆ ย่อมต้อง อุดตัน ไปด้วย อย่างมิพึงต้องสงสัย...
-----------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...ถึงจะกวาดคะแนนเสียงมาได้เป็นร้อยๆ จากการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ก็แล้วแต่ แต่ได้มาแล้ว...ก็คงได้แต่ แห้งง์ง์ง์ตาย คาสภาฯ ไม่มีสิทธิ์เจาะช่อง เจาะทาง จะขึ้นมามีอำนาจบริหารใดๆ ได้เลย ด้วยเหตุเพราะการเตรียมการ ปรับฐาน ปรับอำนาจ ในตลอดช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ของพวกทหาร หรือ คสช.เขาทำเอาไว้แบบแน่นหนา แข็งแกร่ง เอามากๆ ทั้งในระดับกองทัพ ตำรวจ ข้าราชการประจำ ลามไปถึงนักธุรกิจ สภาสูง สภาล่าง ฯลฯ เผลอๆ...แม้แต่ มวลชน ก็ยังเปลี่ยนหน้า เปลี่ยนตา เปลี่ยนอารมณ์ ความรู้สึก กันไปมิใช่น้อย...
----------------------------------------------------
ดังนั้น...การมีเสียง ส.ส.อยู่ในมือแค่ไม่กี่ร้อย จะไปทำอะไรได้!!! ยิ่งถ้าหาก มวลชน ออกอาการระส่ำระสาย เปลี่ยนความรู้สึก เปลี่ยนจิตสำนึก แบบจำอุดมคติ อุดมการณ์ เดิมๆ แทบไม่ได้ อันนี้นี่แหละ...มันเลยออกจะหนักไปทาง มีแต่แห้งกับแห้ง หัวหาย หางขาด ท่อน้ำเลี้ยงอุดตัน ตั้งท่า ตั้งรูปขบวนแทบไม่ได้ แค่จะเอาใครมาเป็นหัว เป็นยี่ห้อ ยังหาข้อสรุปไม่เจอจนบัดนี้ แล้วหางมันจะไปเหลืออะไร ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน เลือดมันจึงไหลไม่หยุด ซึ่งก็น่าสมเพช เวทนา อยู่ไม่น้อย...แต่ทำไงได้ ในเมื่อด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้มันเลยต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม หรือกฎอิทัปปัจจยตานั่นเอง...
----------------------------------------------------
ว่าไปแล้ว...การเมืองในอนาคตข้างหน้า ดูๆ มันน่าจะเปลี่ยนๆ ไปจากเดิมมิใช่น้อย ไม่ใช่แค่เปลี่ยนมาเป็นระบบจัดสรรปันส่วนผสม จากที่เคยผสมอะไรก็ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาจัดสรร แต่แม้การชิงไหว ชิงพริบทางกฎหมายในสภาฯ การอาศัยโวหาร คารม คมคาย ก็น่าจะเป็นอะไรที่ เชยซ์ซ์ซ์ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ พูดง่ายๆ ว่า...การต่อสู้ เอาชนะคะคานกันในทางการเมือง มันอาจไม่ได้ถูกรวมศูนย์เอาไว้ใน รัฐสภา แต่เพียงเท่านั้น หรือแม้แต่จะหันไปสู้กันในท้องถนนก็เถอะ โอกาสที่จะระดมผู้คนออกมาเป็นแสนๆ ล้านๆ แบบเดิมๆ ก็น่าจะเป็นอะไรที่เก่าไปแล้ว และนอกจากทำไม่ได้ง่ายๆ โอกาสที่จะทำแล้วบรรลุจุดมุ่งหมาย ประสบความสำเร็จ ก็ยิ่งเป็นอะไรที่ยากซ์ซ์ซ์ยิ่งขึ้นไปใหญ่...
----------------------------------------------------
โอกาส ช่องทาง ที่จะต่อสู้ ต่อต้าน คัดค้านอะไรก็ตาม...มันออกจะผิดแผก แตกต่าง ไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อ โลกแห่งความจริง กับ โลกเสมือนจริง มันชักจะกลายเป็นโลกเดียวกันยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ศูนย์รวมความขัดแย้งต่างๆ มันจึงไม่ได้อยู่ในรัฐสภา หรือในท้องถนน อีกต่อไปแล้ว แต่ไหลมาอยู่ในอินเทอร์เน็ต ในโซเชียลมีเดีย ไปแทนที่ ซึ่งในโลกที่ว่านี้...มันแทบไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องมี พรรค มี กลุ่ม มี ฝ่าย เพราะแม้แต่ ตัวตนของตน ก็ยังแทบไม่รู้ว่าเป็นใคร มาจากไหน ต้องตามหาไอพี แอดเดรส กันชุลมุนวุ่นวาย แต่กลับสามารถ เปิดประเด็น ใช้โวหาร คารมคมคาย ใช้ชั้นเชิงต่างๆ ที่จะจุดชนวน การต่อสู้ ต่อต้าน คัดค้านใดๆ ได้เสมอๆ...
--------------------------------------------------------
ยิ่งนับวันที่ โลกเสมือนจริง มันยิ่งมีบทบาท อิทธิพล ต่อความเป็นไปใน โลกแห่งความจริง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่า...แม้แต่ สื่อหลัก ยังเสร็จ สื่อโซเชียล เอาดื้อๆ อันนี้นี่แหละ...ที่อาจถือเป็น ฝ่ายค้านตัวจริง และ ฝ่ายสนับสนุนตัวจริง ที่จะมีบทบาทในการกำหนดทิศทางทางการเมืองในอนาคตข้างหน้าอย่างมิอาจปฏิเสธได้ เผลอๆ...มากกว่านักการเมือง พรรคการเมือง หรือมวลชน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นพลังประชาธิปไตยแบบเก่าๆ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ขณะที่พลังของพวกโซเชียลมีเดีย นับวันมันชักจะก่อให้เกิด ประชาธิปไตยทางตรง (Direct Democracy) ชนิดแทบไม่ต้องเสียเวลาไปสนใจ ว่าประเทศจะปกครองกันด้วยระบบ ระบอบ อะไรก็ตามที...
----------------------------------------------------
แต่ก็นั่นแหละ...แม้พลังที่ว่านี้ มันอาจไม่มีความจำเป็นจะต้องมีพรรค มีกลุ่ม มีฝ่าย หรือแทบไม่ต้องแสดง ตัวตน ใดๆ ก็ตาม แต่การเอาชนะคะคานกันในพื้นที่ว่า ย่อมหนีไม่พ้นที่ต้องอาศัยความรู้ ความมีเหตุ-มีผล สติ-ปัญญา และโดยเฉพาะวุฒิภาวะ นั่นแหละเป็นสำคัญ มันถึงจะก่อให้เกิดพลัง เกิดฤทธิ์ เกิดเดช ขึ้นมาอย่างชนิดจับต้องได้ สัมผัสได้ และที่สำคัญเอามากๆ ก็คือ ต้องอาศัย เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ในโลกแห่งความจริง คือถ้าหากไม่ว่ารัฐบาล กองทัพ รัฐสภา ฯลฯ หรือใครก็แล้วแต่ ดันพลาด ดันหลุด ดันหลวม ขึ้นมาเมื่อไหร่ ต่อให้มีเสียงสนับสนุนครบ 500 ในสภาฯ มีบูรพาพยัคฆ์ วงศ์เทวัญ ยืนซ้าย-ยืนขวา แวบเดียวเท่านั้น...โอกาสที่จะไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี น็อกกันกลางอากาศ ย่อมเป็นไปได้ทุกเมื่อ...
----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก นิรนาม... SCIENTIA POTESTAS EST...Knowledge is power-ความรู้คืออำนาจ...
-------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |