ขุนคลังไฟเขียวออมสินจัดหนัก ร่อนหนังสือแจ้งสาขาไล่บี้ฟ้องครูเบี้ยวหนี้ แจงที่ผ่านมาออกมาตรการช่วยเหลือสารพัด "หมอธี" ยันครูส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับปฏิญญามหาสารคาม
     เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีปัญหาหนี้ครูว่า ธนาคารออมสินได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้รับทราบแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือไปหลายมาตรการ ดังนั้นหากลูกหนี้ครูรายไหนมีปัญหา ไม่ชำระหนี้ตามกำหนด จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย ถึงแม้ว่ากระทรวงการคลังจะไม่ต้องการดำเนินการเช่นนี้ เพราะการฟ้องร้องข้าราชการครู จะทำให้ครูเสียสภาพการเป็นข้าราชการ อย่างไรก็ตามครูที่ออกมาเรียกร้องส่วนใหญ่เป็นครูที่เกษียณอายุแล้ว จึงไม่น่ากระทบต่อการฟ้องร้องของธนาคารแต่อย่างใด
    “ธนาคารออมสินได้รายงานว่าที่ผ่านมามีมาตรการช่วยเหลือการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับครูที่มีการชำระหนี้ดี ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ย 1-2% ทำให้ภาระการชำระหนี้ต่องวดลดลง รวมถึงปรับโครงสร้างหนี้ให้กับครูที่มีปัญหา ด้วยการพักชำระเงินต้นให้ 3 ปี และลดอัตราดอกเบี้ยให้น้อยลง ตามความสามารถในการผ่อนชำระของครูแล้ว” นายอภิศักดิ์ระบุ
    รมว.การคลังกล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารออมสินมีลูกหนี้ครูจำนวน 4.5 แสนราย มีการผ่อนชำระดี 4 แสนราย และมีหนี้ครูที่ไม่สามารถชำระได้ หรือเป็นเอ็นพีแอล จำนวน 2-3 หมื่นรายเท่านั้น ซึ่งออมสินอยู่ระหว่างการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้อยู่แล้ว สำหรับกลุ่มครูที่ออกมาเรียกร้องอาจจะยังไม่รู้มาตรการช่วยเหลือดังกล่าว ซึ่งออมสินมีหน้าที่ดูแลลูกค้าทุกรายที่มีปัญหาให้สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ตามปกติให้เร็วที่สุด
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารออมสินได้ออกหนังสือเวียน ลงวันที่ 18 ก.ค.2561 ถึงกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสำนักงานธนาคารออมสิน เพื่อขอให้เร่งดำเนินการฟ้องคดีกับลูกหนี้สินเชื่อครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีใจความว่า ตามที่ธนาคารมีนโยบายในการเร่งแก้ไขปัญหาลูกหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นหนี้ค้างชำระ และไม่เข้าร่วมมาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้สำหรับการแก้ไขหนี้สินเชื่อครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือไม่ติดต่อชำระหนี้กับธนาคารนั้น
    ฝ่ายบริหารคดีขอเรียนให้ทราบว่า ธนาคารมีแผนการดำเนินคดีกับลูกหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งธนาคารได้แบ่งลูกหนี้ออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนั้น กลุ่มที่ 1 ลูกหนี้ที่ศูนย์ควบคุมและบริหารหนี้เขตมอบหมายให้กรรมการผู้จัดการ หรือหัวหน้าสำนักงานบอกกล่าวทวงถาม หรือบอกเลิกสัญญาเรียบร้อยแล้ว ให้เร่งดำเนินการฟ้องคดี โดยขอให้กรรมการผู้จัดการ หรือหัวหน้าสำนักงานธนาคารออมสินทุกสาขา ตรวจสอบคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบ และประสานกับศูนย์ควบคุมและบริหารหนี้เพื่อขออนุมัติและฟ้องคดีให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.2561 ส่วนกรณีลูกหนี้รายใดที่จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญาใหม่ (เพื่อให้มีผลบังคับตามกฎหมาย) ขอให้กรรมการผู้จัดการ หรือหัวหน้าสำนักงานธนาคารออมสินทุกสาขา เร่งดำเนินการบอกเลิกสัญญาและฟ้องคดีให้แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.2561
    กลุ่มที่ 2 ลูกหนี้ที่ศูนย์ควบคุมและบริหารหนี้เขตอยู่ระหว่างจัดทำหนังสือแจ้งให้กรรมการผู้จัดการ หรือหัวหน้าสำนักงานธนาคารออมสินทุกสาขาบอกกล่าวทวงถาม หรือบอกเลิกสัญญา ซึ่งขอให้กรรมการผู้จัดการ หรือหัวหน้าสำนักงานธนาคารออมสินเร่งกระบวนการฟ้องคดี โดยตรวจสอบเอกสารประกอบการฟ้องคดีให้ครบถ้วน กรณีพบว่าศูนย์ควบคุมและบริหารหนี้เขตเจ้าของบัญชียังไม่ได้จัดส่งหนังสือแจ้งเตือนให้ชำระหนี้เงินกู้ของผู้กู้และผู้ค้ำประกัน ขอให้กรรมการผู้จัดการหรือหัวหน้าสำนักงานธนาคารออมสินประสานเพื่อขอรับหนังสือดังกล่าวมาประกอบการฟ้องคดี
    รวมทั้งให้ตรวจสอบภูมิลำเนาของผู้กู้และผู้กู้ร่วม กรณีหากพบว่าผู้กู้และผู้กู้ร่วมมีภูมิลำเนาอยู่ต่างพื้นที่ ซึ่งกรรมการผู้จัดการ หรือหัวหน้าสำนักงานธนาคารออมสินไม่สามารถดำเนินการยื่นฟ้องคดีได้ ให้กรรมการผู้จัดการ หรือหัวหน้าสำนักงานธนาคารออมสิน ดำเนินการส่งเรื่องคืนศูนย์ควบคุมและบริหารหนี้เขตเจ้าของบัญชีเพื่อมอบหมายให้สำนักงานทนายความในพื้นที่ที่ลูกหนี้มีภูมิลำเนาดำเนินการโดยด่วน และเมื่อกรรมการผู้จัดการ หรือหัวหน้าสำนักงานธนาคารออมสินได้รับเอกสารประกอบการดำเนินคดีครบถ้วนแล้ว ขอให้รีบดำเนินการบอกเลิกสัญญากับผู้กู้และผู้ค้ำประกันให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.นี้
    อย่างไรก็ดี เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามหนังสือบอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้ประสานกับศูนย์ควบคุมและบริหารหนี้เขตเจ้าของบัญชี เพื่อขอภาระหนี้และยื่นฟ้องคดีให้แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.2561
    ทางด้าน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สอบถามในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่ครูกลุ่มหนึ่งประกาศปฏิญญามหาสารคาม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารออมสินพักหนี้โครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2561 พร้อมนัดลูกหนี้ ช.พ.ค.ทั่วประเทศกว่า 4.5 แสนคน ยุติการชำระหนี้กับธนาคารออมสินตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2561 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ได้ชี้แจงแล้วว่าครูส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นด้วยกับถ้อยแถลงของปฏิญญาดังกล่าว พร้อมทั้งประสานไปยังธนาคารออมสินเพื่อสอบถามถึงข้อเรียกร้องดังกล่าวที่อ้างว่าครู 4.5 แสนคนเห็นด้วยนั้นเป็นความจริงหรือไม่    
    โดยที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการดำเนินงานในหลายส่วนเพื่อช่วยเหลือแก้ปัญหาหนี้สินครู ทั้งการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กับธนาคารออมสิน เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ดอกเบี้ยและเงินต้นลดลง รวมทั้ง สกสค.ไม่รับเงินสนับสนุนพิเศษ เพื่อนำไปให้ลูกหนี้ชั้นดี ซึ่งมีอยู่เกินกว่าร้อยละ 90 ในขณะที่ลูกหนี้กลุ่มวิกฤติมีจำนวนเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ครูส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นด้วย การจะมาอ้างว่าครู 4.5 แสนคนเห็นด้วยคงไม่ได้ แต่ในทางกลับกัน ข้อเรียกร้องดังกล่าวส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์ของครูโดยรวม จึงขอให้สังคมอย่าได้ตัดสินหรือเหมารวมว่าครูทุกคนจะมีพฤติกรรมเช่นเดียวกับกลุ่มครูดังกล่าว 
    นพ.ธีระเกียรติกล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการได้ทำหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อให้ธนาคารออมสินทบทวนข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการเปลี่ยนการค้ำประกันเงินกู้ได้โดยไม่ต้องใช้การค้ำประกันแบบเดิม อาทิ นำที่ดินหรือสินทรัพย์มาค้ำประกันแทน จะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกันหรือไม่ ซึ่งธนาคารออมสินยินดีจะรับไปพิจารณาทบทวนต่อไป
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายอวยชัย วะทา ประธานเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย ประกาศปฏิญญามหาสารคาม ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ว่า "ไม่ทราบ ทราบแต่ว่าเขาไปอยู่พรรคการเมือง เขาทำ เขาจะมาบอกผมหรือ ผมไม่รู้ว่าเขาไปตั้งพรรคการเมืองหรือเปล่า หรือไปวางรากฐานการเลือกตั้งหรือตั้งพรรคการเมืองอะไรหรือไม่ เราก็ไม่รู้”
    เมื่อถามว่า จะมีการเตือนหรือไม่ว่าไม่ให้นำเรื่องดังกล่าวไปผูกติดกับการหาเสียง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ กกต.ว่ากันไปก่อน เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ได้กระทบกระเทือนต่อความมั่นคง แต่เป็นเรื่องของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น.