"ประยุทธ์" ย้ำ ครม.สัญจรไม่มุ่งหวังทางการเมือง อ้างติดตามโครงการไทยนิยม "เกรียง-เด็กเจ๊แดง” เปิดบ้านเมืองอุบลฯ กำชับห้ามร่วมสังฆกรรม "บิ๊กตู่" เยือนเมืองดอกบัว สุมหัววางแผนเลือกตั้งไร้เงา “สุพล-สุทธิชัย-อดิศักดิ์” เชื่อย้ายซบพลังประชารัฐแน่ แต่ไม่สนได้อดีต ส.จ.ลงชน ส่วนอดีต ส.ส.ปลาไหลโผล่ร่วมวงด้วย นปช.สุรินทร์ย้อนเกล็ด "ทั่นเต้น" อ้าง ปชต.แต่แต่งตั้งกันเองเป็นแกนนำ นปช. เผยตกลงกลุ่มสามมิตรไม่ทิ้งอุดมการณ์-ไม่ด่าทักษิณ พร้อมหนุนลุงตู่เป็นนายกฯ
เมื่อวันอังคาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีวิพากษ์วิจารณ์ว่าการประชุม ครม.นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ที่ จ.อุบลราชธานี มีนัยทางการเมืองว่า ตนได้พูดหลายครั้งแล้วของจุดประสงค์ในการไปว่าไปทำอะไร อย่ามองเป็นเรื่องการเมืองอย่างเดียว ขอให้มองเป็นการทำงานในลักษณะของส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น ที่จะขับเคลื่อนงานกันอย่างไร และหลายๆ โครงการเป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ทำมาตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา จึงต้องไปติดตามความก้าวหน้า และดูความต้องการของเขาว่าพอเพียงหรือยัง
นายกฯ กล่าวว่า อะไรที่ติดปัญหาอุปสรรคอะไรต่างๆ ก็จะไปเพิ่มเติมให้การติดตามงาน คงไม่ใช่นายกฯคนเดียว ครม.ไปทั้งหมด โดยแบ่งเป้าหมายการลงไปทำงานในหลายจังหวัด หลายพื้นที่ ตามที่รัฐมนตรีแต่ละคนกำกับดูแลงานแต่ละส่วนของตัวเอง ส่วนนายกฯ จะไปดูเรื่องการบูรณาการ การประชุมร่วมกับคณะกรรมการระดับจังหวัด กลุ่มจังหวัด และภาค ที่มีความต้องการ เป็นการไปเติมเต็ม สำหรับในท้องที่รัฐบาลได้มีโครงการไทยนิยม ยั่งยืน เติมจากข้างล่างขึ้นมา โดยมีการใช้งบประมาณท้องถิ่นเข้ามาช่วยด้วย เป็นการทำงานในรูปแบบประชารัฐ ซึ่งจะต้องมีการติดตามความคืบหน้า
"ผมไม่อาจพูดได้ว่าสิ่งที่ทำมันดีที่สุด แต่ก็คงไม่ใช่แย่ที่สุด เพราะคงไม่มีใครทำอะไรที่มีเจตนาที่ไม่ดี รัฐบาลนี้ไม่ได้มุ่งหวังทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอยืนยัน ส่วนเรื่องการเมืองก็ว่ากันไป ผมไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวตรงนั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวทางการเมืองก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะนำรัฐมนตรีตรวจพื้นที่และประชุมครม.สัญจรที่ จ.อุบลราชธานีและใกล้เคียงว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สายภาคอีสานกลุ่มเจ๊แดง น.ส.เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ได้เปิดบ้านที่อำเภอเมืองฯ จ.อุบลฯ เพื่อนัดประชุมและร่วมรับประทานอาหารกับอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่อุบลฯ อำนาจเจริญ และยโสธร ที่มีอดีต ส.ส.ในพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมวงด้วยประมาณ 15 คน โดยพบว่าวงหารือดังกล่าว 3 อดีต ส.ส.อุบลฯ ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อที่มีข่าวโดนดูดออกจากพรรคเพื่อไทยไม่มาร่วมวงหารือด้วย ทั้งนายสุพล ฟองงาม อดีต รมช.มหาดไทยและอดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นายสุทธิชัย จรูญเนตร อดีต ส.ส.อุบลฯ และนายอดิศักดิ์ โภคกุลกานนท์ อดีต ส.ส.อุบลฯ รุ่นใหญ่ตั้งแต่ปี 2518 แต่ช่วงหลังเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพ่อตาของนายสุทธิชัย ไม่ได้มาร่วมหารือด้วย แต่กลับมีนายรัฐกิตติ์ ผาลีพัฒน์ อดีต ส.ส.อุบลฯ พรรคชาติไทยพัฒนา ที่นายทักษิณ ชินวัตร สั่งให้กลุ่มอุบลฯ ดึงมาเข้าพรรคเพื่อไทยไปร่วมหารือด้วย
สั่งห้ามต้อนรับนายกฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากมีการหารือเรื่องนายกฯจะมาประชุม ครม.สัญจรที่อุบลฯ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า คนของเพื่อไทยต้องไม่ไปร่วมกิจกรรมหรือคอยต้อนรับนายกฯ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น แม้จะมีการติดต่อจากข้าราชการหรือทหารในพื้นที่ขอความร่วมมือก็ให้ปฏิเสธทุกกรณี จากนั้นวงหารือได้คุยกันว่า นายสุพล นายสุทธิชัย และนายอดิศักดิ์ คงย้ายไปพรรคพลังประชารัฐแน่นอนแล้ว หลังไม่มาร่วมกิจกรรมใดๆ กับกลุ่มอุบลฯ ของเพื่อไทย และแม้จะมีความพยายามเคลียร์ปัญหาในพื้นที่ แต่ก็ไม่สำเร็จ โดยนายสุพลกับพวกกลุ่มสามมิตรมีการทำรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.อุบลฯ 10 เขต ที่ลดลงจากปี 54 ที่มี 11 เขตไว้หมดแล้ว ซึ่งในนั้นจะมีคนของกลุ่มนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ และ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกฯ ยุครัฐบาลไทยรักไทยรวมอยู่ด้วย
“ในการคุยกันได้มีการนำอดีต ส.จ.หลายสมัยของอุบลฯ ในพื้นที่ของนายสุพล มาร่วมประชุมด้วย และวงหารือได้ข้อยุติว่า นายสุพลไปแน่นอนแล้ว ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะส่งอดีต ส.จ.คนดังกล่าวลงสู้กับนายสุพล รวมถึงจะให้นายรัฐกิตติ์ที่ย้ายมาจากชาติไทย มาลงแทนนายสุทธิชัย ตามที่ผู้ใหญ่ในพรรคต้องการ“ แหล่งข่าวระบุ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในวงหารือ ปรากฏว่านายชูวิทย์ กุ่ย พิทักษ์พรพัลลภ อดีต ส.ส.อุบลฯ หลายสมัย ได้แจ้งกับที่ประชุมว่า ต้องการลงสมัครนายกฯ อบจ. ไม่ต้องการเล่น ส.ส.อีกแล้ว ซึ่งกลุ่มอุบลฯ ก็เห็นด้วย เพื่อให้มีคนของเพื่อไทยไปคุมท้องถิ่นด้วย แต่ก็มีการขอนายชูวิทย์ไว้ว่า หากว่าการเลือกตั้ง ส.ส.เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่น ก็ขอให้ลงสมัคร ส.ส.ไว้ก่อน แล้วค่อยมาคุยกันอีกทีว่าจะเอาอย่างไร เพราะผู้ใหญ่ในพรรคต้องการให้เพื่อไทยชนะเลือกตั้งให้มากที่สุดในอุบลฯ ขณะเดียวกัน นายปัญญา จินตะเวช อดีต ส.ส.อุบลฯ หลายสมัยของเพื่อไทย ก็แจ้งกับที่ประชุมว่า หลานสาวที่เป็นลูกของนายตุ่น จินตะเวช พี่ชาย จะไปลงสมัครส.ส.พลังประชารัฐ ในพื้นที่อุบลฯ แต่ตนเองจะไม่ย้ายตามไปด้วย จะลงสมัครพรรคเพื่อไทยต่อไป
นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการทาบทามคนเสื้อแดง แนวร่วมเสื้อแดงทางภาคอีสานว่า เฉพาะในจังหวัดอุบลฯ มีเสื้อแดงมากกว่า 50 กลุ่ม เท่าที่สอบถามแกนนำกลุ่มหลักๆ ยังไม่มีใครออกไป ส่วนกลุ่มย่อยตามอำเภอนั้นจะออกไปร่วมงานกับกลุ่มการเมืองอื่นหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เรื่องนี้คงไม่มีอะไร เป็นการสร้างราคา เพื่อทำให้เห็นว่ามีหลายกลุ่ม มีคนเยอะนะที่จะมาอยู่ที่นี่ เป็นการสร้างราคาทางการตลาดธรรมดาๆ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายทักษิณพยายามให้แกนนำพรรคดึงกลุ่มนายสุพล ฟองงาม ไม่ให้ย้ายออกจากพรรคเพื่อไทย นายสมคิดกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ ตนก็ทราบเพียงแค่ข่าวเท่านั้น แต่คนเราถ้าดึงไว้ ถ้าใจไม่อยู่ก็ไม่อยู่หรอก การเมืองก็เป็นอย่างนี้ ถ้าตัดสินใจไปแล้วก็ตอบยาก สำหรับกลุ่มนายสุพล คงไปมากกว่า 80เปอร์เซ็นต์แล้ว เพราะตั้งแต่มีข่าวมาเป็นเดือนๆ นายสุพลไม่เคยออกมาแก้ข่าวเลย
ไม่สน"แรมโบ้"ย้ายขั้ว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายศุภชัย ศรีหล้า อดีต ส.ส.อุบลฯ พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าข่าวดูดอดีต ส.ส.ภาคอีสานพรรคเพื่อไทยเลือดไหลไม่หยุดว่า นึกไม่ออกว่าคนที่ได้ฟังนิยายน้ำเน่าปลอบใจตัวเองของนายศุภชัยแล้วจะมีอาการเพลิดเพลินตรงไหน เพราะมโนล้วนๆ ไม่มีข้อเท็จจริงแม้แต่น้อย การย้ายพรรคของนักการเมืองเป็นเรื่องปกติธรรมดา ถ้าจะมีที่ไหลลงไม่หยุด ก็คงเป็นคะแนนนิยมของพรรคเก่าแก่บางพรรคในภาคอีสานที่ไหลต่ำลงตลอด กลายเป็นพรรคอันดับ 4-5 ในภาคอีสาน กรณีนายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.อุบลฯ ก็ไม่ทราบว่าออกจริงหรือไม่ ถ้าออกจริงก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล และเป็นหน้าที่ของนายสุพล ที่จะต้องอธิบายกับประชาชนและรับผิดชอบชีวิตการเมืองที่ตัวเองเลือกเอง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวถึงกลุ่มสามมิตรดูดตัว ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อ นปช.ทั้งหมดและมวลชนส่วนใหญ่ที่ร่วมต่อสู้กันมา ทุกคนยังยืนยันในหลักการประชาธิปไตย และไม่ได้ต่อต้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร ไม่ได้ไปกดดันกับมวลชนว่าห้ามไปร่วมกับกลุ่มสามมิตร ถ้าคิดว่าขบวนการดูดจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็ทำได้ ถ้าฝ่ายผู้มีอำนาจจะดูด ตนก็ไม่ห้ามก็ขอให้ไปเต็มที่ ส่วนประชาชนจะตัดสินใจอย่างไร ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนด้วย ซึ่งจะเป็นการชี้ทางออกของประเทศ
เมื่อถามว่า ขบวนการดูดแกนนำ นปช.มีการต่อรองเรื่องคดีความ โดยเฉพาะนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เท่าที่จำได้นายสุภรณ์ได้ประกาศยุติบทบาททางการเมือง และได้สาบานที่อนุสาวรีย์ย่าโม หลังจากการยึดอำนาจของ คสช.ได้ไม่นาน จากนั้นตนก็ไม่ได้พบกับนายสุภรณ์อีก ถ้าเขาตัดสินใจร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ ซึ่งความเป็น นปช.ดำรงอยู่ตามหลักการประชาธิปไตย เมื่อใดก็ตามที่ใครทิ้งหลักการนี้ หรือไปสนับสนุนขบวนการสืบทอดอำนาจ ก็ถือว่าสิ้นสภาพความเป็น นปช. เท่าที่ได้ยินมาในพื้นที่ภาคอีสาน เมื่อมีกระแสข่าวว่าจะดูดส.ส.ออกไป ก็จะมีคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาอีก 3-4 เท่าตัวเข้ามาที่พรรคเพื่อไทย แต่ขณะนี้ยังติดล็อกทางการเมืองอยู่ ไม่สามารถคัดสรรผู้สมัครได้ ก็ต้องรอระยะเวลา
ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะลงพื้นที่ครม.สัญจรใน จ.อำนาจเจริญและอุบลราชธานี เพื่อไปดูดตัว ส.ส. นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เมื่อนายกฯ ยืนยันว่าการเดินทางดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการเมือง ตนก็จะรับฟังท่าน ส่วนพฤติกรรมหรือการปฏิบัติของฝ่ายต่างๆ ที่ประกาศตัวว่าจะสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อ
ขณะที่นายเทพพนม นามลี แกนนำ นปช.สุรินทร์ เปิดเผยว่า จากกรณีกลุ่มสามมิตรเดินสายพูดคุยกับกลุ่ม นปช.หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน โดยมีการเปิดเผยชื่อของตนอยู่ในกลุ่มที่พูดคุยด้วยนั้น ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งตนเป็นฝ่ายเข้าไปหานายภิรมย์ พลวิเศษ เลขาฯ กลุ่มสามมิตรเอง เพราะเห็นว่ากลุ่มสามมิตรมีแนวความคิดที่ดี คือการสร้างความปรองดองของคนในชาติ และทำประโยชน์เพื่อประชาชน ส่วนอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นเพียงอดีต และยังคงเป็นนายกฯ ในดวงใจของคนเสื้อแดง รวมทั้งกลุ่ม นปช.ทั่วประเทศ ซึ่งพวกตนไม่เคยทิ้งท่านเลย แต่พี่น้องสมาชิกเสื้อแดงและ นปช.ต้องเดินหน้าเพื่อหากินเลี้ยงครอบครัวต่อไป
นปช.สุรินทร์โต้ทั่นเต้น
"แล้วนายณัฐวุฒิ ที่ยืนยันนักหนาว่าทำเพื่อประชาธิปไตย เคยมีการเลือกตั้งเข้าไปเป็นแกนนำ นปช.หรือไม่ ซึ่งไม่มีเลย นายณัฐวุฒิแต่งตั้งตัวเองขึ้นมาโดยตรง และแกนนำที่อยู่เคียงข้างก็มีแต่พวกมาจากการแต่งตั้งทั้งนั้น ใครไม่มีเส้นไม่มีสาย ไม่มีทางได้ขึ้นเวทีพูด ดังนั้นจะเชื่อได้อย่างไรว่าคนเหล่านั้นรักประชาธิปไตยจริง ขณะที่ผมเป็นแกนนำ นปช.สุรินทร์ ที่มาจากการเลือกตั้งของสมาชิก นปช.สุรินทร์กว่า 20,000 คน แล้วอย่างนี้จะเรียกว่า นปช.เทียมได้อย่างไร" แกนนำ นปช.สุรินทร์ กล่าวตอบโต้กรณีนายณัฐวุฒิ ที่ระบุว่าเป็น นปช.เทียม
เขาบอกว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าพร้อมที่จะสนับสนุนใครก็ได้ที่พูดจริง ทำจริง ใกล้ชิดกับประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรี แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้ามาอย่างถูกต้องจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โดยมี ส.ส.ยกมือให้ ตนก็พร้อมที่จะสนับสนุน สิ่งที่พวกตนเสียใจที่สุดก็คือการสูญเสียชีวิตของพี่น้องคนเสื้อแดง และ นปช. 99 ศพ ที่รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์รับปากว่าจะเร่งดำเนินการเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว แต่ผ่านไปกว่า 3 ปี ก็ยังไม่สามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้เลย ที่สำคัญ แกนนำที่เคยรับปากในเวทีที่สนามหลวงว่าจะไม่ลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. จะอยู่เคียงข้างพี่น้องเสื้อแดง และ นปช.เพื่อตรวจสอบรัฐบาล แต่สุดท้ายก็โกหกทั้งเพ ตนได้ตกลงกับเลขาฯ กลุ่มสามมิตรว่า ถ้าร่วมกับกลุ่มสามมิตรแล้วขอ 2 เรื่อง คืออย่าให้เปลี่ยนอุดมการณ์ของคนเสื้อแดง และสอง อย่าให้พวกตนไปด่านายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งนายภิรมย์ก็รับปากโดยดี ดังนั้นเมื่อรับปากแล้วเราจึงได้คุยกันต่อ และพร้อมที่จะทำงานช่วยกลุ่มสามมิตรเต็มที่
ที่โรงแรมซิตี้พาร์ค อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชาชาติไทย นำผู้ร่วมก่อตั้งพรรคฯ หรือกลุ่มอดีตแกนนำ กปปส. อาทิ ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสำราญ รอดเพชร จัดกิจกรรมการปาฐกถาพิเศษ และมุมมองของผู้คร่ำหวอดวงการ เรื่องเศรษฐกิจหลังเลือกตั้ง โคราชรุ่งเรืองหรือร่วง พลิกวิกฤติเป็นโอกาสให้ความหวังของชาวชุมชน โดยมีอดีตแกนนำ กปปส.สาขานครราชสีมา เช่น นายแพทย์ศุภผล เอี่ยมเมธาวี, นายจักริน เฉิดฉาย และอดีตสมาชิก กปปส. และเครือข่าย กลุ่มเสื้อเหลือง ประชาชนในพื้นที่ร่วมรับฟังกว่า 300 คน
โดยนายเอนกกล่าวตอนหนึ่งถึงเรื่องการดูด ส.ส. และ ดูด นปช.ว่า ในส่วน กปปส.ยังไม่ถูกดูด เราไม่ได้คิดเรื่องการดูด เพราะเราต้องการทำพรรคแบบใหม่โดยคนรุ่นใหม่ให้มากที่สุด เราก็พยายามที่จะทำให้เกิดอะไรใหม่ๆ คิดว่าจะทำให้ได้มากที่สุด ส่วนจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยนั้น เราไม่ได้เริ่มจากเรื่องนี้ ถ้าเราเริ่มคิดจากเรื่องนี้ การเมืองไทยจะเข้าทางตัน วังวนอีก เราต้องคิดว่าจะสร้างพรรคการเมืองแบบใหม่ มีแนวนโยบายแบบใหม่ เรื่องใครจะเป็นหัวหน้าพรรค ใครจะร่วมกับใคร เป็นเรื่องที่ยังไม่คิด เราต้องการให้การเมืองไทยได้ทบทวนตัวเอง จับกลุ่มกันเองโดยที่ไม่ต้องไปผูกขา ผูกมัดตัวเองไว้กับอะไร และตอนนี้ต้องฟังเสียงประชาชนให้มากที่สุด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |