‘เอ๋ นรินทร’เปิดใจวินาทีช่วยเด็ก 13 ชีวิต


เพิ่มเพื่อน    

 

          ทำเอาดีใจกันทั้งประเทศ เมื่อเจ้าหน้าที่เจอทีมนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ช ทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้มีฮีโร่เกิดขึ้นมากมาย ทุกคนต่างช่วยเหลือกันเต็มที่เพื่อให้เจอน้องๆ ทั้ง 13 ชีวิต และล่าสุด เอ๋-นรินทร ณ บางช้าง พร้อมด้วย เป้ เรืองฤทธิ์ ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ SHOW ที่มี พีเค ปิยวัฒน์ และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกร

 

          ไปอยู่ถ้ำหลวงทั้งหมดกี่วัน?

เอ๋ : น่าจะประมาณครึ่งเดือน รอบแรกก็ประมาณ 10 วันแล้วรอบที่ 2 ประมาณ 5 วัน

 

          ตอนแรกที่ไปคือวันไหน?

เอ๋ : พี่เห็นข่าววันที่ 24 ตอนเช้าแล้วก็ไปถึงถ้ำหลวง วันจันทร์ที่ 25 ตอนค่ำ

 

          พอทราบข่าวแล้วรีบบินไปเลยไหม?

เอ๋ : ไม่ค่ะ ตอนแรกก็พยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของพื้นที่เพื่อที่ให้เราเข้าไปช่วยเหลือได้ แล้วตอนแรกก็ยังไม่มีใครอนุญาต เพราะเห็นว่าทางทีมซีลเขาปิดพื้นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วมาช่วงบ่ายก็เห็นข่าวว่าถ้าเจอเด็กแล้วก็คงต้องหาวิธีนำเด็กออก ซึ่งตอนนั้นพี่เป้เขาเป็นนักดำน้ำถ้ำอยู่ แล้วเขาก็จะมีอุปกรณ์ดำน้ำมี Connection ส่วนตัวกับนักดำน้ำถ้ำด้วยกัน แล้วเขาก็แบบว่าให้ทำยังไงดีอยากจะไปช่วย พี่ก็เลยโพสต์ไปว่าขอให้เราได้ไปช่วยเถอะ

 

 

 

          ทีมนรินทร มาได้ยังไง?

เอ๋ : คือทุกคนเขาก็เรียกกันว่านรินทรคือเราไม่ได้เป็นมูลนิธิ เราไม่ได้เป็นกลุ่มคนที่ตั้งมาเพื่อกู้ภัยหรือใดๆ เราเห็นว่าอันนี้น่าจะทำประโยชน์ได้ อยากจะช่วยจริงๆ ก็ไปมันเลยไม่ได้ตั้งชื่อทีมเอาไว้ ทุกคนก็เลยเรียกว่าทีมนรินทร

 

          แล้วทีมนรินทรมีทั้งหมดกี่คน?

เอ๋ : ประมาณ 15-16 คน จะมีเธอ พี่เอ๋ประสานงาน 4 คนแล้วที่เหลือก็จะเป็นนักดำน้ำที่เป็น connection ของคุณเป้มาช่วย มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

 

          งั้นแสดงว่าทั้งวงการดำน้ำจะต้องรู้จักกันหมดมี Connection กัน ใช่ไหมครับ?

เป้ : คือต้องบอกว่าวงการดำน้ำในเมืองไทยไม่ใหญ่มาก ทุกคนจะรู้จักกันหมด ว่าใครทำอะไรมีศักยภาพด้านไหนบ้าง ต้องบอกว่าแทบจะรู้จักร้านดำน้ำเกือบทุกร้าน

 

          คุณเป้นี้คือเชี่ยวชาญด้านการดำน้ำถ้ำใช่ไหม?

เป้ : เอาจริงๆ จะเป็นในเรื่องของด้านเทคนิคซะมากกว่า ท่าการดำน้ำในถ้ำจริงๆ โดยส่วนตัวผมเคยดำมานานแล้ว แต่ว่าผมมี Network ที่เป็นครูมีเทรนเนอร์ที่สอนในเรื่องของการดำน้ำถ้ำ

 

 

 

          ถ้ำหลวงเป็นถ้ำที่ยากที่สุดจริงไหมเท่าที่เจอมา?

เป้ : ตามที่ได้คุยกันในหมู่นักดำน้ำถ้ำ ที่เป็นครูที่มาเจอประสบการณ์จริง มีประสบการณ์ดำทำมา 20 กว่าปี ดำถ้ำมาเกือบจะทั่วโลกแล้ว อันนี้เป็น Top 1 ใน 3 ที่ยาก ที่สุดที่เคยเจอมา

 

          พอได้ยินข้อมูลแบบนี้แล้วเรารู้สึกเป็นไงบ้าง ถอดใจเลยไหม?

เป้ : ไม่ถอดใจครับอันนี้เป็นข้อดีของทุกคนที่อยู่หน้างานเลย ไม่ใช่แต่ทีมเราอย่างเดียว คือเขามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ว่าเราต้องไปเจอให้ถึงตัวเด็ก แล้วต้องพยายามเอาตัวเด็กออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร เราจะโฟกัสอยู่จุดเดียวก็คือทำยังไงเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา แล้วก็ค่อยๆ แก้กันไปทีละขั้น

 

          ที่สัมผัสมาจริงๆ มันยากลำบากมากจริงไหม?

เป้ : ถ้าเกิดดูจากลักษณะถ้ำ ตอนที่ผมไปถึงวันแรกคือตอนนั้นน้ำยังท่วมไม่เต็ม ผมสามารถเข้าไปถึงโถง 3 เลยไปได้ประมาณ 1 กิโลเมตร หลังจากนั้นน้ำก็จะท่วม ลักษณะถ้ำข้างในมันไม่ใช่ถ้ำที่เขาทำเป็นลักษณะของการท่องเที่ยว คือมันไม่มีทางเดินแบบสะดวกสบาย เหมือนโถงที่ 1 กับโถงที่ 2 ผมว่ามันมากกว่ายากลำบากเพราะมีทั้งการปีน ขึ้นบางส่วนก็เหมือนกับทางชันเป็นเหวลึกลงไป ต้องมุดบางทีต้องคลานเข่าเข้าไป มันไม่มีทางที่จะสามารถเดินได้สบายจริงๆ

 

 

          อากาศข้างในเป็นยังไงบ้างหนาวไหม?

เป้ : อุณหภูมิในถ้ำโดยเฉลี่ยแล้วตอนที่อยู่โถง 3 ประมาณ 25 องศา แต่ว่าอุณหภูมิน้ำจะอยู่ที่ 21 ถึง 22 องศาครับ

 

          เห็นว่าถุงของนักดำน้ำหนักมาก ขนาดไหน?

เป้ : ที่พวกผมแบกกับหน่วยซีลก็ประมาณ 25 ถึง 30 กิโล

 

          ระยะเวลาที่จะเข้าไปถึงโถง 3 ใช้เวลาเท่าไหร่?

เป้ : ก็จากปากทางจนถึงโถง 3 ประมาณ 3 กิโลกว่า ถ้าเดินจริงๆ เอาเต็มที่หน่วยซีลเขาเดินกันก็ประมาณ 50 นาทีถึงชั่วโมงกว่าๆ เพราะแบกของไปด้วย

 

          ความรู้สึกตอนที่ค้นหาเป็นยังไงบ้าง?

เป้ : ความรู้สึกตอนแรกที่คุยกับหน่วยซีลวันแรก คือเขามีความรู้สึกว่าต้องเจอแน่ๆ เพราะเขาสามารถเข้าไปถึงพัทยาบีชได้แล้วแต่ไม่สามารถไปต่อได้ เพราะว่าตอนนั้นมีเกี่ยวกับเรื่องน้ำเริ่มขึ้น อากาศหมดอะไรหมดเขาก็ต้องถอยกลับมาก่อน แล้ววันต่อมาก็กลับเข้าไปใหม่แต่ว่าไปต่อไม่ได้ เพราะทางมันแคบและน้ำก็เริ่มท่วมสูงขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วเราก็ต้องถอยร่นกลับมาเรื่อยๆ

 

 

          ในฐานะนักดำน้ำสามารถอธิบายเหตุการณ์เสียชีวิตของจ่าเอกสมาน กุนัน ได้หรือเปล่า?

เป้ : สาเหตุการเสียชีวิตจริงๆ นี่เราไม่ทราบจริงๆ ต้องบอกอย่างนั้น เพราะว่าตอนที่เกิดเหตุจ่าสมานแกหมดสติไปแล้ว พยายามช่วยแต่ก็ไม่สามารถสำเร็จได้ นี่เป็นคำบอกเล่าของหน่วยซีลต่อๆ กันมา เพราะตอนนั้นผมไม่ได้อยู่ที่หน้างาน แต่สาเหตุการเสียชีวิตจริงๆ อาจเกิดได้หลายอย่าง อาจจะต้องเอาอุปกรณ์ออกมาเช็คดูว่าตอนนั้นอุปกรณ์ที่ใช้งานเป็นยังไง หรืออากาศ เขาใช้อากาศหมดหรือเปล่า หรือร่างกายอาจจะเหนื่อยเกินไป พักผ่อนน้อย เป็นไปได้ครับ

 

          พอมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนักดำน้ำที่เหลือมีกังวลบ้างไหม?

เป้ : ผมคิดว่าบางคนก็ต้องมีกังวลบ้าง แต่อันนั้นคือข้อดีของหน่วยซีล คือทุกคนมีสภาวะที่พร้อมมาก และทุกคนมีจุดมุ่งหมายอยู่อย่างเดียวคือต้องพาน้องออกมาให้ได้ ไปถึงตัวน้องให้ได้ อย่างท่านผู้การที่อยู่ข้างในก็บอกว่าเราก็เสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ แต่เรามีหน้าที่สำคัญที่เราจะต้องทำเพราะฉะนั้น เราต้องทำให้สำเร็จ ถ้าไม่เจอก็คือไม่กลับ

 

          วินาทีที่เจอน้องส่งข่าวกันยังไง?

เอ๋ : ตอนที่รู้ข่าว ทีมของพวกเราก็ขึ้นมาพักที่รีสอร์ทพอดี พวกเราก็รู้ข่าวก่อนออกทีวีแค่ 1 นาทีเองค่ะ ก็เฮกันเลย

เป้ : ตอนนั้นพวกเรากำลังจะกินข้าวกันครับ ก็รีบกิน หลังจากนั้นก็รีบแต่งตัวเพื่อที่จะกลับไปที่ถ้ำหลวงเผื่อว่า เขาจะต้องการความช่วยเหลือรีบไปสแตนบายครับ

 

 

 

          มีหลายคนชื่นชมว่าเป็นฮีโร่?

เอ๋ : หลายๆ คนก็มาเรียกพวกพี่ว่าฮีโร่ ก็พูดเลยนะค่ะว่าไม่ใช่ว่าแค่ตรงนี้ เราไม่กล้ารับคำนี้ เพราะว่าอันนี้มันเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่มากพวกพี่ทุกคนถือว่าเป็นเกียรติในชีวิตด้วยซ้ำที่ได้มีส่วนร่วมเล็กๆในภารกิจครั้งนี้ คำว่าฮีโร่หรือซุปเปอร์ฮีโร่มันอีกเยอะมากเลยที่สมควรจะได้รับ เรามันเป็นแค่มดปลวกตัวเล็กๆ ไม่ต้องให้เกียรติเราขนาดนั้นก็ได้ ไม่จำเป็น มันเป็นหน้าที่ของคนไทยที่ต้องช่วยกันค่ะ

เป้ : ในส่วนของนักดำน้ำเองนะครับ ผมก็ขอพูดแทนทุกคนว่า โดยเฉพาะทีมทหารบก หน่วยป.พ. หน่วยป่าไม้ ที่เขาเป็นคนยกอุปกรณ์ของหนักเข้าไปในถ้ำ โถง 3 ถ้าเกิดเราไม่ได้พวกเขา เราก็ดำน้ำไม่ได้เหมือนกัน เราไม่สามารถที่จะแบกอุปกรณ์พวกนั้นเข้าไปหมดได้ แล้วถ้าเกิดเราแบกเข้าไปเองเราก็ไม่สามารถดำน้ำได้เหมือนกัน

 

          ในฐานะที่เราเป็นนักดำน้ำหนักใจไหมที่จะต้องนำน้องๆ ออกมาโดยวิธีการดำน้ำ?

เป้ : หนักใจแน่นอนครับเพราะว่า คือต่อให้เราวางแผนดีแค่ไหนก็แล้วแต่ทุกๆ เหตุการณ์เราก็รู้สึกหนักใจ กลัวว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

 

 

 

          อยากจะบอกอะไรกับน้องๆ ทั้ง 13 คน ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ใหญ่ใจดีที่ไปช่วยออกจากถ้ำ?

เอ๋ : อยากจะบอกน้องๆ ว่าอย่าโทษตัวเอง ที่ทำให้ต้องเกิดเรื่องราวเสียเงินมากมายหรือว่า เสียคนไปหรืออะไร อย่าไปลงโทษตัวเองเด็ดขาดเพราะว่า เรื่องแบบนี้มันไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ก็แค่ให้น้องน้องรอดปลอดภัยออกมา ทุกคนก็แฮปปี้แล้ว เหลือน้องๆ ก็ออกมาใช้ชีวิตตามปกติ แล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด นั่นคือสิ่งที่ผู้ใหญ่ทุกคนแฮปปี้แล้ว แล้วก็พยายามอย่าฟังเยอะ หนูมีหน้าที่ทำอะไร หนูทำให้เต็มที่ เรียนหนังสือให้เต็มที่ เล่นกีฬาให้เต็มที่ ไปเอาชนะ นำรางวัลกลับมาให้ทีมนั่นคือ รางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนไทยทั้งประเทศแล้ว

 

          ฝากถึงคนที่เสพข่าวนี้แล้วนำมาตีความกันต่างๆ นาๆ หน่อย

เอ๋ : อยากจะบอกนะคะว่าถ้าเอาข่าวให้ชัวร์ แล้วก็ให้ถูกต้องและชัดเจนที่สุด ข่าวจากทางราชการถูกต้องและชัดเจนที่สุดแล้วค่ะ บางครั้งเราก็เข้าใจว่าทุกคนอย่างที่จะ มีส่วนร่วม แสดงความรู้สึก แต่บางทีพอมันไปแล้วมันพลาดเนี่ย มันก็ กลับมาแล้วถูกตีความกันไปอีกแบบหนึ่ง แล้วมันก็จะมากคนมากความ ขึ้นด้วยเรื่อยๆฉะนั้น ก่อนจะแชร์ก่อนจะอะไรช่วยเช็คก่อนสักหน่อย เพราะเดี๋ยวนี้เรื่องพวกนี้มันไวมาก รบกวนนิดนึงนะคะ และตอนนี้มัน Happy Ending แล้ว เด็กๆ มีชีวิตใหม่อย่างสมบูรณ์แล้ว คือเหมือนได้เกิดใหม่ เขาก็เป็นลูกหลานคนไทย เราก็ดูแลเขาอย่างดีที่สุด ในสิ่งที่ควรจะทำ แล้วก็อย่าให้เด็กน้อยๆ ต้องมารับรู้อะไรในสิ่งที่มันไม่สมควร เพราะจะทำให้เขารู้สึกติดใจกับความรู้สึกแย่ๆ ไปตลอด ใส่แต่เรื่องที่ดีให้เขา เขาจะมีชีวิตที่ดีแน่นอนค่ะ”

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"