อย.ยันในไทยใช้ยา “วาลซาร์แทน (Valsartan) “เพียง1-2หมื่นราย เตือนอย่าหยุดยากระท้นหัน เพราะเสี่ยงมากกว่า สั่งบริษัทเรียกเก็บคืนภายใน 15  วัน


เพิ่มเพื่อน    

16ก.ค.61- ณ.ห้องประชุมหลวงวิเชียรแพทยสภา  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีการแถลงข่าวความคืบหน้าและแนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชนกรณีเรียกคืนยา “วาลซาร์แทน (Valsartan) “ โดย นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา  กล่าวว่า ตามที่ อย. มีการเรียกเก็บยารักษาโรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ เนื่องจากพบสารก่อมะเร็งในวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต โดยมีการลงนามเมื่อวันที่ 2 ก.ค. โดย นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา โดยมีบริษัทผู้รับอนุญาตผลิต/นำหรือสั่งยาวาลซาร์แทนเข้ามาในราชอาณาจักร จำนวน 7 บริษัท และมีทะเบียนตำรับยาที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย จำนวนทั้งสิ้น 16 ชื่อการค้า ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีบริษัทผู้รับอนุญาตที่ใช้วัตถุดิบจาก Zhejiang Huahai Pharmaceuticals เพียง 2 ราย จำนวน 5 ตำหรับ ได้แก่ (1) ยา VALATAN 80 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 9/54 (NG) (2) ยา VALATAN 160 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 10/54 (NG) (3) ยา VALSARIN 80 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 4/60 (NG) (4) ยา VALSARIN 160 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 5/60 (NG) และ (5) ยา VALSARIN 320 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 6/60 (NG) ซึ่ง อย. เป็นประเทศแรกในเอเชียที่ออกข่าวแจ้งเตือนประชาชน ทั้งนี้ ทะเบียนที่มีตัวยาสำคัญ วาลซาร์แทน ที่ยังสามารถใช้ได้อยู่ ปัจจุบันรวมทุกความแรงมีจำนวน 38 ทะเบียนตำรับ แบ่งเป็นของผู้นำเข้า 31 ตำรับ และของผู้ผลิตในไทย 7 ตำรับ


นพ.วันชัย กล่าวว่า ขอย้ำว่าทุกประเทศยังไม่พบข้อมูลยืนยันว่าก่อให้เกิดมะเร็งในคนเป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าอาจจะ ซึ่ง ตามหลักการยาการตรวจสอบยาของ อย. ทุกประเทศจะมีการตรวจว่ามีสารสำคัญอะไรบ้างที่ใช้ในตัวยา ซึ่งหากมีการตรวจสอบว่ามีการใช้สารอื่นไม่ว่าจะอันตรายหรือไม่อันตราย ต้องสั่งระงับก่อน ซึ่งเมื่อยุโรปมีการตรวจสอบยาตัวนี้พบสารปนเปื้อนไม่ว่าจะอันตรายหรือไม่อันตราย ทาง อย.ไทยก็แจ้งสั่งการให้มีการระงับทันทีตามหลักการมาตรฐานของการคุ้มครองผู้บริโภค ดังนั้นก็ขอให้ประชาชนอย่าพึ่งกังวล ใช้ชีวิตตามปกติ และรับเปลี่ยนยา 


ผู้สื่อข่าวถามว่า  ตัวยาตัวนี้เป็นตัวยาที่อยู่ในบัญชียาหลักหรือนอกบัญชียาหลัก และในกลุ่มผู้ใช้สิทธิ์บัตรทองมีการให้ยาตัวนี้หรือไม่ นพ.สุรโชค กล่าวว่า ตัวยานี้เป็นยานอกบัญชียาหลัก ซึ่งยาที่ใช้ในการลดความดันมีหลายกลุ่ม ซึ่งในยาบัญชียาหลักที่ใช้ในผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเป็น ยาในกลุ่ม Losartan (ลอซาร์แทน) ซึ่งยาตัวนี้จะใช้เสริมในกรณีผู้ป่วยที่ใช้ยาในบัญชีหลักไม่ได้ผ ลหรือไม่ได้ผลดี ซึ่งมีผู้ป่วยที่ได้ยาตัวนี้เป็นจำนวนไม่มาก ซึ่งในปี 2560 มีการใช้ยาความดันโลหิตทั้งหมด 30 ล้านเม็ด และมียาจาก 2 บริษัทจำนวน 6 ล้านเม็ด มีผู้รับยาไม่ถึง 1 ใน 5 ของยาทั้งหมด ประมาณ 1-2หมื่นราย โดยยาตัวนี้หากแพทย์ระบุว่าจำเป็นต้องใช้ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย


เมื่อถามว่า ในผู้ป่วยที่ความกังวลในการใช้ยา จะมีการเยียวยาอย่างไร นพ.วันชัย กล่าวว่า ทุกวันนี้ยังไม่มีการพบผู้ป่วยในคนที่ได้รับผลกระทบจากการใช้ยา พบในหนูทดลองเท่านั้น ซึ่งในสัตว์ทดลองนั้นได้รับยา ต่อ น้ำหนักตัวมากกว่าในคน และได้รับในระยะเวลานานกว่า  ซึ่งในการเยียวยาผู้ป่วยมีสิทธิ์จะทำได้ หากพบหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าก่อให้เกิดโรคจากยาตัวดังกล่าวจริง แต่ในกรณีนี้ยังไม่พบหลักฐานเชิงประจักษ์คงทำได้ลำบาก


เมื่อถามว่า ในกลุ่มที่กลัวว่าจะได้รับผลกระทบ จนต้องหยุดยา ตามหลักต้องมีการปฏิบัติอย่างไร นพ.นพ.สุรโชค กล่าวว่า หากมีการหยุดยาโดยทันทีอาจเกิดอันตรายหรือโรคแทรกซ้อน ดังนั้นในระหว่างที่รอการเปลี่ยนยาก็ขอให้กินยาตัวเดิมไปก่อน และรีบเปลี่ยนยา เพราะยาอาจมีผลข้างเคียงในระยะ 40 ปี แต่หากหยุดยาไปทันทีในคนไข้ที่มีความดัน  ตัวยาก็ยังรักษาให้หัวใจทำงานปกติด้วย หากหยุดยาไปทันที อาจมีผลในเรื่องโรคแทรกซ้อนมากกว่าโรคมะเร็ง ซึ่งอาจทำให้มีผลต่อหัวใจในเวลาไม่ถึงอาทิตย์ ทั้งนี้ได้มีการแจ้งให้ผู้ผลิตมีการหยุดการจำหน่ายไปเมื่อ วันที่ 13-14 ก.ค. ที่ผ่านมา และให้เรียกเก็บตัวยาภายใน 2 อาทิตย์ โดยให้มีการรายผลการเรียกเก็บเข้ามาที่ อย. เพื่อนำไปทำลายต่อไป ทั้งนี้ .

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"