นับตั้งแต่เปิดรับสมัคร กกต.ชุดแรกตั้งแต่เดือน ต.ค.60 ผ่านการลงมติของ สนช.ไป 2 ครั้ง (ครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 ก.พ.61 คว่ำไปทั้ง 7 คน) จนกระทั่งครั้งที่ 2 วันที่ 12 ก.ค.61
สนช.จึงเคาะว่าที่ กกต.ทั้ง 5 คน จากทั้งหมด 7 คน แบ่งเป็น 3 คนแรก ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นายอิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และ นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ส่วนอีก 2 คนมาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นคนคัดเลือก ได้แก่ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี และ นายปกรณ์ มหรรณพ
สำหรับ 2 คนที่พลาดหวังไป คือ นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร มีกระแสข่าว สนช.ไม่เอาด้วยเพราะมีคดีในศาลและ ป.ป.ช. กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด สมัยที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด รายนี้ สนช.กังวลในความเป็นกลางทางการเมือง
โดยหลังจากนี้ผู้ที่ได้รับการสรรหาจาก กกต.ทั้ง 5 คนต้องดำเนินการลาออกจากงานประจำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 26 ก.ค. จากนั้นประชุมคัดเลือกประธาน กกต.และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย และหากมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา กกต.ชุดปัจจุบันมีอันพ้นจากตำแหน่งทันที
ขั้นตอนต่อไปในส่วนของ กกต.อีก 2 คนที่เหลือ คณะกรรมการสรรหา 3 คนที่ประกอบไปด้วย ประธานศาลฎีกา ประธานสภาผู้แทนราษฎร (ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่แทน) ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว) ประธานศาลปกครองสูงสุด และบุคคลที่องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญแต่งตั้ง จะเปิดรับการสรรหาครั้งที่ 3 และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ก็ส่งรายชื่อให้ สนช.เคาะอีกครั้ง
คำถามที่ตามมา สุดท้ายแล้วจะมีคนกล้ามาสมัครหรือไม่ เพราะนอกจากจะหาคนยากเพราะกฎหมายกำหนดสเปกเทพไว้สูง อีกทั้งการสรรหา 2 ครั้งที่ผ่านมาหลายคนก็เอาชื่อเสียงและเกียรติยศที่สะสมมาทั้งชีวิตมาทิ้งไว้ก้นสุสานที่ สนช.ขุดไว้ รวมทั้งใครที่ได้รับตำแหน่งก็ต้องทนต่อข้อครหาว่าเป็นเด็กของอำนาจเผด็จการตลอดอายุการทำงาน แม้ประเทศจะคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้วก็ตาม
เช่นเดียวกับคณะกรรมการสรรหาก็อาจจะเหนื่อยล้า เพราะต้องทนต่อคำวิพากษ์วิจารณ์โดยเฉพาะประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ อย่างล่าสุดที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. แสดงความเห็นกรณี สนช.มีมติไม่เห็นชอบ 2 คนที่ได้รับการเสนอชื่อเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ว่า หากกรรมการสรรหาเปรียบเสมือนฝ่ายบุคคลที่มีหน้าที่คัดคนมาทำงานให้หน่วยงาน เท่ากับว่าใช้เวลาถึงสองรอบหรือเป็นปีก็ยังได้คนมาทำงานไม่ครบตามที่หน่วยงานต้องการ
“หากประชาชนเป็นเจ้าของบริษัทคงต้องไล่ฝ่ายบุคคลออกได้แล้ว เพราะใช้เวลาใช้เงินใช้ทองก็ไม่น้อย แต่คัดคนดีๆ มาทำงานได้ไม่ครบเสียที หากท่านสรรหามาดีรอบแรกต้องไม่เทกระจาดทั้ง 7 คน รอบสองต้องไม่มีคนได้คะแนน 3 คะแนน 28 คะแนน แบบนี้คณะกรรมการสรรหาควรรับผิดชอบด้วยครับ” อดีต กกต.ระบุ
ดังนั้นหากมีการเปิดรับสมัคร กกต.รอบ 3 เกิดขึ้นและปรากฏว่าไม่มีคนสมัคร สมัครน้อย หรือไม่ได้สเปกเทพตามที่ผู้มีอำนาจต้องการ ก็อาจเห็นแนวทางเทียบเชิญบุคคลที่คณะกรรมการสรรหาเห็นควร เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. มาตรา 12 ที่เปิดช่องไว้
อย่างที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ผู้คิดนวัตกรรมนี้ให้ความเห็นว่า “กรธ.เปิดช่องทางไว้แล้ว จริงๆ อยากให้ใช้วิธีนั้นบ้างจะได้คนที่ตั้งใจและมีความรู้ มีความสามารถ”
ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาดักคอว่า ถ้าได้ กกต.ไม่ครบก็อาจจะต้องใช้วิธีการทาบทามบุคคลในส่วนที่ขาด เป็นไปตามความคาดหมายของนายมีชัย
“แต่ 2 คนที่จะทาบทามภายหลังนี้อาจมีปัญหา เมื่อสังคมเคลือบแคลงในการทำหน้าที่ ความไว้วางใจจะมีน้อยกว่า 5 คนแรกที่ได้มาจากการสรรหา”
สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นแนวทางใด คสช.กินรวบองค์กรอิสระแห่งนี้อยู่ดี.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |