“สุพล ฟองงาม” เผยพร้อมต้อนรับ “ประยุทธ์” ลงพื้นที่อุบลราชธานี หากจังหวัดเชิญมา “ณัฐวุฒิ” กัดฟันพูดดูดตามสบาย โอ่จะทำให้ นปช.เหลือแต่ทองแท้ พร้อมอัดกลับ “แดงสุรินทร์” แกนนำเก๊ หันไปก็ไม่มีใครตามก้น “สมศักดิ์-สุเทพ” เดินสายหาเสียงแล้ว เรียงหินหารือกลุ่มเกษตรกร ส่วน “กำนัน” ลงเมืองช้าง
เมื่อวันพุธ ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการและมหกรรมการแสดงผลงาน 100 ปี การสาธารณสุขไทย โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า การเป็นคนดี ต้องดีทั้งร่างกายและจิตใจ เกียรติยศศักดิ์ศรีไม่ใช่ตัวเราเองเป็นผู้กำหนด ไม่ใช่เป็นนายกฯ แล้วจะหมายความว่าเป็นคนดี มีเกียรติยศ การจะมีเกียรติยศได้คือการที่คนข้างล่างเท่านั้นให้มา ถ้าเขาไม่ให้ ก็มีไม่ได้ หรือถ้าประชาชนไม่ยอมรับก็อยู่ไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมดา เกียรติยศเป็นเรื่องที่คนอื่นมอบให้กับเรา ดังนั้นเราต้องทำตัวให้มีคุณค่า มีความสุขในสิ่งที่ทำวันนี้ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุขกับเรา เราก็ต้องมีความสุขกับความสุขของคนอื่น ถือเป็นหน้าที่ของเราทุกคน
ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ กล่าวถึงการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.อุบลราชธานี ที่ตั้งข้อสังเกตว่ามีนัยทางการเมืองว่า ไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงแล้ว ซึ่งตามกำหนดการที่ออกมาตั้งแต่ต้น ไม่มีการพบปะนักการเมืองในพื้นที่ มีแต่พูดกันไปเอง
เมื่อถามแย้งว่า การลงพื้นที่ทุกครั้งที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีการพบปะกับผู้นำท้องถิ่น พล.อ.ฉัตรชัยปฏิเสธเสียงสูงว่า ไม่มี มีแต่ชาวบ้านมา อย่าไปคิดอย่างนั้น ยืนยันว่าตามกำหนดการไม่มีการพบกัน ส่วนที่ระบุกันว่าลงพื้นที่เพื่อไปดูดนั้น ก็ไม่ทราบ อาจจะคิดกันเอง เขียนกันไปเอง
ในขณะที่นายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า หากจังหวัดมาเชิญให้ไปร่วมต้อนรับหรือพูดคุย พล.อ.ประยุทธ์ก็ยินดี แต่หากไม่เชิญก็คงไม่ไป เพราะไม่อยากไปแล้วเกิดเป็นภาพว่าถูกดูด หรือนายกฯ มาลงพื้นที่เพื่อดูดใคร แบบนี้จะเสียหายกันทั้งสองฝ่าย และต่อให้ไปในฐานะประชาชนในพื้นที่ ก็ไม่สามารถหนีภาพความเป็นนักการเมืองไปได้อยู่ดี สื่อก็ต้องเขียนข่าวเรื่องดูดกันอีก ดังนั้นเลยอยากให้นายกฯ ลงพื้นที่แบบสบายใจ ไม่ต้องมาเป็นประเด็นในเรื่องนี้
ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีนายเทพพนม นามลี นปช.สุรินทร์ ออกมาโจมตีว่า ส่วนตัวไม่รู้จักกับนายเทพพนม และไม่สนใจจะตอบโต้อะไร เพราะเคยแต่ประสานงานกับแกนนำ นปช.สุรินทร์ตัวจริง ซึ่งถ้าประกาศว่าตัวเป็นแกนนำ แต่หัน 360 องศาแล้วยังหาใครตามไม่ได้ ก็สาหัสเต็มที ส่วนเรื่องการเดินสายดูด นปช.นั้น คงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่ม เพราะหัวใจของเรื่องนี้คือหลักการ ซึ่งได้พูดไปชัดเจนแล้ว แม้พี่น้อง นปช.ต่างจังหวัดถามกันมามากว่าจะทำอย่างไร ก็ตอบกลับไปว่าไม่ต้องทำอะไร นั่งดูไปสบายๆ ไม่มีอะไรต้องกังวล ทั้งแง่ปริมาณและคุณภาพ
ชี้ช่วยคัดกรองทองแท้
