อคส.ตื่นฟ้องแพ่งคดีข้าว ลั่นยื่นโนติสให้ชดใช้ค่าเสียหายแล้ว 127 สัญญา ภายในวันที่ 20 ก.ค. ส่วนอีก 117 สัญญาจ่อคิวยื่น 15 ส.ค. สำทับหากยื้อเรื่องส่งฟ้องศาลในสิ้น ก.ย.ทันที ผงะ! ผลสอบคดีข้าวมีเจ้าหน้าที่รัฐพัวพันถึง 783 คดีจาก 884 คดี เสียหายนับแสนล้าน อคส.สุดเข้มขนข้าวหลังชนะประมูล
เมื่อวันอังคาร พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการฟ้องแพ่งผู้กระทำความผิดในโครงการรับจำนำข้าวฤดูการผลิต 2551/52, 2554/55, 2555/56 และ 2556/57 ว่า อคส.ได้ตรวจสอบพบว่ามีคู่สัญญาของ อคส.ที่กระทำความผิด 244 สัญญา โดยคู่สัญญามีทั้งบริษัทตรวจสอบคุณภาพ (เซอร์เวเยอร์) และเจ้าของคลังสินค้าที่รัฐเช่าเพื่อฝากเก็บข้าวในโครงการรับจำนำ โดยในจำนวนนี้มี 127 สัญญาที่ อคส.ได้ตรวจสอบความเสียหายเสร็จแล้ว และจะส่งหนังสือทวงถาม (โนติส) ภายในวันที่ 20 ก.ค.2561 เพื่อให้คู่สัญญามาชดใช้ค่าเสียหาย และที่เหลืออีก 117 สัญญา คาดว่า อคส.จะตรวจสอบความเสียหายและยื่นโนติสให้คู่สัญญาภายในวันที่ 15 ส.ค.2561 ต่อไป
“หากคู่สัญญาทั้งหมดไม่สามารถชดใช้ค่าเสียหายได้ตามเวลาที่กำหนด อคส.จะรวบรวมเอกสารและสรุปข้อเท็จจริงเสนอให้พนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาลปกครองต่อไป โดยคาดว่าทั้ง 244 สัญญาจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้ภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ และดำเนินการได้ก่อนกำหนดนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีขีดเส้นตายภายในสิ้นปีนี้” พล.ต.ท.ไกรบุญกล่าว และว่า ยืนยันว่าทั้ง 244 สัญญาไม่ได้หมดอายุความในเร็วๆ นี้ แต่จะขาดอายุความในวันที่ 1 ม.ค.2563 ส่วนคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรตั้งแต่ก่อนปี 2551/52 อคส.อยู่ระหว่างดำเนินการ และจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ มีรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) แจ้งว่า คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2557 ให้ อคส.และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) แจ้งความดำเนินคดีสำหรับข้าวในสต็อกรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าวปี 2551/52, 2554/55, 2555/56 และ 2556/57 ซึ่งมีคุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐานหรือเป็นข้าวเสื่อม ส่งเรื่องให้ อคส.ทราบเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2558 จากนั้น อคส.ได้มีหนังสือ 3 ฉบับ ลงวันที่ 12 ม.ค.2558 ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคู่สัญญาที่กระทำผิด และดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดดังกล่าวทั้งคดีอาญาและแพ่ง รวม 106 ราย 777 คลังสินค้า
โดยหลังจากกองบังคับการปราบปรามได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว ได้ส่งเรื่องไปยังพนักงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดต่างๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งคลังสินค้าที่เป็นสถานที่เกิดเหตุสอบสวน ซึ่งปัจจุบันผลสอบสวนเสร็จแล้ว และพบว่ามีคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนร่วมกระทำผิดด้วย 783 คดี อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) รวม 782 คดี มูลค่าความเสียหายประมาณ 100,000 ล้านบาท และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มูลค่า 62 ล้านบาท
เสียหายนับแสนล้าน
นอกจากนี้ ยังพบว่าไม่ปรากฏมีเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกระทำความผิดด้วยอีก 101 คดี โดยคดีที่สอบสวนเสร็จและสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการจังหวัดต่างๆ แล้ว 98 คดี มูลค่าความเสียหายประมาณ 10,000 ล้านบาท และอีก 3 คดี ยังสอบสวนไม่เสร็จ และยังคงอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน มูลค่าความเสียหาย 95 ล้านบาท รวมมีคดีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องทั้งหมด 884 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย 115,000 ล้านบาท
วันเดียวกัน พล.ต.ท.ไกรบุญได้เชิญผู้ชนะการประมูลซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ปริมาณ 1.96 ล้านตัน มูลค่ากว่า 10,100 ล้านบาท แบ่งเป็นข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน 17 ราย ปริมาณ 1.44 ล้านตัน มูลค่า 8,400 ล้านบาท และข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ 11 ราย ปริมาณ 520,000 ตัน มูลค่า 1,700 ล้านบาท ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้เปิดประมูลเมื่อวันที่ 14-15 มิ.ย.2561 มาชี้แจงทำความเข้าใจถึงขั้นตอนการขนย้ายข้าวออกจากโกดังที่เก็บข้าวไปจนถึงปลายทางที่เป็นโรงงานของผู้ซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานผลิตอาหารสัตว์ และโรงงานเอทานอล แต่มีบางรายที่ซื้อแล้วนำไปขายต่อให้ผู้อื่นที่เป็นโรงงานอาหารสัตว์ และผู้ใช้เอทานอล
“ได้ย้ำให้ผู้ชนะประมูลเข้าใจว่าในการขนย้ายจะมีเจ้าหน้าที่สายตรวจสุ่มตลอดเส้นทางการขนย้ายข้าวโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ในการขนย้ายจะมีการปิด (ซีล) รถบรรทุกที่ขนข้าวทุกคันตลอดการขนย้าย และทุกคันต้องติดจีพีเอส ระยะเวลาการขนย้ายต้องสอดคล้องกับเวลาการเดินทาง หากตรวจพบว่าใช้เวลามากจนผิดปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจในจุดตรวจสามารถเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบได้ เพราะที่ผ่านมาเคยมีที่รถไปถึงปลายทางช้ากว่าปกติหลายชั่วโมง แต่เจ้าหน้าที่ไม่รายงานให้ผมทราบ ยังดีไม่มีปัญหาเกิดขึ้น แต่ครั้งนี้ได้กำชับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด เกิดอะไรผิดปกติ ต้องรายงานทันที เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าขั้นตอนการขนย้ายข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมไม่รั่วไหลเข้าสู่ระบบข้าวปกติ หรือข้าวที่คนบริโภคได้แน่นอน” พล.ต.ท.ไกรบุญระบุ
สำหรับคลังสินค้าที่ปลายทางต้องติดตั้งกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) และต้องรายงานข้อมูลสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.pwo.co.th เพื่อรายงานให้เจ้าหน้าที่ อคส.รับทราบ และเมื่อขนย้ายข้าวถึงสถานที่ปลายทางแล้ว อคส.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสุ่มตรวจปริมาณข้าวอีกครั้งว่าตรงตามปริมาณการขนย้ายตั้งแต่ต้นทางหรือไม่ หากตรวจพบว่าผู้ซื้อไม่นำข้าวสารเข้าสู่กระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมตามที่ได้แจ้งไว้ในวัตถุประสงค์ที่ขอซื้อต้องชำระค่าปรับ 25% ของมูลค่าข้าวสารที่ไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการ และหาก อคส.ยกเลิกสัญญา ผู้ซื้อต้องเสียค่าปรับ 25% ของมูลค่าปริมาณข้าวสารที่ยังไม่ได้รับมอบและขนย้าย รวมทั้งถูกดำเนินคดีแพ่งและอาญาด้วย
ข้าว 3 แสนตันส่อมีปัญหา
แหล่งข่าวจาก พณ.กล่าวว่า ขณะนี้ อคส.ได้รายงานปัญหาการรับมอบข้าวสารตามสัญญาประมูลสต๊อกข้าวรัฐบาลเพื่อการบริโภค (กลุ่ม 1) ระหว่างผู้ชนะการประมูล ซึ่งเป็นคู่สัญญากับ อคส. ล่าสุดพบว่ามีข้าวที่ยังไม่ได้ถูกรับมอบทั้งหมดปริมาณ 7 แสนตัน แบ่งเป็น 4 กรณี คือ คู่สัญญาชำระเงินแล้วแต่ไม่มารับมอบประมาณ 1 แสนตัน, คู่สัญญาไม่ชำระเงินและไม่มารับมอบ 3.5 แสนตัน, คู่สัญญาไม่มารับมอบ เพราะติดปัญหาเรื่องคุณภาพข้าว 2 แสนตัน และที่เหลือติดปัญหาอื่นๆ
“ปริมาณข้าวที่ติดปัญหาการไม่มารับมอบ 7 แสนตัน คาดว่าจะมีปริมาณเกือบครึ่งหรือประมาณ 3 แสนตันที่ไม่สามารถรับมอบได้ โดยแนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้น คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวจะเร่งรัดให้ อคส.ไปดำเนินการเพื่อให้คู่สัญญาเข้ามารับมอบตามสัญญา แต่หากไม่สามารถรับมอบข้าวและทิ้งสัญญา ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนข้าวที่ไม่มารับมอบจะนำมาเปิดประมูลใหม่อีกครั้ง” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวยอมรับว่า ปัญหาขณะนี้มีปริมาณข้าว 3 แสนตัน ที่คาดว่าจะเคลียร์กันไม่ได้ โดยอนุกรรมการฯ ได้ให้ อคส.ไปดำเนินการสะสางปัญหาให้ได้ก่อน หากมีการทิ้งสัญญาจริง ก็ต้องนำข้าวออกมาประมูลใหม่ ส่วนคู่สัญญาที่ทิ้งสัญญาก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้รายงานให้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน นบข.แล้ว โดยได้สั่งการให้ อคส.และ อ.ต.ก.เร่งรัดคู่สัญญามารับมอบข้าวให้หมด รวมทั้งหากต้องฟ้องร้องกับเอกชนคู่สัญญา หรือแม้แต่โกดังกลางและเซอร์เวเยอร์ ก็ให้ดำเนินการฟ้องทั้งคดีอาญาและแพ่ง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |