ศาลอุทธรณ์ยืนประหารอดีตผู้ใหญ่บ้านฆ่าข่มขืนน้องสโนว์ ชี้พยานหลักฐานโจทก์แน่นหนา แม่พร้อมครอบครัวถึงหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ บอกกว่า 2 ปี 7 เดือนที่ต่อสู้เพื่อลูก ถึงวันนี้หายเหนื่อย ขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งทุกฝ่ายที่เป็นกำลังใจ
ที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ วันที่ 17 กรกฎาคมนี้ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ในคดีหมายเลขดำที่ อ.2112/2559 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.1381/2560 ที่พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ โจทก์ และนางลำไย พลประสิทธิ์ โจทก์ร่วมที่ 1 ยื่นฟ้องนายกฤติเดช ระเวงวรรณ อดีตผู้ใหญ่บ้านสีถาน ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เป็นจำเลยในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
คดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2558 น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ หรือน้องสโนว์ อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนร่องคำ อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ ขี่รถจักรยานยนต์ไปตามถนนบ้านสีถาน-โนนเมือง ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ถูกคนร้ายตามถีบรถจักรยานยนต์ล้ม ก่อนจะทุบตีและพยายามข่มขืน แต่น้องสโนว์ต่อสู้ขัดขืน จนถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา คดีนี้ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจับกุมและส่งฟ้องนายกฤติเดช ระเวงวรรณ ต่อศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีมาโดยตลอด กระทั่งศาลจังหวัดกาฬสินธุ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 ให้ประหารชีวิตนายกฤติเดช และชดใช้ค่าสินไหม 2,390,000 บาท ซึ่งนายกฤติเดชได้ยื่นอุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้า นายกฤษณ์และนางลำใย พลประสิทธิ์ พ่อและแม่น้องสโนว์ พร้อมครอบครัวได้เดินทางไปยังศาล โดยนางลำใยกอดภาพถ่ายน้องสโนว์อยู่ตลอดเวลา ขณะที่นายกฤติเดช จำเลย ถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำคลองไผ่ จึงไม่ได้นำตัวมาฟังคำพิพากษา
กระทั่งเวลา 10.45 น. ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โดยสาระสำคัญในส่วนจำเลยซึ่งได้ยื่นอุทธรณ์มานั้น มีการนำสืบพยานแวดล้อมและประจักษ์พยาน รวมถึงการหาข้อโต้แย้งในส่วนหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยสรุปว่าไม่สามารถรับฟังได้ แต่ในส่วนของโจทก์ ถึงแม้จะไม่มีประจักษ์พยานแน่ชัด แต่ปรากฏพยานแวดล้อมที่ให้การสอดคล้องกัน รวมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะรอยแผลที่บริเวณนิ้วมือ ซึ่งเกิดจากฟันของมนุษย์ และลูกอัณฑะมีร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ ได้รับคำยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์ ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษายืนโทษประหารชีวิตนายกฤติเดช และให้ชดใช้ค่าสินไหม ตามศาลชั้นต้น
ภายหลังรับฟังคำตัดสิน นางลำใยและญาติต่างพากันร่ำไห้ด้วยความดีใจ
นางลำใยกล่าวว่า รู้สึกหายเหนื่อยขึ้นมามาก เพราะตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี 7 เดือน หรือกว่า 935 วัน หลังเกิดเหตุ ต้องสู้มาถึงวันนี้ก็เพื่อลูกสาว ซึ่งต้องขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ตลอดจนญาติๆ และประชาชนชาวไทยทุกคนที่คอยให้กำลังใจเสมอมา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาว ตนและครอบครัวทุกคนยังจดจำและภาพยังคงติดตามาจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะเมื่อขับรถไปขายของ ผ่านจุดเกิดเหตุบริเวณริมถนนทางเข้าหมู่บ้านทุกวัน เห็นทีไรก็ต้องปวดใจทุกครั้ง ทุกวันนี้หากคิดถึงลูก ทำได้เพียงดูรูปภาพที่ติดไว้ที่ผนังบ้าน และเข้าไปดูภาพเก่าๆ ในเฟซบุ๊กของลูกสาว พร้อมกับเล่นเฟซบุ๊กแทนลูกสาว คอยโต้ตอบญาติ เพื่อนและประชาชนที่ติดตามข่าวและคอยให้กำลังใจ
นางลำใยกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเคราะห์ร้ายและความโชคร้ายของครอบครัวพลประสิทธิ์ เพราะนอกจากจะสูญเสียน้องสโนว์ไปโดยไม่มีวันกลับแล้ว ยังต้องสูญเสียเงินทองที่เก็บสะสมมาตลอดทั้งชีวิต เพราะต้องนำมาใช้จ่ายตั้งแต่จัดงานศพและในเรื่องของคดีจนหมด จำเป็นต้องนำที่นาไปขายและจำนองกู้เงินจาก ธ.ก.ส.ไปแล้วเกือบ 1 ล้านบาท มาเป็นค่าใช้จ่ายและนำมาเป็นทุนในการขายของ เนื่องจากช่วงเกิดเหตุครอบครัวยุ่งอยู่กับคดี ไม่มีเวลาขายของ ทำให้ไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |