แม้การเปลี่ยนคิว เปลี่ยนแผน ในการประชุม ครม.สัญจร จาก "ภาคเหนือ" ไป "ภาคอีสาน" ตามที่เคยกำหนดเอาไว้ว่าจะมีการจัดประชุมและลงพื้นที่กันที่ จ.พะเยาและเชียงราย ในช่วงวันที่ 23-24 ก.ค.นั้น
จะอ้างเรื่องมีภารกิจช่วยทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี 13 คน ที่ติดในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ที่ยังต้องใช้เวลาเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จสิ้นเรียบร้อย ภายหลัง 13 คนออกมาครบแล้ว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงให้พิจารณาเปลี่ยนสถานที่จัดการประชุม
เพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานได้เต็มที่ มีเวลาบริหารจัดการฟื้นฟูพื้นที่ให้สมบูรณ์ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมการต้อนรับ ครม.
แต่กระนั้นหลายคนก็เชื่อว่า การเปลี่ยนสถานที่ประชุม ครม.สัญจรครั้งนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากรัฐบาลบิ๊กตู่ หลีกเลี่ยงประเด็น "ดรามา" ที่เชื่อว่าหากไปประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.พะเยาและเชียงราย คงหนีไม่พ้นแน่ๆ
โดย พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็เห็นด้วยให้เปลี่ยนสถานที่ประชุม!!!!
แต่กว่าจะเคาะไปลงตัวที่ภาคอีสาน จ.อำนาจเจริญและอุบลราชธานีได้ ก็เปลี่ยนกันอยู่หลายรอบ
เดิมทีได้พิจารณาเปลี่ยนจาก จ.เชียงรายและพะเยา ไปเป็น จ.น่านและลำปาง แต่สุดท้ายไม่ได้รับความเห็นชอบ เนื่องจาก 2 จังหวัดดังกล่าว อยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนเช่นเดียวกับ จ.เชียงรายและพะเยา
สุดท้าย "บิ๊กตู่" ตัดสินใจให้ย้ายภาคไปเลย โดยมติ ครม.เห็นชอบเลือกพื้นที่ภาคอีสาน ที่ จ.อำนาจเจริญและอุบลราชธานี เป็นสถานที่ประชุม ครม.สัญจร ประจำเดือน ก.ค.นี้แทน
ส่วนความพร้อมของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 หรือภาคอีสาน ที่ประกอบด้วย จ.อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และยโสธร ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมแบบฉุกละหุกครั้งนี้ ไม่ถือเป็นปัญหา เพราะโดยปกติทุกกลุ่มจังหวัดของประเทศ จะมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีแบ่งหน้าที่กำกับดูแล และลงพื้นที่ติดตามงานเป็นระยะอยู่แล้ว
ซึ่ง จ.อำนาจเจริญและอุบลราชธานี อยู่ในเขตตรวจราชการที่ 13 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ในความรับผิดชอบของ “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ลงพื้นที่ติดตามงานต่อเนื่อง และล่าสุดได้ลงพื้นที่ไปเมื่อต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา นายกอบศักดิ์จึงยืนยันได้เต็มปากว่า ทั้ง 2 จังหวัดมีศักยภาพและความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ครม.สัญจรในครั้งนี้
และสำหรับการประชุม ซึ่งเป็นครั้งที่ 5 ของปีนี้ นายกฯ จะลงพื้นที่พบประชาชนใน จ.อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี วันที่ 23 ก.ค. จากนั้นจะประชุม ครม.อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ที่ จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 24 ก.ค. พร้อมถือโอกาสร่วมงานแห่เทียนพรรษา ซึ่งเป็นงานประจำจังหวัดอุบลราชธานีด้วย
ส่วนประเด็นอื่นๆ ทางการเมือง ที่หลายฝ่ายยังจับตาควบคู่กับการลงพื้นที่ ว่าจะมีนักการเมืองคนใดออกมารอต้อนรับขับสู้บิ๊กตู่ ท่ามกลางกระแสเดินสายดูดอดีต ส.ส.เข้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น เมื่อสแกนดูพื้นที่ จ.อำนาจเจริญและอุบลราชธานีคร่าวๆ ซึ่งเป็นถิ่นของคนเสื้อแดงหรือแดงอีสาน และอดีต ส.ส.เกือบทั้งหมดล้วนมาจากพรรคเพื่อไทย
โดยอดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ได้แก่ “ตระกูลกัลป์ตินันท์” และมีอดีต ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนาเพียงไม่กี่คน จึงนับเป็นงานหิน หากยังมีแนวคิดปล่อยพลังดูดในพื้นที่นี้
อย่างไรตาม หากไม่สามารถ "ดูดถิ่นอีสาน" ให้เป็นพันธมิตรได้ แต่อย่างน้อยการลงพื้นที่ครั้งนี้ "บิ๊กตู่" ยังสามารถทำคะแนนกับชาวอีสาน ในการอนุมัติและทุ่มงบประมาณพัฒนาพื้นที่ในโครงการต่างๆ ให้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้
ส่วนผลตอบรับจะเป็นอย่างไร คงจะได้รู้กันในวันที่ 23-24 ก.ค.นี้!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |