16 ก.ค.61- Daily Mail สัมภาษณ์อีกสองนักดำน้ำอังกฤษที่ตามมาสบทบในปฏิบัติการ #พาทีมหมูป่ากลับบ้าน เขากล่าวเหมือนทุกคนว่าปฏิบัติการครั้งนี้มีโอกาสสูงที่จะมีคนตาย และนักดำน้ำไทยยังไม่มีประสบการณ์ในการดำน้ำในถ้ำ
Jason Mallinson และ Chris Jewell นักดำน้ำในถ้ำประสบการณ์สูงกล่าวตั้งแต่ต้นว่าเหล่านักดำน้ำจะพาเด็ก ๆ ทุกคนออกมา แต่มีโอกาสสูงที่จะมีคนตาย ซึ่งโชคดีที่ว่าสิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น
เขาบอกว่าก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ไทยวางแผนที่จะให้เด็ก ๆ อยู่ในถ้ำ รอจนน้ำลด แล้วค่อยเดินออกมา แต่จากหน้าฝนที่เข้ามา สุขภาพของเด็กที่แย่ลง และระดับของออกซิเจนที่น้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้ถ้าปล่อยให้เด็กอยู่ในถ้ำถึง 4 เดือน พวกเขาจะไม่มีชีวิตรอดแน่นอน และความพยายามในการวางท่อออกซิเจนเข้าไปในถ้ำก็ล้มเหลว
Daily Mail เชื่อว่ายาที่ Dr. Richard Harris ให้กับเด็ก ๆ นั้นคือ Ketamine ซึ่งเป็นยากล่อมประสาทที่จะไม่ทำให้สลบ แต่จะทำให้ผู้ที่ได้รับตกอยู่ในภวังค์ (หรือที่ผู้เสพยาเสพติดนำมาใช้ในชื่อยา K)
เมื่อพวกเขามาถึงประเทศไทยและเริ่มภารกิจในวันที่ 6 ก.ค. นั้น ทั้งสองได้ใช้เวลาในวันแรกทำความคุ้นเคยกับการดำน้ำในถ้ำตั้งแต่โถง 3 ไปจนถึงเนินนมสาว ซึ่งเป็นการดำน้ำที่ยาวกว่า 1 กิโลเมตร และเต็มไปด้วยอุปสรรค รวมถึงช่องทางแคบต่าง ๆ ที่พร้อมจะทำให้ใครก็ตามตายได้ตลอด นอกจากนั้นพวกเขายังทำหน้าที่ทดสอบระดับของออกซิเจนในอากาศในที่ที่เด็ก ๆ อยู่ด้วย และพวกเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าคุณภาพอากาศแย่มาก ระดับออกซิเจนที่น้อย ความชื้นที่ทำให้เหงื่อออกตลอดเวลา ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่บนยอดเขาสูง
เมื่อกลับออกมา เสียงในหัวพวกเขาบอกว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้เห็นเด็ก ๆ มีชีวิตอยู่
และก็เป็น Jason Mallinson นี่เองที่นำสมุดโน้ตใต้น้ำไปกับตัวด้วย เขายื่นให้เด็ก ๆ เขียนจดหมายถึงผู้ปกครองเพื่อสร้างกำลังใจให้กับผู้ปกครองและตัวเด็กเอง พวกเขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในการที่ต้องทิ้งเด็ก ๆ ไว้ที่นั่น แต่แม้กระนั้น เจ้าหน้าที่ของไทยก็ยังปฏิเสธข้อเสนอที่จะให้เด็ก ๆ ดำน้ำออกมา จนเมื่อการตายของจ่าเอกสมาน กุนัน (ยศในขณะนั้น) มาถึง เจ้าหน้าที่ไทยถึงยอมรับว่าการให้เด็กว่ายน้ำออกมาเป็นทางเลือกเดียวที่เป็นไปได้ แม้จะเป็นทางเลือกที่เสี่ยงที่สุดก็ตาม
และการตายของจ่าเอกสมาน กุนันก็ทำให้เจ้าหน้าที่ไทยตระหนักว่าพวกเขาโชคดีมากที่ส่งหน่วยซีลไปถึงที่อยู่ของเด็ก ๆ ได้โดยยังไม่มีใครตาย และการใช้นักดำน้ำต่างชาติเป็นทางเลือกเดียวในการช่วยเหลือเด็ก ๆ ออกมา และทำให้เจ้าหน้าที่ไทยตัดสินใจเลือกทางเลือกนี้ในที่สุด
Chris Jewell
British Cave Rescue Council (BCRC) จึงระดมนักดำน้ำในถ้ำมายังประเทศไทยเพิ่มเติมเพื่อปฏิบัติการครั้งสำคัญ หนึ่งในนั้นก็คือ Josh Bratchley ซึ่งพวกเขาจะทำหน้าที่ในการเปลี่ยนถังอากาศและพาเด็กสไลด์ข้ามเนินดินก่อนที่จะลงดำอีกครั้ง
Jason Mallinson และ Chris Jewell ยังเป็นสองในสี่นักดำน้ำที่ไปเตรียมเด็กให้พร้อมกับการดำ แม้ว่าเด็ก ๆ จะไม่มีโอกาสที่จะฝึกใช้หน้ากากก็ตาม พวกเขาให้เด็ก ๆ ใส่ Wetsuit ใส่หน้ากากเต็มหน้า และดูขอบกันน้ำให้พร้อม ก่อนให้เด็ก ๆ หันหน้าลง และพาดำลงน้ำไป
แต่พวกเขากล่าวว่า แม้ว่าจะเป็นผลจากยาด้วยที่ทำให้เด็ก ๆ ไม่ตกใจ แต่มันก็น่าแปลกใจมากที่เด็ก ๆ สงบนิ่งได้อย่างน่าประหลาด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่นักดำน้ำก็ตาม นั้นแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญเป็นอย่างมากของเด็ก ๆ และพวกเขาไม่เห็นสัญญาณใดเลยที่เด็ก ๆ จะเกิดอาการตกใจ
การดำน้ำช่วงแรกเป็นการดำ 320 เมตร ต่อเนื่อง แต่โถงมีลักษณะกว้าง พวกเขาจะถามเด็ก ๆ โดยใช้ศัพท์ง่าย ๆ ว่าเด็ก ๆ โอเคไหมเพื่อทำให้พวกเขาใจเย็น เนื่องจากเด็ก ๆ รู้คำ #ภาษาอังกฤษ ไม่กี่คำ
ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ แต่โดยรวมแล้วนักดำน้ำ 1 คนจะเป็นผู้พาเด็ก ๆ ให้เคลื่อนที่ ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีเสื้อช่วยลอยตัวอยู่ซึ่งจะมีสายโยงที่ทำให้นักดำน้ำสามารถดึงเด็ก ๆ มากับตัวได้ และอีกมือหนึ่งจะต้องจับเชือกนำทางไว้ ถ้าปล่อยเชือก หมายความว่าทั้งนักดำน้ำทั้งเด็กจะหลงทาง
พวกเขารู้สึกถึงความรับผิดชอบที่ชีวิตเด็ก ๆ อยู่ในมือพวกเขา จะต้องระวังไม่ทำให้หน้ากากของเด็ก ๆ หลุดออก ซึ่งมันเครียดมาก ในบางช่วงพวกเขาจะต้องดันเด็ก ๆ ผ่านช่องที่มีความแคบเพียง 15 นิ้วในขณะที่ยังต้องถือถังอากาศของทั้งเด็ก ๆ และของตัวเขาเอง ในน้ำที่มีทัศนวิสัยเหมือนกับการดำน้ำในกาแฟ และด้วยการที่พวกเขาอยากจะสัมผัสผนังถ้ำเพื่อให้รู้สึกได้ว่ามีอะไรอยู่รอบ ๆ ตัวเขา พวกเขาจึงตัดสินใจไม่สวมถุงมือ นั้นทำให้มือและข้อนิ้วของพวกเขาถูกกระทบเป็นอย่างมาก เหมือนกับการที่เอามือต่อยกำแพง
ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอุปกรณ์ของเด็ก ๆ หรือดันเด็ก ๆ ไปกระแทกกับผนังถ้ำ เด็ก ๆ จะต้องตายอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการว่ายน้ำให้เร็วที่สุดเพื่อไปยังโถงอากาศต่อไป ซึ่งมันใช้เวลาราว 2 - 3 ชั่วโมงในการนำเด็กแต่ละคนผ่านส่วนนี้ส่งต่อไปยังเจ้าหน้าที่สหรัฐและไทย ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจะเริ่มคุ้นเคยกับจังหวะการหายใจของเด็ก ๆ และสิ่งที่บ่งบอกว่าเด็ก ๆ ยังหายใจอยู่ก็คือฟองอากาศที่ลอยออกมาจากหน้ากากของเด็ก ๆ ที่พวกเขาสามารถได้ยินเสียงได้
Jason Mallinson
ในวันสุดท้าย ทุกคนตระหนักว่าเวลาเหลือน้อยลงแล้ว และจำเป็นจะต้องนำเด็ก ๆ ที่เหลือ 5 คนออกมา ซึ่งทำให้ Jason Mallinson ต้องนำเด็กดำน้ำลงมา ส่งผ่านให้กับนักดำน้ำคนอื่น และว่ายย้อนกลับไปรับเด็กคนอื่นมาใหม่ เมื่อนำเด็กคนสุดท้ายดำลง ทัศนวิสัยแย่มากจนแม้แต่มือตัวเองก็มองไม่เห็น ทำให้พวกเขาต้องกอดเด็ก ๆ ไว้ใกล้กับตัวให้มากที่สุดเพื่อที่ว่าถ้าจะชนผนังถ้ำ พวกเขาจะได้เป็นคนชนก่อนที่เด็กจะชน
ในขณะที่ดำน้ำนำเด็ก ๆ ออกมา พวกเขาต้องทำใจให้สงบที่สุด แต่ในการนำเด็กคนสุดท้ายออกมา มันก็เริ่มช่วยไม่ได้ที่จะคิดว่าเราทำสำเร็จแล้วและเริ่มมีการจุก ๆ ในคอ จนเมื่อผู้ปกครองของเด็กเข้ามาขอบคุณพวกเขา นั่นก็ทำให้พวกเขาตื้นตันและน้ำตาคลอ
พวกเขายังกล่าวว่าพวกเขาแปลกใจที่หน่วยซีลของไทยใช้มาตรการความปลอดภัยที่ต่างจากนักดำน้ำต่างชาติอย่างสิ้นเชิง Jason Mallinson กล่าวว่าการ #ดำน้ำในถ้ำ ทำให้พวกเขาออกจาก Comfort zone และนั่นทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดอุบัติเหตุ พวกเขาไม่ได้ใช้วิธีการที่ถูกต้องและไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่นในขณะที่นักดำน้ำในถ้ำจะมีอุปกรณ์สำรองและพกถังอากาศอย่างน้อยสองถัง ตัวปรับแรงดันสองตัว และไฟฉายสามอันเสมอ แต่พวกนักดำน้ำในถ้ำสังเกตุว่าหน่วยซีลมักจะใช้ถังอากาศและตัวปรับแรงดันแค่ตัวเดียว ซึ่งถ้าอุปกรณ์มีความผิดพลาด พวกเขาก็จะเจอปัญหา
และพวกเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่พบว่า #หน่วยซีล ทั้ง 4 นายนั้นไม่มีอากาศเพียงพอสำหรับขากลับ เพราะพวกเขาทำตามคำสั่งว่าให้ดำน้ำมาอยู่กับเด็ก ๆ จนจบเท่านั้น แต่ในระหว่างทางพวกเขาใช้อากาศจนหมด ทำให้นักดำน้ำในถ้ำทั้งสี่คนคือ Jason Mallinson, Chris Jewell, Rick Stanton, และ John Volanthen ต้องนำถังอากาศมาให้กับซีลทั้งสี่นายในขณะที่ดำน้ำมารับเด็ก ๆ ด้วย
แต่ Josh Bratchley กล่าวว่าภารกิจนี้ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าที่คิดไว้มาก สิ่งที่พวกเขาเรียนรู้ในปฏิบัติการนี้จะช่วยเหลือผู้คนมากมายที่อาจจะติดในถ้ำในอนาคต และย้ำว่าภารกิจนี้คือการทำงานเป็นทีมไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติใดก็ตาม
Daily Mail ยังชื่นชมว่าพวกนักดำน้ำในถ้ำแต่ละคนต่างปฏิเสธที่จะพูดว่าตัวเองเป็นฮีโร่หรือกล่าวถึงความกล้าหาญของตน แม้ว่าพวกเขาต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก สภาวะแวดล้อมที่เลวร้ายที่มีแค่ไม่กี่คนที่กล้าพอที่จะเข้าไปก็ตาม
Cr: Daily Mail ,ThaiArmedForce.com
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |