"สนธิรัตน์"ถกเอกชนกลุ่มอาหารรับมือสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ยันไทยได้รับผลกระทบเชิงบวก สั่งให้แต่ละกลุ่มทำตัวเลขที่เพิ่มขึ้นให้ชัด ก่อนนำมาประเมินเป้าส่งออกปีนี้ใหม่ คาดโตสูงกว่าเป้าเดิม 8% แน่นอน เผยหากสงครามการค้าไม่กระทบ มีแววได้เห็นตัวเลขโต 2 หลักด้วยซ้ำ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มอาหารแช่เยือกแข็ง กลุ่มทูน่า กลุ่มสุกร กลุ่มอาหารสำเร็จรูป วานนี้ (16 ก.ค.) ว่า ได้มีการประเมินสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเอกชนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกไทยมากกว่าผลกระทบทางลบ และได้ขอให้ภาคเอกชนในกลุ่มเหล่านี้ช่วยประเมินผลกระทบทางด้านบวกเป็นตัวเลขในเชิงมูลค่าการส่งออกของแต่ละกลุ่มที่เพิ่มขึ้นและรายงานกลับเข้ามาในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาปรับเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยในปี 2561 อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดเป้าส่งออกชัดเจน แต่เชื่อว่าเติบโตสูงกว่า 8% แน่นอน และหากสงครามการค้าไม่มีผลกระทบก็อาจจะขยายตัวได้ถึงตัวเลข 2 หลัก
"ที่ยังไม่ประกาศเป้าส่งออกอย่างเป็นทางการ เพราะปีนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะเรื่องสงครามการค้า มีการออกมาตรการทางการค้าใหม่ๆ ออกมาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งกระทรวงฯ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่เชื่อว่าตัวเลขการส่งออกจะโตเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ 8% แน่นอน แต่ขอดูปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก่อน แต่ก็อยากให้ตัวเลขขยายตัวได้มากที่สุด"นายสนธิรัตน์กล่าว
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า สำหรับผลการหารือ กลุ่มอาหาร ระบุว่า ไม่ได้รับผลกระทบ และเชื่อว่าจะสามารถนำเข้าแหล่งวัตถุดิบอาหารทะเลมาได้ในราคาที่ถูกลง โดยเฉพาะวัตถุดิบปลาที่จะมีราคาถูกลง สมาคมไก่มองว่าจะสามารถส่งออกไก่ไปยังตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น จากการที่จีนออกมาตรการภาษีตอบโต้สหรัฐฯ ซึ่งได้สั่งการให้มีการเร่งขยายโรงงาน เพื่อรองรับการทดแทนในส่วนนี้ รวมทั้งผลไม้ด้วย ขณะที่หมู เชื่อว่า จะสามารถส่งออกหมูไปยังตลาดจีนได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการที่จีนตั้งกำแพงภาษีสินค้าหมูจากสหรัฐฯ และกลุ่มอาหารสำเร็จรูป แม้จะไม่ได้รับผลกระทบทางตรง เพราะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม โดยเกรงว่าราคาเหล็กที่ใช้ทำกระป๋องจะแพงขึ้น แต่จากการติดตามขณะนี้ ยังไม่กระทบราคาเหล็กที่ใช้ทำกระป๋องเท่าไร
ทั้งนี้ พบว่า มีเพียงกลุ่มเดียวที่น่าห่วง คือ สมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาไทย ที่เกรงว่าสงครามการค้าจะทำให้ปลาน้ำจืดทะลักเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ซึ่งได้สั่งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในวันที่ 3 ส.ค.2561 กรมฯ จะประชุมร่วมกับภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (ส.ร.ท.) เพื่อประเมินผลกระทบของสงครามการค้า และสถานการณ์ส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อนำมาประเมินตัวเลขการส่งออกภาพรวมทั้งปี 2561 อีกครั้ง โดยจะนำมารวมกับตัวเลขที่ได้ให้ทางสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ทั่วโลก ส่งตัวเลขของตลาดที่รับผิดชอบ เพื่อนำมาสรุปผลร่วมกัน ก่อนประกาศเป้าหมายอย่างเป็นทางการ
"ยอมรับว่าเรื่องสงครามการค้าต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ขณะนี้ได้รับข่าวดีจากทูตพาณิชย์ และผู้แทนการค้ากิตติมศักดิ์ของไทยที่อยู่ในประเทศต่างๆ ว่า มีผู้ประกอบการจากทั้งของสหรัฐฯ และจีน สนใจสอบถามการเข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ทั้ง 2 ประเทศใช้มาตรการทางภาษีระหว่างกัน ทำให้เชื่อว่าในอนาคตจะมีการลงทุนจากทั้ง 2 ประเทศขยายเข้ามาในไทยเพิ่มมากขึ้น"นางจันทิรากล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |