ทหาร-เงิน-กระสุน ทุบ-ดูด เพื่อไทย


เพิ่มเพื่อน    

 ทหาร-เงิน-กระสุน ทุบ-ดูด เพื่อไทย

            ระหว่างรอการประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา  โดย คสช.เตรียมปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมการเมืองบางอย่างได้หลังร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับประกาศใช้ ขณะเดียวกันว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ก็เตรียมเข้าทำหน้าที่แล้ว หลัง สนช.ลงมติเห็นชอบว่าที่ กกต.ไป 5 ชื่อเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงก่อนเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ความเคลื่อนไหว พลังดูด ถูกคาดหมายว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากนี้ โดย พรรคเพื่อไทย จะยังเป็นเป้าหมายใหญ่ในการดูดอดีต ส.ส.ให้ย้ายออกไป

            มุมมองของอดีต ส.ส.เพื่อไทย ที่เป็นอดีต ส.ส.ภาคอีสานและภาคกลาง ที่บอกว่าก็ถูกทาบทาม-เจอพลังดูดเช่นกัน ได้พูดถึงปรากฏการณ์พลังดูดในช่วงนี้ โดยอ้างข้อมูลว่า มีการเสนอเงื่อนไขผลประโยชน์จำนวนมาก เช่น ค่าใช้จ่ายรายเดือน ที่ตอนนี้เริ่มจ่ายแล้วเดือนละหนึ่งแสนบาทสำหรับบางคนไว้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับคนที่ร่วมพลังดูด รวมถึงการกดดันหลายอย่าง เพื่อให้ย้ายพรรค เช่น หากไม่ย้าย ตอนเลือกตั้งไปจะโดนใบเหลือง-ใบแดง และเชื่อว่าหัวจ่ายพลังดูดจะทำงานหนักขึ้นหลังจากนี้

เริ่มที่อดีต ส.ส.อีสาน สมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องพลังดูดมาจากระบบการเลือกตั้งที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ที่ให้นับทุกคะแนนเสียง เลยทำให้มีการไปดึงอดีต ส.ส.ภาคอีสาน 50-60 คนมาร่วมวง แม้บางคนจะเป็น ส.ส.ครั้งสุดท้ายหลายปีมาแล้ว แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะพวกนี้ก็มีฐานคะแนนของตัวเอง มีกลุ่มที่จะเลือก จึงทำให้กลุ่มสามมิตรใช้วิธีการดูดเพื่อหวังเก็บทุกเม็ด ดูดมาเพื่อส่งลงเลือกตั้ง โดยหวังให้ทำคะแนนในพื้นที่แค่สัก 5,000-10,000 คะแนน เพราะต้องการนำคะแนนทั้งหมดมาใช้ตอนคำนวณที่นั่ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เป็นการเก็บตก

...ไม่ใช่ว่ากลุ่มสามมิตรคิดผิด บางคนอาจบอกคนที่กลุ่มสามมิตรไปเอามาเป็นอดีต ส.ส.ที่สอบตก แต่จริงๆ เขาคิดถูก เพราะทุกคนจะมีคะแนนในตัว ก็จะมาแบ่งคะแนนของเราออกไป กลุ่มสามมิตรก็เลยใช้วิธีเอาหมด ซื้อทุกสินค้าไว้ในสต๊อก อย่างอดีต ส.ส.เลย เพื่อไทย (กลุ่มปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข) ที่ย้ายออกไป เพื่อไทยก็ไม่ได้หวั่นวิตกอะไร เพราะพรรคเพื่อไทยมีอดีต ส.ส.รอบที่แล้วในการเลือกตั้งปี 2554 จำนวน 102 คน เฉพาะ ส.ส.เขต ถึงจะมีอดีต ส.ส.เราย้ายออกไปสัก 8-10 คน ก็ถือว่าเรื่องปกติ แต่เราก็ไม่ได้ปากแข็งว่าก็มีผลกระทบ เพราะเมื่อคนเดิมออกไป พรรคก็ต้องส่งคนใหม่ที่มีแน่ ไม่มีปัญหา เราถึงอยากให้รีบปลดล็อกเพื่อคนใหม่จะได้มีเวลาในการทำพื้นที่

            สมคิด-อดีต ส.ส.อุบลราชธานี ระบุว่า มีทหารเกี่ยวข้องกับการเดินสายดูดคนของเพื่อไทยให้ย้ายออกไปจากพรรค โดยบอกว่า บทบาททหารในเรื่องการดูดมีจริง โดยเฉพาะในภาคอีสาน เดินจริง มีจริง ส่วนจะมีใครกล้ายืนยันหรือไม่ อีกเรื่องหนึ่ง แต่วิธีปฏิบัติรู้กัน มีจริง แต่ผู้ใหญ่ฝ่ายความมั่นคงก็ปากว่าตาขยิบ มีการกระซิบให้ไปทำ เรื่องนี้ยืนยันว่ามีจริง มีนายทหารเข้าไปเกี่ยวข้อง ทหาร ถ้านายไม่กระซิบ เขาไม่เดินหรอก ไม่กล้าทำหรอก ที่สำคัญพรรคพลังประชารัฐ มีนักธุรกิจใหญ่ๆ ถูกทาบทามให้เข้าไปร่วม พวกนักธุรกิจร่ำรวยในจังหวัดโดนทาบทามชักชวนจากเจ้าหน้าที่รัฐให้เข้าไปสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ อันนี้มีแน่ เพราะมีพ่อค้าเขามาบอกผมเอง

...ตอนนี้การดูดมีบรรยากาศที่ไม่ปกติเกิดขึ้นตลอด ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ในเขตเลือกตั้งที่ 1 อุบลราชธานี มีนายทหารในพื้นที่อีสานโทรศัพท์ไปหาอดีต ส.ส.บอกว่า ให้ย้ายออกจากเพื่อไทยไป โดยอ้างว่าจะมีการสลายเพื่อไทยอยู่แล้วจะอยู่ไปทำไม หากอยู่ต่อไปก็จะลำบาก แต่หากย้ายออกมาอยู่กับฝ่ายพรรคทหาร จะได้รับการดูแล อำนวยความสะดวก เช่น ทำงานในพื้นที่อุบลราชธานี ก็จะมีผู้ว่าฯ-นายอำเภอคอยช่วยเหลือดูแลให้ รวมถึงบอกด้วยว่าหากย้ายออกมาจากเพื่อไทยจะมีค่าใช้จ่ายรายเดือนให้ ซึ่งเท่าที่ผมได้ยินก็รู้มาว่าหากย้ายไปจะมีการให้เงินค่าใช้จ่ายเดือนละหนึ่งแสนบาท โดยเงินก้อนแรกที่จะให้ แต่ละคนก็จะได้ไม่เหมือนกัน แต่ที่อุบลราชธานีที่บอกไม่ได้พูดเรื่องเงินส่วนนี้ แต่ทหารคนดังกล่าวบอกว่า หากไม่ย้ายออกจากเพื่อไทย จะโดน ใบเหลือง-ใบแดง ที่ก็คือการเจรจาโดยใช้อำนาจหน้าที่ไปข่มขู่ ที่ถือเป็นเรื่องไม่ปกติ เป็นการดูดที่มันน่าเกลียด

...คนที่ทำเรื่องแบบนี้ ผมมองว่าคนที่มีอำนาจตอนนี้ปากว่าตาขยิบ ต่อหน้าบอกว่า ไม่เคย จะดูดให้เมื่อยปากทำไม จะดูดทำไม เรื่องการย้ายพรรคของ ส.ส. หากเป็นสถานการณ์ปกติ เช่น ยุบสภาฯ แล้วย้ายพรรคเพราะอยู่แล้วไม่สบายใจแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่งวดนี้ที่ดูดกันมันไม่ธรรมดา เพราะว่าผู้กุมอำนาจรัฐใช้อำนาจเหล่านี้ไปจัดการ มันไม่ปกติแน่ และเรื่องแบบนี้มันไม่ปกติ แต่พอไปถาม ก็มาบอกว่าไม่เกี่ยว แต่จริงๆ เกี่ยวในทางลับ ที่ต้องการสืบทอดอำนาจต่อไปอีก หลังเห็นแล้วว่าประชาชนเริ่มไม่ยอมรับ เพราะวางนโยบายการทำงานแบบไม่ยั่งยืน ไม่ได้กรองจากความต้องการของประชาชน

            เรื่องการดูดหลังจากนี้ยังจะมีต่อไป แต่ก็อยากให้จบไวๆ ใครจะไปก็ไม่ว่ากัน การดูดยังมีต่อหลังจากนี้ แต่จะใช้วิธีการลงใต้ดินกัน ผสมกับการทำตลาดทางการเมือง ฝ่ายทหาร ฝ่ายมีอำนาจก็คุมอยู่เบื้องหลัง

            สมคิด กล่าวต่อไปว่า ขอให้จับตาดูต่อจากนี้จะมีการประชุม ครม.สัญจรมากขึ้น เป็นการไปเพื่อบอกข้าราชการในพื้นที่ว่า คนไหน กลุ่มไหน เป็นของฝ่ายเขา ต้องดูแล เพื่อไทย อย่าให้เข้ามา ต้องจัดการให้เรียบร้อย พลเอกประยุทธ์ที่ผ่านมาใช้วิธีเดินเข้าหานักการเมืองเองตลอด เห็นได้จากเช่นที่สุโขทัย ชลบุรี บุรีรัมย์ แล้วมีการปิดห้องคุยกันเอง เอานักการเมืองท้องถิ่นพวก ส.จ.เข้าไปนั่งคุยด้วย ต่อจากนี้พลเอกประยุทธ์จะเดินสายไปจังหวัดใหญ่ๆ ถี่ขึ้น อย่างล่าสุดที่จะไปอุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ ก็เรียกไปคุยได้เลย เพราะก็มีข่าวว่าใน 4 จังหวัดนี้ก็มีคนที่อยู่ในการดูแลของบางคนในพรรคพลังประชารัฐและภูมิใจไทย จากนี้ไปการประชุม ครม.สัญจรของรัฐบาลจะได้เห็นนักการเมืองที่หนุนรัฐบาลมาคอยต้อนรับ ทำให้ดูแล้วการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นจะเป็นการต่อสู้ที่ชัดเจนระหว่างพรรคการเมืองที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์กับพรรคการเมืองที่เดินสายประชาธิปไตย ที่ประชาชนจะตัดสินใจได้ชัดเจน

เพื่อไทยเป็นแชมป์มาตลอด เขาก็ต้องล้มแชมป์ ตั้งเป้าดูด ใช้เงินจำนวนมาก ถ้าตามข่าว ไม่รู้ว่าเอาเงินมาจากไหน เช่นที่มีข่าว เช่น ดูดกันที 30-50 ล้าน เลยเบิกไปก่อน 20 ล้านบาท ถ้าทำจริง ใช้เงินหลายพันล้านบาท เรื่องนี้เกิดขึ้นมันต้องมีมูลถึงมีข่าว แต่จะถึง 50 ล้าน ไม่แน่ใจ แต่ตัวเลข 30-40 เคยมีมาแล้ว ตอนยุคปี 2554 ที่ประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยจับมือกันดูดแบบนี้

...ถ้าของเพื่อไทย เช่น อุบลราชธานี ออกไปสัก 2 คน ศรีสะเกษ 1 คน เขาก็มีฐานคะแนนของเขา เราก็ประมาทไม่ได้ คนที่ดูดก็ไม่ได้โง่ เขาก็รู้ว่าคนไหนมีศักยภาพถึงดูดออกไป ยิ่งคนไหนฐานคะแนนเดิมเยอะ ก็ยิ่งกล้าจ่าย ผสมกับการใช้อำนาจรัฐมาบอกว่า หากอยู่เพื่อไทยต่อจะลำบาก จะโดนใบแดง-ใบเหลือง หลายคนในพรรคเพื่อไทยโดนแบบนี้

ถามถึงกรณีกระแสข่าวอดีต ส.ส.อุบลราชธานีหลายสมัยอย่าง สุพล ฟองงาม อดีต รมช.มหาดไทย และสุทธิชัย จรูญเนตร จะย้ายออกไปจากพรรคเพื่อไทย สมคิด-อดีต ส.ส.อุบลราชธานี ให้ข้อมูลว่า ก็รอพิสูจน์ ผมก็ไม่เคยได้ยินจากปากสุพล และสุทธิชัย ว่าจะย้ายพรรค มีแต่สื่อออกข่าว ก็อยากให้ทั้ง 2 คนออกมาปฏิเสธ แต่ทั้ง 2 คนก็ยังเงียบอยู่ ผมก็อนุมานไม่ได้ว่าทั้ง 2 คนจะอยู่หรือไป เพราะเจอกันก็ไม่เคยถามเรื่องนี้ เพราะบางคนที่มีข่าว เช่น ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต รมช.เกษตรฯ จะย้ายพรรค พอวันรุ่งขึ้นเขาก็ปฏิเสธทันทีว่าไม่คิดย้ายไปอยู่กับพรรคทหาร แต่ที่อุบลราชธานี หลังมีข่าวคนของพรรคจะย้ายออก ก็มีแต่ความเงียบ ซึ่งความเงียบเลยทำให้คนคิด ในพรรคก็คงคิด ทำให้ตอนนี้ที่อุบลราชธานี ผมก็ยังไม่แน่ใจ แต่ก็อยากให้จบ จะได้ทำกิจกรรมต่อไปได้

 ที่ผ่านมาก็มีข่าวออกมาว่า พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ อดีตรองนายกฯ-อดีต สปท.เข้ามาประสาน ระหว่างผู้มีอำนาจ รวมถึงนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ อดีต รมช.อุตสาหกรรม และนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ อดีต รมช.มหาดไทย ที่เคยอยู่พรรคไทยรักไทยและเพื่อแผ่นดิน มีการประสานกับผู้มีอำนาจ โดยทั้งนายสุพล นายปรีชาและนายสิทธิชัยก็สนิทกันอยู่แล้ว เพราะเป็นพรรคพวกกัน ก็เลยทำให้เกิดภาพที่เห็น แต่หากผมเป็นนายสุพลและนายสุทธิชัย หากไม่ย้ายพรรคต้องปฏิเสธ การนิ่งไว้แบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อท่านและไม่เป็นผลดีกับพรรค แต่ผมก็เชื่อว่าทั้ง 2 คนเป็นผู้ใหญ่แล้ว หลังปลดล็อก ทุกอย่างก็จบ แต่หากตัดสินใจอย่างไร ก็เคารพเขา เพราะอย่างวันชัย บุษบา อดีต ส.ส.เลย เพื่อไทย กลุ่มนายปรีชาที่ย้ายออกไป พอย้ายไป ผมก็ไลน์ไปคุยกับเขา แล้วผมก็ให้สัมภาษณ์ว่าผมก็ชื่นชมเขา เพราะพวกปรีชา เขาก็ลูกผู้ชายตัดสินใจก็ประกาศ ก็ขอให้โชคดี จะได้ชัดเจน โดยที่เลยตอนนี้ก็ได้ข่าวมีนักการเมืองท้องถิ่นมาติดต่อจะขอลงแทนแล้ว ยืนยันว่าพรรคจะส่งใครก็ต้องส่งเพื่อให้ชนะ ไม่ใช่ส่งเพื่อไปเก็บตกไปเอาคะแนน

-เชื่อหรือไม่ว่ามีการใช้เงิน ผลประโยชน์มาต่อรองพลังดูด ให้ย้ายออกไปจากพรรค?

มี มีเรื่องเงินแน่ๆ มีเรื่องกระสุน เขาเรียกกระสุน แต่ไม่มั่นใจในตัวเลข แต่ 20-30 มีแน่ๆ โดยมีการแบ่งเกรดจากฐานคะแนน คนที่ห่างการเป็น ส.ส.มานาน ก็จะได้เกรดหนึ่ง

 ข่าวว่าคนที่ได้รับการแบ่งเกรด เริ่มได้เงินไปทำกิจกรรม เดือนละ 3-5 หมื่นบาท มีการจ่ายแล้ว 1 เดือน คนที่ไปจากเพื่อไทย บางคนก็ได้เดือนละ 1 แสนบาทต่อเดือน ให้ไปทำกิจกรรม เลยมีการเดินหน้าทำกิจกรรมของพวกพลังประชารัฐแล้ว ที่การทำกิจกรรมก็ต้องมีค่าใช้จ่าย เริ่มต้นก็คงเดือนละ 3-5 หมื่นบาทต่อเดือน มีแน่เรื่องเงิน แต่พอให้มีการยืนยันก็ปฏิเสธ แต่ข้างในจริงๆ ก็รู้กัน

            สำหรับผม ก็เคยมีคนที่ผมรู้จัก แล้วทหารมาคุยกับคนนั้น แล้วคุยผ่านมาถึงผมอีกทีว่าหากผมย้ายออกไปได้ก็จะดี เขาบอกว่า สมคิด ถ้าย้ายออกไปอยู่ตรงนั้น ไปอยู่กับฝ่ายทหาร ฝ่ายคุมกำลัง เราจะสบาย จะได้รับการดูแล อยู่เพื่อไทยไปก็โดนเล่นไม่สิ้นสุด อยากให้สบาย ผมก็ตอบไปว่า จะอยู่เพื่อไทยต่อไป หากสอบตก ก็เลิก เลยตอบทันที ไม่ลังเลเลย เพราะหากย้ายไปเวลาอยู่ในพื้นที่ ชาวบ้านเขาก็มองจุดเดียว ว่าออกไปเพราะได้เงิน 50 ล้านบาท

สมคิด พูดถึงปรากฏการณ์พลังดูดกับการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว นับทุกคะแนนเสียงว่า หากดูจากผลเลือกตั้งปี 2554 ที่ใช้บัตรลงคะแนน 2 ใบ อย่างผมชนะมาด้วยคะแนน 34,000 คะแนน ชนะคู่แข่งมาประมาณ 300 กว่าคะแนน แต่คะแนนพรรคเพื่อไทยได้ 42,000 คะแนน ก็แสดงว่า 7,000 กว่าคะแนน ไม่ได้เลือกผม ไปเลือกเพื่อไทย หากสมมุติ ย้อนกลับไป ก็แสดงว่า ผมก็ได้ 42,000 คะแนน ไม่ต้องออกแรงมากเพราะคะแนนพรรค เพราะเมื่อเลือกตั้งบัตรใบเดียว มันจะแปรคะแนนพรรคมาเป็นของผู้สมัคร เพราะคนเลือกเพื่อไทย หรือใครรักสมคิด เพื่อไทยก็ได้ด้วย นี่คือระบบเลือกตั้งใบเดียวที่เป็นต้นตอของการดูด ต้นตอใหญ่เลย บางคนบอกที่กลุ่มนั้นเปิดตัวมา มีพวกอดีต ส.ส.ที่ไม่ได้เป็น ส.ส.มานานแล้ว แต่เขาทำเพราะได้เท่าไหร่เขาก็เอา เพราะเห็นต้นทุนคะแนน 70,000 คะแนน ที่จะนำไปคำนวณเก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์ 1 ที่นั่ง พวกมีฐาน 3,000-5,000 คะแนน ก็ยังเอาไว้ก่อน แต่ก็อาจได้ค่าใช้จ่ายให้น้อยกว่าคนอื่น คือพวกนี้ก็ต้องยอมรับว่าเขาก็มีกลุ่มคะแนนของเขา

...สำหรับภาคอื่นของเพื่อไทย อย่างภาคเหนือ ได้คุยกับอดีต ส.ส.เพื่อไทย พบว่ามีการเจรจาน้อย เพราะภาคเหนือตอนบน เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พวกนี้จะไม่มีปัญหา เพราะเป็นฐานของเพื่อไทย จะมีก็ภาคเหนือตอนล่าง พวกสุโขทัย พิษณุโลก ก็อาจมีปัญหาเรื่องการจัดคน ส่วนภาคกลางก็หนักอยู่ เป็นพื้นที่แห่งการแย่งชิง พลังดูดหนักอยู่ อย่าลืมว่า สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมศักดิ์ เทพสุทิน จับมือกันแล้วมีผู้มีอำนาจรัฐหนุน ทำให้ภาคกลาง อย่างผมคุยกับคุณอำนวย คลังผา ที่ลพบุรี หรือวิทยา บุรณศิริ ที่อยุธยา เท่าที่ได้คุย บางคนก็สนิทกัน ก็พบว่าไม่ออกไปจากพรรคแน่ บางจังหวัดที่มีข่าว ก็ยัง 50-50 ก็เข้าใจเขา เพราะเขาก็มีธุรกิจที่ต้องทำ ส่วนนนทบุรี ข่าวว่าอาจออกไป 2 คน รวมถึงยังมีอีกบางจังหวัดที่ยังไม่ชัด ผมถึงอยากให้ชัดเจน เพราะหากไม่ชัด พรรคก็ทำงานยาก

พร้อมกันนี้ สมคิด ตั้งข้อสังเกตและขอให้จับตามองการประชุม ครม.สัญจรของรัฐบาลต่อจากนี้ หลังรัฐบาลจะเดินสายไปประชุม ครม.สัญจรที่อุบลราชธานี ในช่วงสัปดาห์หน้าว่า การที่รัฐบาลไปประชุม ครม.ภาคอีสานในเดือนนี้ มองว่าเป็นการเดินเพื่อหาพวก สร้างอาณาจักร ก่อนจะไปสู่การเลือกตั้งเพื่ออย่างน้อยก็สร้างความเชื่อมั่นให้ข้าราชการว่าพวกเขายังอยู่และจะกลับมาเป็นอีกต้องมาช่วย

เมื่อถามว่า เงินที่ใช้ในการดูดอดีต ส.ส.เอาเงินจากไหนมาทำ สมคิด-อดีต ส.ส.เพื่อไทย ให้ความเห็นว่าเงินเหล่านี้อาจมาจากบริษัทใหญ่ๆ ที่สนับสนุนรัฐบาล เพราะการที่รัฐบาลอยู่มาจะ 5 ปี เขาก็ได้ประโยชน์จากส่วนนี้ก็เลยฝากกันไว้ให้ช่วยดูแล บริษัทที่เป็นนายทุนให้รัฐบาลก็เยอะ คนทำธุรกิจจะเป็นนายทุนให้กลุ่มอำนาจ กลุ่มอำนาจที่ได้ประโยชน์ก็คงจะเริ่มทยอยออกมาใช้ ก็ผ่านระบบนี้ออกมา

            พลังดูดจะกลับมาหนักอีกทีหลัง คสช.ปลดล็อก ตอนนี้อยู่ช่วงทาบทาม เพราะปลดล็อกเสร็จก็เปิดตัวได้เลย ทุกอย่างจบ ตอนนี้ยังทำแบบปิดลับกันอยู่ ส่วนพวกที่ยังไม่ชัด พวกสร้างราคา ผมว่าเต็มที่ก็ไม่น่าจะเกิน 30-40 คงไม่กล้าจ่ายมากกว่านี้ พวกอยู่ท้ายๆ ก็จะมีราคาประมาณนี้ เป้าหมายคือ จะให้เพื่อไทยได้ ส.ส.น้อยลง แล้วจะกลับมาเป็นรัฐบาลต่อไป

            อย่างไรก็ตาม อดีต ส.ส.อีสาน-สมคิด เชื่อว่า เลือกตั้งที่จะมีขึ้นในภาคอีสาน เพื่อไทยจะยังคงรักษาพื้นที่ไว้ได้ พรรคต้องไม่ให้เขามาตีเมืองขึ้น ตอนนี้ก็อยากให้รีบปลดล็อก จะได้ทำกิจกรรม เช่น การประชุมใหญ่ จะได้สรรหาผู้นำพรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรค ต้องรีบทำ โดยเรื่องหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทางผู้ใหญ่บอกว่าหากปลดล็อกพรรคการเมือง พรรคก็จะเร่งทำเรื่องนี้เพื่อให้ชัดเจนว่าจะมีใครมาเป็นผู้นำพรรค เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไร พรรคก็ต้องว่าไปตามนั้น โดยก็ใช้การออกเสียงตอนประชุมใหญ่ประจำปีเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้พรรคแตกเหมือนอย่างที่มีการพูดกันว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาแล้วพรรคจะแตก ไม่จริง เพราะใครมาก็ต้องมาช่วย ตอนนี้ก็มีการคุยกันในกลุ่มว่าอยากได้ใครมา รวมแล้วตอนนี้ก็ 4-5 ชื่อ แต่สุดท้ายผลจะเป็นอย่างไร เพื่อไทยก็จะอยู่ด้วยกันได้ เพราะที่ผ่านมาระบบทหารมากระทำกับพวกคุณ หากแตกไป ถามว่าจะแตกไปไหน เหตุผลมันน้อยไป เมื่อทำกับพรรค ทำกับพวกคุณ ทำทุกเรื่องทั้งการเมือง คดีความ แล้วจะแตกกันไปแยกกันไปทำไม ผู้นำพรรคจะออกมาอย่างไร สุดท้ายทุกคนจะยอมรับเมื่อเลือกเสร็จ รวมถึงเมื่อปลดล็อกแล้ว จะได้รีบเซตตัวผู้สมัคร ส.ส.ให้ชัดเจน

สำหรับพันธมิตรการเมืองกับพรรคเพื่อไทย พรรคใดที่เดินสายแนวทางประชาธิปไตยไม่ว่าจะพรรคไหน ต้องจับมือกันอยู่แล้วโดยธรรมชาติ เช่น พรรคเสรีรวมไทยของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ออกมาวิจารณ์ คสช.ตลอด หรือพรรคอนาคตใหม่ แนวโน้มก็ต้องมาอยู่ตรงนี้ แต่ตอนเลือกตั้งก็ต้องต่างคนต่างสู้ แต่แนวทางการเมืองหลังเลือกตั้ง พรรคพวกนี้ก็น่าจะไปด้วยกันได้.

                                                     โดย วรพล กิตติรัตวรางกูร

.......................................................

พวก ส.ส.เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ เอาไม้ตีจะสู้ แต่เอาเงินตีสลบหมด

ขณะที่ สุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ที่เป็นอดีต ส.ส.หลายสมัยตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นคนไปยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรที่ดูดคนเข้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ข้อมูลถึงเรื่องการดูดคนออกจากพรรคเพื่อไทยว่า เป็นแผนการเมืองของกลุ่มสามมิตรที่ต้องการให้พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส.ตามเป้า 120 ที่นั่ง เลยใช้วิธีการดูดดึงคนออกไปจากเพื่อไทยจะได้ทำให้พรรคไม่ชนะการเลือกตั้ง พร้อมกับเปรียบเทียบว่าพวกผู้แทนราษฎรเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ นักเลง เก่ง ไม่มีกลัวใคร เอาไม้ตีจะสู้ แต่หากใช้เงินใช้ทองมาตีสลบทุกราย

...ผมเป็นอดีต ส.ส.หลายสมัย เป็นคนยกร่างกฎหมาย เป็นคนเคารพกฎหมาย การเสนอกฎหมายต้องมีขั้นตอน ที่ไปยื่น กกต.ให้ระงับการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐเพราะเห็นความไม่เป็นธรรม ไม่เคารพกฎหมาย ไม่เคารพกติกาตามรัฐธรรมนูญมาตรา มาตรา 169 (4) รวมถึง พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา  30, 31 มีการบัญญัติชัดเจนไม่ให้ข้าราชการไปครอบงำพรรคการเมือง ไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมือง ต้องให้ความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน พิจารณามาเกือบสี่ปีในการแข่งขันกีฬา เปรียบเป็นผู้ดูไม่ใช่ผู้เล่น เมื่อกติกาใน รธน.บัญญัติชัดเจน เมื่อรัฐบาลพลเอกประยุทธ์บอกให้ทุกคนเคารพกฎหมาย วันนี้พลังดูดเกิดขึ้นต้องถามสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ, อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม, สนธิรัตน์  สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าพวกข้าราชการการเมืองพวกนี้ไปครอบงำยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองหรือไม่  เพราะชวน ชูจันทร์ ไปขอตั้งพรรคพลังประชารัฐโดยยังไม่ได้มีกิจกรรมการทำการเมือง ยังไม่มีการประชุมพรรค ยังไม่มีข้อบังคับพรรคเลย หรือมีการเขียนข้อบังคับพรรคว่าให้มีการนำชื่อพรรคไปใช้ แล้วไปไล่ดูดคนอื่นมาเข้าพรรคได้ ถ้าเขียนกติกาออกมาแบบนี้ผมจะยอมรับ วันนี้กติกายังไม่มี แต่กลุ่มสามมิตรก็ออกไปพูดตลอดว่าขอให้ทุกคนมาอยู่กับกลุ่มสามมิตร จึงไปยื่นต่อ กกต.ให้ตรวจสอบกลุ่มสามมิตรว่าได้เข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐหรือยัง มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐหรือยัง

...วันนี้ถ้าปล่อยกติกาก็ต้องปล่อยพร้อมๆ กัน เหมือนกับปล่อยม้าวิ่งก็ต้องปล่อยให้วิ่งพร้อมกัน ไม่ใช่ไปขี่คอคนอื่น คนคนอื่นทำอะไรไม่ได้เลย แต่บางกลุ่มกลับเดินสายได้ ให้ไปตกปลาในบ่อคนอื่นได้  แต่คนอื่นทำอะไรไม่ได้เลย หลังยื่นไปแล้วก็ขอบคุณ กกต.ที่พยายามจะรักษากติกา และจะตั้งกรรมการไปตรวจสอบ อยากเรียกร้อง กกต.กติกาที่เขียนไว้ขอให้รักษากติกา ครรลองของกฎหมาย เพราะนักการเมืองทุกคนก็คือผู้เล่น ถ้าทุกคนเล่นตามกติกาก็ไม่มีใครว่า แต่หากมีใครเล่นนอกกติกา ประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจ วันนี้เพื่อไทยสู้ในข้อกฎหมายจึงไปยื่น กกต.ให้ระงับการตั้งพรรคพลังประชารัฐเพราะเอาเปรียบคนอื่นเขา แม้คนในรัฐบาลจะอ้างว่ายังไม่เป็นพรรคการเมือง แต่ก็มีชื่อของพรรคพลังประชารัฐปรากฏออกมาตลอด แล้วแบบนี้เอาเปรียบคนอื่นหรือไม่

ผมอยู่ตั้งแต่ไทยรักไทยมา ก็มีคนในกลุ่มนั้นอยู่ด้วยทั้งหมด ก็รู้จักกันพอสมควร แต่ใครจะเป็นอย่างไรก็ไม่ว่า เป็นเรื่องอนาคตของแต่ละคน ขอเพียงให้เดินตามรัฐธรรมและกรอบของกฎหมาย เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ประเทศและพรรคการเมือง เรื่องนี้ กกต.ควรเคลียร์ ต้องมีคำตอบในเรื่องนี้ที่ไปยื่นกับกกต.ให้ประชาชนด้วย

เมื่อถามว่ามีข่าวมาตลอดว่ามีการเจรจาต่อรอง ให้ผลประโยชน์แก่คนที่มีการติดต่อให้ย้ายพรรค  รวมถึงเอาคดีความมาต่อรองกดดัน ตลอดจนมีนายทหารในราชการยศนายพลเกี่ยวข้องเดินสายร่วมดูดด้วยจริงหรือไม่ สุชาติ กล่าวว่า วันนี้ที่ถามว่ามีจริงหรือไม่ ขอบอกว่าหลักฐานหาไม่ยาก และนักการเมืองส่วนมากก็เป็นนักการเมืองอาชีพกันทุกคน ต้องย้อนกลับไปว่านักการเมืองส่วนใหญ่อยู่รัฐสภา ก็กินกาแฟคุยการเมืองด้วยกัน รู้จักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง วันหนึ่งโดนรัฐประหาร โดนกระทืบจนแทบไม่มีที่ยืน แล้วถูกชี้หน้าว่านักการเมืองชั่วเลวหาผลประโยชน์ แต่ถามว่าแล้วพวกที่เดินสายพลังดูดเป็นนักการเมืองหรือไม่ แล้ววันนี้นายกฯ ประยุทธ์, พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ กลับมาใช้คนที่บอกว่าเป็นพวกชั่วพวกเลวมาไล่ดูดคนเข้าพรรค คนที่ทำตอนนี้เป็นนักการเมืองหรือไม่

“วิธีการดูดก็รู้กันทั่วไป จู่ๆ จะมาชวนให้ย้ายพรรค ให้มาอยู่กับพรรคนี้ อยู่ดีๆ คนจะไปหรือไม่ ผมถึงเคยบอกว่าพวกผู้แทนราษฎรเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ นักเลง เก่ง ไม่มีกลัวใคร เอาไม้ตีจะสู้ แต่หากเอาเงินตีสลบทุกราย คือหากโดนเอาเงินเอาทองมาตีสลบทุกราย มีการใช้ทั้งเงิน อำนาจ

 บางคนถามว่าอยู่ดีๆ จะไปอยู่เป็นพวกกัน ออกไปจากพรรค เพื่อไปก่อตั้งพรรคการเมือง ทั้งที่พรรคเดิมก็ยังมีเสียง ยังคะแนนดีอยู่ ในพื้นที่ประชาชนยังรักคะแนนดี แต่ถามว่าออกไปเพราะอะไร เรื่องผลประโยชน์เล็กๆ ไม่มีใครไปหรอก ขนาดรักกันผัวเมียยังทิ้งกันได้เพราะเงิน"

สุชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเรื่องการดูดตัวเขาเองก็โดนติดต่อทาบทามตลอด ทาบหนักๆ มี 3-4 ครั้ง แต่ไม่ขอบอกว่าใครมาติดต่อมาบีบ โดยบอกว่าอยู่เพื่อไทยสี่ปีที่ผ่านมายุค คสช.มีกระสุนมาทำงานให้ไหม เล่นไปเช็กกันถึงขนาดนั้น แต่หากย้ายออกไปอยู่ด้วยกันมีทั้งอำนาจรัฐและผลประโยชน์ที่จะแบ่งให้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาถึงตาโตกัน แต่สำหรับผม ผมมีประสบการณ์ วันนี้ถ้ากระแสดี เขาให้ตามที่เขาพูดได้ แต่วันหน้าหากกระแสเขาไม่ดี เอาแค่ค่าป้ายหาเสียงยังไม่จ่ายให้เลย

อดีต ส.ส.เพื่อไทย สุชาติ ระบุว่า สาเหตุที่มีการเคลื่อนไหวดึงอดีต ส.ส.เพื่อไทยให้แยกตัวออกมา  เพราะที่ผ่านมาเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมาตลอด มีฐานเสียงเยอะ หากไปดูดที่อื่นก็ไม่ได้อะไร ได้ของเสีย ก็เป็นเป้าที่เขาวางแผนไว้ เหมือนอย่างการซื้อขายนักฟุตบอล โดยหลักก็ต้องเอาตัวจริง ไม่เอาตัวสำรอง ไม่เอาคนที่นั่งข้างสนาม เอาตัวจริงเลย เกรดเอ เท่าไหร่ว่ามา ตั้งราคาไว้ขนาดนั้น ก็เพื่อต้องการสกัดไม่ให้เพื่อไทยชนะ เขาคิดแค่นั้น ไม่ได้คิดถึงประชาชน ประชาชนเขาคิดว่าการเลือกคนไปเป็น ส.ส.ต้องไปเป็นตัวแทนของเขาได้

...เป้าของเขาที่มีคนของเขามาคุยกับผม เขาบอกเลยว่าพรรคพลังประชารัฐตั้งเป้า ส.ส.แต่ละภาคทั้งอีสาน เหนือ กลางไว้ที่กี่นั่ง โดยบอกว่าพรรคพลังประชารัฐได้ประมาณ 120 กว่าคน เมื่อตั้งเป้าไว้แบบนี้ก็เลยหาแผนที่จะทำตามเป้าให้ได้ ก็เลยได้เห็นภาพที่เขาไล่ทำอยู่ตอนนี้ โดยภาคกลางเขาตั้งเป้าไว้ที่ 20-30 ที่นั่งหลังเลือกตั้ง สำหรับในพื้นที่ภาคกลาง พวก ส.ส.ภาคกลางเพื่อไทยส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นมืออาชีพ อย่างนครปฐม ทางลูกพี่ผม พี่เผดิมชัย สะสมทรัพย์ อดีต รมว.แรงงาน ท่านอยู่ในวงการเมืองมานาน เป็นนักการเมืองอาวุโส จึงรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร หรือพี่วิทยา บุรณศิริ เขาก็นักการเมืองอาชีพ ก็รู้ดีว่าประชาชนเป็นอย่างไร อะไรจะตัดสินใจอย่างไร วันนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาตัดสินใจเพราะการเมืองยังไม่ปลดล็อก

...วันนี้ใครไปหาใครก็ต้องเออออห่อหมกไปก่อน ตามประสาสังคมไทยที่ปฏิเสธกันไม่ได้ เพราะรัฐบาลไปประชุม ครม.ที่นครสวรรค์ก็มีข้าราชการโทรศัพท์มาหาผม บอกให้ไปรับนายกฯ ผมก็บอกว่าก็อยากไปหากติดต่อมาก่อน แต่พอดีผมมีธุระจำเป็นต้องไปที่อื่น ก็ต้องขอบคุณอย่างสูง อันนี้ผมก็พูดจากปากไป ส่วนในพื้นที่ผมลพบุรีเขาก็ทำกันมานาน อย่างเรามันเพื่อนกัน พวกนักการเมืองที่เป็นเพื่อนกันก็จะดูว่าคนไหนเสียงดี เพราะภาคกลางก็มีเรื่องของกระแสมาเกี่ยวข้องจะแตกต่างจากภาคอื่นๆ เช่น ภาคอีสาน แต่ก็อย่างที่บอกพวก ส.ส.ภาคกลางก็นักเลง เอาไม้ตีสู้ แต่เอาเงินตีสลบทุกราย

ยิ่งเมื่อจะมีการเลือกตั้ง พวกหัวจ่ายก็ต้องทำงานเต็มที่ เหมือนพวกดูดน้ำไดโว ก็ต้องเร่งดูดน้ำให้ได้มากที่สุด

ถามต่อไปว่าบางคนมีข่าวจะย้ายพรรค แต่ยังก้ำกึ่งไม่ยอมเปิดตัว แบบนี้การดูดค่าตัวจะสูงขึ้นหรือไม่ อดีต ส.ส.ลพบุรี-เพื่อไทย กล่าวตอบโดยยกตัวอย่างว่า ขอให้ดูกรณีการย้ายทีมแย่งซื้อตัวโรนัลโด  อย่าให้ผมพูดแล้วกัน โรนัลโดอยู่ทีมเรอัล มาดริดได้ค่าเหนื่อยเท่าไหร่ แล้วไปอยู่ยูเวนตุสได้เท่าไหร่ คิดกันแบบนี้เลย แต่สำหรับเพื่อไทยยืนยันว่าไม่กระทบอะไร เพราะเรื่องนี้ประชาชนเขาเป็นคนบอก เพราะประชาชนสัมผัสได้ว่าที่ผ่านมาพอเขาเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้ว เศรษฐกิจปากท้องเขาเป็นอย่างไร เขาเห็นมาแล้ว พอเจอพวกอดีต ส.ส.เพื่อไทย เขาก็พยักหน้าให้เลย เฉยๆ ไว้ก็จะเหมือนกับเคสครั้งที่ผ่านมา สมัยเลือกตั้งปี 2554 ที่เพื่อไทยได้เบอร์หนึ่งในการหาเสียง แล้วเป็นแบบได้เงินหมา แต่กาเบอร์หนึ่ง จำสูตรนั้นไว้ การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นจะเป็นบทเรียนที่ประชาชนจะสั่งสอนนักการเมือง  เพราะประชาชนเขาสัมผัสได้จากตัวเขาเอง

สุชาติ ออกความเห็นว่ารัฐมนตรีในรัฐบาลที่มีข่าวไปเคลื่อนไหวเตรียมทำพรรคพลังประชารัฐ หากต้องการเล่นการเมืองจริง เมื่อตอนนี้กำลังเข้าโหมดเลือกตั้งแล้ว อีกแค่ 7-8 เดือนตามที่นายกฯ เคยประกาศไว้ คุณต้องลาออกมาจากตำแหน่งเพื่อมาเตรียมตัว หากจะนำพรรคพลังประชารัฐไปหาเสียงแข่งขันกับพรรคการเมืองอื่น ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายว่ามาตามกติกา ว่ามาให้เต็มที่ หากทำแบบนี้จะไม่ว่าเลย มาสู้กันตามระบอบประชาธิปไตย แต่ตอนนี้มาเล่นเป็นอีแอบ แอบส่งคนอื่นไปไล่ทุบคนอื่น แล้วก็กุมอำนาจรัฐเอามาต่อรองคนอื่น

-คนในเพื่อไทยบอกว่าจะแฉคลิปมีนายทหารไปเกี่ยวข้องกับการดูดคนจากเพื่อไทย?

ต้องขอบคุณพลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ที่เคยอยู่หน่วยรบพิเศษ ลพบุรี ที่บอกว่าหากมีทหารในราชการไปยุ่งเกี่ยวการเมือง ท่านห้ามเด็ดขาด แต่บ้านเราทหารมีเยอะ ก็เหมือนที่มีการมาบอกว่านักการเมืองชั่วเลว ผมก็ต้องถามว่าทหารจะดีหมดทุกคนใช่หรือไม่ ก็ต้องมีบ้าง แล้วต้องดูว่าไปทำจริงหรือไม่ หากทำจริงก็ออกมายอมรับกับสังคม เพราะความลับไม่มีในโลก เหมือนอย่างที่จะมีการแฉกันที่โคราช หรืออย่างที่ลพบุรี พูดชื่อไปใครก็ต้องรู้จัก เพราะเป็นเมืองทหาร ปิดไม่อยู่

อดีต ส.ส.ลพบุรี สุชาติ กล่าวต่อว่า ในยุค คสช.สี่ปีกว่าที่ผ่านมา ก็ผ่านมาทั้งการถูก คสช.เรียกไปรายงานตัวตั้งแต่วันแรกๆ ที่ทำรัฐประหาร มีทหาร 25 คน รถจีเอ็มซี 2 คัน อาวุธครบมือ ทั้งที่ผมก็ไปรายงานตัว ตามที่มีประกาศ คสช. อยู่ในค่ายทหารสระบุรี 7 วัน แล้วที่ผ่านมาเวลามีเรื่องอะไร ตื่นเช้าขึ้นมาก็มีรถทหารมาจอดอยู่หน้าบ้านทุกวัน เราก็ไม่ว่าอะไร เพราะผมก็มีพวกเป็นทหารเยอะ ทุกวันนี้ก็ยังมีแบบนี้อยู่

ที่เจ็บปวดที่สุดคือหลังมีการวางระเบิดที่ รพ.พระมงกุฎฯ ผมโดนทหารนอกเครื่องแบบล้อมบ้าน 50 คน บ้านญาติผม พ่อแม่พี่น้องก็โดนหมด โดยอ้างมาตรา 44 ค้นแล้วก็ไม่ได้อะไร เอาหนังสือเรื่องรับจำนำข้าวที่ผมกับพวกอดีต ส.ส.เพื่อไทยร่วมกันทำไป เอาไปแค่นั้น แต่มาค้นละเอียด ใช้อำนาจมากเกินไปมารังแกคนอื่น แล้วคิดว่าเขาไปอยู่ด้วยหรือ

...พลังดูดหลังจากนี้จะมีไปเรื่อยๆ แน่นอน เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะไปเอาคนจากที่ไหน ก็เหมือนกับทำนา ระหว่างไปดูดน้ำเข้านากับปล่อยให้ไหลเข้าไปเอง ถามว่าแบบไหนน้ำจะเต็มเร็วกว่ากัน นี่คือสูตรความคิดของเขา คือต้องดูดไว้ก่อน ดีไม่ดีก็ต้องดูดไว้ก่อนแล้วไปคัดเลือกกันทีหลัง สำหรับเพื่อไทยดูแล้วการดูดคนออกไปจากเพื่อไทยคงยาก เพราะผมเคยเป็น ส.ส.มา ผมรู้ว่าไปอยู่ตรงไหนจะได้เป็น  อยู่ตรงไหนแล้วจะไม่ได้เป็น.

 

 

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"