“องค์กรต่อสู้อย่าง นปช. ถ้าจะอ่อนแอลงด้วยพลังดูดอย่างที่ทำกันอยู่ คงไม่ยืนมาถึงวันนี้ เป็นเรื่องดีที่พี่น้องทั่วประเทศตื่น แต่ไม่ต้องเต้น กลุ่มสามมิตรกำลังทำหน้าที่หน่วยคัดแยกให้ ใครเป็นใคร ไผเป็นไผเห็นกันหมด ถ้าเราทำเองคงไม่เห็นตัวตนของแต่ละคนชัดขนาดนี้ หากยังตั้งหน้าดูดกันอยู่ ก็อยากให้เร่งทำให้เสร็จ เอาใครไปได้ก็ให้รีบเอาไป จะได้เลือกตั้งกันเสียที” นายณัฐวุฒิกล่าว
แกนนำ นปช.ส่วนกลางรายนี้ย้ำว่า พูดจริงไม่ได้ประชด ดูดตามสบาย จะไม่ขัดไม่ขวาง ถ้ามีคนจาก นปช.ไปร่วมบ้างจริง ก็ขอให้กลุ่มสามมิตรหรือพรรคพลังประชารัฐดูแลให้ดี เชื่อว่าคนจำนวนมากตัดสินใจไปแล้วว่าถึงวันเลือกตั้งจะลงคะแนนอย่างไร ความเคลื่อนไหวที่เป็นอยู่จะช่วยทำให้ภาพระหว่างฝ่ายเผด็จการกับประชาธิปไตยชัดขึ้น ส่วนที่เหลือจะได้ตัดสินใจง่าย
นายสิระ พิมพ์กลาง ผู้ก่อตั้งพรรคเพื่อนไทย และแกนนำคนเสื้อแดงสกลนคร กล่าวว่า การที่กลุ่มสามมิตรเดินสายทาบทามคนเสื้อแดงในหลายจังหวัดทางภาคอีสานอย่างหนัก แล้วบอกว่าสิ่งนี้คือการปรองดองแล้วคงไม่ใช่ เพราะคนที่ไปร่วม เป็นเพียงผู้ร่วมเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดง ไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจในแนวทางการต่อสู้ อย่างที่รู้กัน กลุ่มใหญ่เสื้อแดงที่มีพลังคือ นปช.ส่วนกลาง นำโดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ และนายณัฐวุฒิเป็นต้น รวมไปถึงแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ใกล้ชิดกับคนเสื้อแดง
“กรณีนายเทพพนมที่ตัดสินใจไปร่วมงานกลุ่มสามมิตร พร้อมให้สัมภาษณ์โจมตีนายณัฐวุฒิ ผมไม่เห็นด้วย หากจะออกไปร่วมงานที่ใหม่ควรออกไปเลย ไม่ควรมาว่าคนที่ครั้งหนึ่งเคยทำงานร่วมกัน อย่างนี้มีแต่จะสร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้น” นายสิระกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ก.ค. ที่ร้านกินเส้น ย่านสนามบินน้ำ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน, นายอนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่มสามมิตร และนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนกลุ่มเกษตรกรต่างๆ โดยนายสมศักดิ์กล่าวถึงการหารือว่า ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกัน ในฐานะที่เราทำงานการเมืองมานาน และพร้อมที่จะรับฟังเสียงจากผู้คนอย่างหลากหลาย ก่อนนำไปพูดคุยกับตัวแทนรัฐบาลเพื่อหาทางช่วยเหลือจนได้ผลใกล้เคียงกับที่เกษตรกรอยากได้
ซัดดูดเป็นความคิดคนแก่
เมื่อถามถึงความชัดเจนในการเข้าร่วมกับกลุ่มสามมิตร นายสมศักดิ์กล่าวว่า อยู่กลุ่มสามมิตรอยู่แล้ว แต่ขณะนี้บ้านเมืองกำลังมีความเห็นต่าง อีกทั้งวันเลือกตั้งก็ยังไม่ชัดเจน จึงแสวงหาจุดร่วมเรื่องแนวคิดที่เห็นต่างของประชาชน เพื่อที่พรรคซึ่งเราจะไปร่วมงานในอนาคตจะได้รับไปเป็นนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร สร้างเกษตรกรให้เข้มแข็ง พึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด
สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการดูดอดีต ส.ส.นั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า คำว่าดูดนั้น คำนิยามหรือความหมายเป็นมุมมองที่ไม่ค่อยสวยงามนัก เพราะข้อเท็จจริงแล้วเป็นการระดมสมองหรือแสวงหาจุดร่วม ไม่ใช่การดูด และพรรคการเมืองที่ดีก็ต้องมองที่นโยบายเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน การไปว่าคนนี้คนนั้นดูดถือเป็นความแก่ชราเฒ่าของผู้เอามาพูด ควรเอาเวลาไปทำนโยบายที่ดีเพื่อเดินไปข้างหน้าจะดีกว่า เพราะเรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นประเด็นนำที่เราคิดว่าต้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในการจับจ่ายใช้สอยในฐานล่าง จะทำอย่างไรให้สังคมเมืองกับสังคมชนบทไปด้วยกันได้
"ผมหยุดการเมืองมาเป็นสิบปี เพราะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เพิ่งจะมีโอกาสกลับเข้ามา จึงคิดว่านโยบายในอดีตที่เคยคิดว่าจะทำ แต่ยังไม่ได้ทำ ก็จะเอากลับมาทำ จะได้เอาความสุขมาคืนให้กับประชาชน เราเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ข้อสังเกตกับรัฐบาล เพราะเรายังไม่มีอำนาจอะไรในตอนนี้ เราได้แค่ช่วยแนะนำ ซึ่งเราจะทำต่อไปหลังจากนี้ด้วย” นายสมศักดิ์กล่าว
ถามว่า ในอนาคตกลุ่มสามมิตรจะไปร่วมงานกับพรรคการเมืองไหน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังพูดไม่ได้ เพราะทุกอย่างยังไม่สะเด็ดน้ำ ต้องรอดูความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งก่อน เวลานี้สิ่งที่กลุ่มสามมิตรเดินหน้าทำคือการรวบรวมแนวทางแก้ปัญหาความยากจนในภาคเกษตร รวมถึงหาช่องทางให้เกษตรกรมีอาชีพเสริม
ขณะที่ จ.สุรินทร์ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พร้อมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายสุริยะใส กตะศิลา ได้เดินทางลงพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ เพื่อศึกษา เก็บข้อมูลรับฟังปัญหา และข้อเสนอของประชาชนในพื้นที่ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ของมวลชนคนเสื้อแดง และฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย
โดยนายสุเทพกล่าวกับชาวบ้านว่า อยากให้มีพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง นักการเมืองต้องรับใช้ประชาชน และฟังความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่ให้นักการเมืองมาแสวงหาผลประโยชน์ อนาคตบ้านเมืองเป็นของประชาชนต้องยืนยัน และก้าวร่วมกันนำพาประเทศ
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 เพื่อคลายล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินการด้านธุรการได้ว่า ได้ให้โจทย์กับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาก่อนหน้านี้แล้ว และได้ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาด้วยแล้ว โดยเฉพาะการจะจัดทำไพรมารีโหวตว่าจะเอาอย่างไร ก่อนให้ คสช.เป็นผู้ตัดสินใจ แต่ไม่จำเป็นต้องรีบมาก เพราะต้องการให้ กกต.ชุดใหม่ได้ร่วมพิจารณาด้วย
“หาก กกต.ต้องการมาพูดคุยถึงการดำเนินการเรื่องต่างๆ ที่รัฐบาลได้ตกลงกับ กกต.ชุดเก่าไว้ ผมก็ยินดี หรือให้ผมไปพบ กกต.ก็อาจสะดวกกว่า” นายวิษณุกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |