ตั้งบอร์ดคุมทำหนังหมูป่า


เพิ่มเพื่อน    

    เตรียมชง ครม.ตั้งบอร์ดระดับชาติคุมการสร้างหนัง 13 ชีวิตหมูป่าติดถ้ำ เผย 5 บริษัทหนังต่างชาติแสดงความจำนง บางรายส่งทีมสำรวจพื้นที่แล้ว รมว.สธ.ระบุ 13 หมูป่าสุขภาพกายและจิตใจดีมาก โฆษก พม.เตือนบุคคลที่ติดตามเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ผิด พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พม.เชียงรายพร้อมเฝ้าระวังผลกระทบจากการเสนอข้อมูลและมิจฉาชีพรุมทึ้ง เผยห่วงสุดเรื่องเวลาเรียน  
    ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 19 กรกฎาคม นายวิษณุ  เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ภายหลังการประชุม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม ในฐานะรองประธานคณะกรรมการฯ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติตั้งบอร์ดระดับชาติเพื่อดูแลกรณีการจัดทำภาพยนตร์เกี่ยวกับ 13 ทีมหมูป่าฯ เป็นการเฉพาะ  โดยคณะกรรมการจะมีประมาณ 10-20 คน มีรองนายกฯ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการ เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น รวมถึงมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาพยนตร์อยู่ในบอร์ดนี้ด้วย โดยกระทรวงวัฒนธรรมจะเสนอคณะกรรมการระดับชาติดังกล่าวในที่ประชุม ครม.วันอังคารที่จะถึงนี้   
    "เรื่องหลักที่คณะกรรมการชุดนี้จะดูแล คือการผลิตภาพยนตร์ สารคดี วีดิทัศน์ การดูแลลิขสิทธิ์เกี่ยวกับเนื้อหา เรื่องราวเหตุการณ์ ดูแลเรื่องการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารของเด็กและโค้ช ซึ่งเป็นเรื่องความเหมาะสมว่าสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงดูแลข้อมูลของบุคคลที่เกี่ยวข้องและภาพลักษณ์ประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ในส่วนบทภาพยนตร์จะต้องมีการตรวจสอบอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องปกติในการทำงาน และขณะนี้มีบริษัทต่างประเทศที่แสดงความสนใจทำภาพยนตร์ดังกล่าวแล้ว 5 ราย มีบางรายลงสำรวจพื้นที่แล้ว ขณะที่บริษัททำหนังของไทยก็มีสนใจบ้าง แต่ยังไม่มาลงรายละเอียด" 
    เมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำภาพยนตร์เองด้วยหรือไม่ นายวีระกล่าวว่า บอร์ดที่จะตั้งขึ้นคงจะพิจารณาเรื่องนี้ด้วย
    ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการแถลงข่าวของทีมนักฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี ผ่านรายการเดินหน้าประเทศไทย เมื่อค่ำวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า เด็กทั้ง 13 คนให้สัมภาษณ์ถือเป็นภาพที่ดี ทั้งภาพลักษณ์ของประเทศและทุกภาคส่วนที่ร่วมกันช่วยเหลือ โดยทั้งหมดมีความสดใส สุขภาพดี และเด็กทั้ง 13 คนรู้สึกขอบคุณทุกคนที่มีส่วนช่วยเหลือด้วยใจ ส่วนสิ่งที่เราทุกคนหวังคือเด็กๆ จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีความรับผิดชอบ ทำประโยชน์ให้กับสังคมได้อีกมากมายในอนาคต แต่สิ่งที่หวังนั้นจะเป็นไปได้เมื่อพวกเราช่วยกัน โดยเฉพาะช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อยากขอฝากผู้ที่จะสัมภาษณ์เด็ก ถ้าทำเพื่อประโยชน์ของเด็ก ต้องพิจารณาให้ดีว่าสิ่งที่เอาไปเกิดประโยชน์กับเด็กหรือเกิดประโยชน์กับผู้ที่นำไป และหากใช้วิจารณญาณเต็มที่แล้ว เด็กเหล่านี้จะเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นอนาคตของประเทศที่ดีต่อไป
    “จากการติดตามการให้สัมภาษณ์ ถือว่าทั้ง 13 คนอยู่ในสภาพร่างกายและจิตใจที่ดีมาก และการถามตอบก็ไม่ไปรุกล้ำสิ่งที่ไปกระทบสภาพจิตใจ มีแต่สิ่งที่ดีเกิด และพวกเราที่เป็นห่วงก็ได้เห็นภาพที่ดี โดยรวมเกิดแต่สิ่งที่ดี ทั้งด้านของเด็กและสังคม ส่วนการที่เด็กออกมาเตะฟุตบอล ถือเป็นเรื่องที่ปกติ ช่วยให้เด็กไม่เครียด สะท้อนให้เห็นว่าทั้ง 13 คนควรจะมีชีวิตที่ปกติต่อไปข้างหน้า และเป็นชีวิตของเด็กที่ปกติ ซึ่งจะทำให้เห็นได้ว่าเด็กมีสุขภาพที่ดีทั้งกาย ทั้งใจ ดูได้จากหน้าตา” รมว.สธ.กล่าว
    นางสุภัชชา สุทธิพล โฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงแนวทางการดูแลฟื้นฟูทีมหมูป่าอะคาเดมีภายหลังออกจากโรงพยาบาลว่า ในส่วนของ พม. มีการทำแผนการฟื้นฟูเด็กๆ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทั้งนี้ ในแผนระยะสั้น พัฒนาสังคมและความมั่นคงของ จ.เชียงราย (พมจ.เชียงราย) มีการลงไปเยี่ยมครอบครัวเด็กตั้งแต่ในช่วงที่ติดอยู่ในถ้ำ แต่ยังไม่ได้พูดคุยกับผู้ปกครองของเด็ก เนื่องจากเขาเกาะติดสถานการณ์อยู่หน้าถ้ำ
เตือนผิด พรบ.คุ้มครองเด็ก
    "เราจะส่งนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยาลงไปเยี่ยมครอบครัวเด็กอีกครั้ง เพื่อดูว่าครอบครัวประสบปัญหาในเรื่องใดบ้าง และจะได้ทำการช่วยเหลือ เบื้องต้นจะมีการช่วยเหลือในเรื่องการแนะแนวอาชีพให้ผู้ปกครองเด็ก แต่หากพบมีปัญหาอื่น เช่น มีคนพิการ มีความยากจน การศึกษา ก็จะดำเนินการช่วยเหลือสนับสนุนต่อไป ส่วนแผนระยะยาว ได้มีการหารือกับชุมชนและกระทรวงการศึกษาฯ จัดทำโครงการความปลอดภัยในเด็ก เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นในเรื่องความปลอดภัยต่างๆ"
    นายสุภัชชากล่าวว่า กรณีที่มีผู้ปกครองเด็กอ้างว่ามีการขับรถตาม จอดรถซุ่มอยู่หน้าบ้าน จนทำให้ เกิดความวิตกกังวลนั้น จะต้องดูว่าคนที่ตามมีวัตถุประสงค์อย่างไร เช่น อยากรู้อยากเห็น หรือตามเนื่องจากมีวัตถุประสงค์แสวงหาผลประโยชน์หรือไม่ ต้องดูเจตนาของคนที่ตาม หากตามเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ทาง พมจ.จังหวัดเชียงรายร่วมกับหน่วยงานในจังหวัดไม่เพียงแต่จะดูแลในการฟื้นฟูเยียวยา แต่รวมไปถึงการคุ้มครองเด็กให้มีความปลอดภัยด้วย ไม่มีการกำหนดว่าจะดูแลในระยะเวลา 1-2 เดือน แต่จะติดตามดูแลจนกว่าจะมั่นใจว่าเด็กสามารถยืนอยู่ในสังคมได้ และมีความมั่นคงในชีวิต
    ด้านนางอณิรา ธินนท์ พม.จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จากกรณีการดูแลทีมหมูป่าฯ ที่ยังมีสื่อติดตามไปดักเก็บภาพและสัมภาษณ์บริเวณบ้านภายหลังจากที่มีการแถลงข่าวแล้ว ทาง พม.จะดูแลในแง่ของผลกระทบถึงตัวเด็กและสภาพจิตใจว่าเป็นเชิงลบหรือไม่ และเบื้องต้นอยู่ที่ผู้ปกครองด้วย โดยได้พูดคุยและทำความเข้าใจหลายประเด็นให้กับผู้ปกครองในการดูแลเด็กหลายแง่มุมแล้ว ซึ่งผู้ปกครองก็ตระหนักและได้รวมกลุ่มกันพูดคุยปรึกษาหารือกัน ให้การดูแลเด็กๆ ร่วมกัน ส่วนใหญ่ผู้ปกครองก็ไม่ให้สัมภาษณ์แล้ว ซึ่งตรงนี้จะมีการดูแลของคณะกรรมการระดับอำเภอ และกลุ่มสหวิชาชีพดูแลอยู่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่รัฐ ก็จะคอยดูว่าปัญหาไหนกระทบเด็ก ก็จะเข้าไปดูแลจัดการ โดยคอยรับฟังจากผู้ปกครองอีกทีหนึ่ง
    “เราจะคอยเฝ้าระวังผลกระทบที่เกิดจากการเสนอข้อมูลเรื่องราวเชิงลบที่กระทบต่อจิตใจเด็ก เพราะยังมีบางส่วนมองเด็กๆ ในแง่ลบ รวมถึงมิจฉาชีพที่จะเข้ามาในรูปแบบต่างๆ ในส่วนจังหวัดก็จะดูแลในเรื่องภาพกว้างทั่วไปที่ต้องรายงานต่อรัฐบาล ส่วนในระดับประเทศ ก็ยังต้องมีเรื่องที่ต้องดูแลอีกด้านหนึ่ง เช่น เรื่องการติดต่อของบริษัทสร้างหนังจากฮอลลีวูด ที่จะเกี่ยวข้องกับเด็กๆ และเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่เราต้องศึกษาทำความเข้าใจ หรือเรื่องสิทธิประโยชน์ ล้วนเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” 
    นางอณิรากล่าวอีกว่า ปัญหาเฉพาะหน้าคือ เวลาเรียนของเด็กๆ เพราะหลังจากออกมาจากถ้ำ จะต้องทำตามที่ผู้ปกครองแนะนำ ซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหว เพราะเป็นเรื่องความเชื่อ ซึ่งออกมาแล้วก็ต้องเดินทางไปแก้บน ทำกิจกรรมหลายอย่างตามสัญญา หลังจากเด็กๆ ปลอดภัยแข็งแรงแล้ว เรื่องนี้เป็นปัญหาปัจจุบันที่ต้องบริหารจัดการเวลา ซึ่งทำได้ยาก และค่อนข้างลำบากใจ เด็กๆ เองก็ต้องทำ ซึ่งเป็นเรื่องความเชื่อที่เราก็เข้าใจ 
    เช้าวันเดียวกัน ทหารจากค่ายเม็งรายมหาราช และค่ายอื่นๆ ที่เคยร่วมปฏิบัติงานช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 คนที่ถ้ำหลวง รวม 9 นาย พากันไปกราบนมัสการพระธาตุดอยเวา ชุมชนดอยเวา เทศบาล ต.แม่สาย ใกล้ด่านพรมแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นได้ไปกราบไหว้บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อบริเวณหน้าถ้ำหลวง และเข้าพิธีอุปสมบท ณ ที่วัดบ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย ใกล้กับถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน โดยมีพระครูสุวิชาญ สุตสุนทร เลขานุการเจ้าคณะ อ.แม่สาย และเจ้าอาวาสวัดบ้านจ้อง ประกอบพิธีให้ และ พ.ท.รุ่งโรจน์ เปล่งสันเทียะ เสนาธิการ ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง นำคณะทหารร่วมพิธี
ทหาร 9 นายบวช 9 วัน
    พระครูสุวิชาญกล่าวว่า ช่วงที่มีการค้นหาช่วยเหลือเด็กๆ ทีมหมูป่าฯ มีการใช้วัดบ้านจ้องเป็นสถานที่รวมพลของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ทั้งทหารราบ  หน่วยซีล ทหารจากประเทศสหรัฐอเมริกา ฯลฯ บางวันมีมากถึง 500 นาย บางวันก็ลดลง 200-300 นาย  นายทหารคนหนึ่งซึ่งได้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่า หากภารกิจประสบความสำเร็จ ก็จะพาทหารออกบวช 9 นาย เป็นเวลา 9 วัน ดังนั้นจึงได้พากันมาบวชแก้บนเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าแม่นางนอน และ น.ต.สมาน กุนัน หรือจ่าแซม อดีตหน่วยซีล ที่เสียสละชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว
    พระครูสุวิชาญกล่าวอีกว่า ทั้งหมดได้ปลงผมที่วัดเมื่อเวลา 15.49 น. วันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งช่วงปลงผมมีพายุพัดแรงอย่างน่าอัศจรรย์ ส่วนการบวชจะเริ่มตั้งแต่เวลา 13.09 น. บวชเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ตรงกับวันที่ 19 ก.ค. ซึ่งถือว่าเป็นสิริมงคล และต่อจากนี้ทั้งหมดจะได้ปฏิบัติธรรมภายในวัดต่อไป
    ขณะที่นายเอกพล จันทะวงษ์ หรือโค้ชเอก และลูกทีมคนอื่นๆ รวม 11 คน พร้อมครอบครัว ได้ไปประกอบพิธีสืบชะตาภายในศาลาวัดพระธาตุดอยเวา โดยครูบาแสงหล้า เจ้าอาวาสวัดพระธาตุสายเมือง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา, พระครูประยุตเจติยานุการ รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยเวา นำประกอบพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคลและขับไล่สิ่งชั่วร้าย แต่ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปรบกวนระหว่างประกอบพิธี
    ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นางลีน่า จังจรรจา หรือลีน่า จัง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ศราวุธ โชติสุวรรณ รอง ผกก.4 บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิดกับนายเอกพล จันทะวงษ์ หรือโค้ชเอก ผู้ฝึกสอนทีมหมูป่าอะคาเดมี 1 ใน 13 คนทีมหมูป่าฯ ที่ติดในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในข้อหาบุกรุกอุทยานแห่งชาติ พร้อมนำหลักฐานเป็นแผ่นซีดี มามอบให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อประกอบการพิจารณา
    นางลีน่ากล่าวว่า ได้นำหลักฐานเป็นคำให้สัมภาษณ์ของนายเอกพล ในรายการเดินหน้าประเทศไทย ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่กล่าวว่า ทีมหมูป่าฯ ได้ใช้ก้อนหินขุดผนังถ้ำ และได้บุกรุกเข้าไปในถ้ำหลวง นำรถจักรยานเข้าไปจอดภายในถ้ำ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งในกรณีดังกล่าวมีความผิดหลายข้อหา และมีโทษจำคุก เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินคดี จะละเว้นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเด็กเป็นอภิสิทธิ์ชนหรือเด็กเทวดา ส่วนเด็กที่อายุไม่ถึง 14 ปี ไม่ต้องรับโทษ เนื่องจากอายุไม่ถึง นอกจากนี้ ทางพ่อแม่ของเด็กก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่แผ่นดินตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่ตนถูกดำเนินคดีที่เข้าไปถ่ายคลิปที่ถ้ำพระยานคร อุทยานแห่งชาติสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในข้อหาถ่ายทำคลิปโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่นเดียวกันกับทางทีมหมูป่าฯ และโค้ชเอก จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย เนื่องจากใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกัน 
    เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำและตรวจสอบหลักฐานที่นางลีน่าได้นำมามอบให้ ก่อนที่จะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป
     นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายชื่อดัง เจ้าของเพจ “ทนายคลายทุกข์” ให้ความเห็นทางกฎหมายว่า  โค้ชเอกและเด็กทีมหมูป่าอะคาเดมีที่เข้าไปติดในถ้ำหลวง ดูจากพฤติกรรมแล้วน่าเชื่อว่าเป็นการกระทำความผิดด้วยความจำเป็น เพราะเห็นว่ามีภยันตรายจากน้ำที่ท่วมเข้าไปในถ้ำจวนจะถึงตัว และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงจำเป็นต้องพาเด็กๆ หนีน้ำเข้าไปหลบในถ้ำหลวง ดังนั้นการกระทำของโค้ชเอกครั้งนี้มีความผิด แต่ได้รับการยกเว้นโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 67 ซึ่งทางลีน่าจังซึ่งเป็นทนายความน่าจะรู้ดี ถ้ามีข้อความอันใดอันเป็นเท็จเพื่อจะกลั่นแกล้งให้โค้ชเอกได้รับโทษทางอาญา ก็อาจจะรับโทษเสียเอง ฐานแจ้งความเท็จเพื่อกลั่นแกล้งผู้อื่น ตามกฎหมายอาญามาตรา 174 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีและโทษปรับด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"