ถือเป็นข่าวสลดอย่างมากกรณีเรือนักท่องเที่ยว "เรือฟีนิกซ์" ล่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งในเรือบรรทุกผู้โดยสารรวมล่าสุดจากจำนวนนักท่องเที่ยวผู้ประสบเหตุ 89 คน รอดชีวิต 42 คน เสียชีวิตเเละเก็บกู้มาเเล้ว 46 ศพ เหลือ 1 ศพที่ติดอยู่ใต้ท้องเรือ กำลังรอการเก็บกู้ หากการเก็บกู้จากใต้ท้องเรือสำเร็จก็จะครบ 47 ศพ ถือเป็นการสูญเสียนักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตมากเลยทีเดียว

        สำหรับสถานการณ์ล่าสุดของวันที่ 12 กรกฎาคม เมื่อเวลา 08.00 น. ปฏิบัติการกู้ร่างผู้เสียชีวิตรายสุดท้ายใต้ท้องเรือฟินิกซ์ เริ่มขึ้นที่เวลา 05.45 น.เรือหลวงทองหลาง เรือหลวงหัวหินและเรือหลวงปันหยี เดินทางออกจากท่าเทียบเรือศูนย์วิจัยฯ ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต ไปยังจุดที่เรือฟินิกซ์จม เพื่อเริ่มปฏิบัติการเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตรายสุดท้าย (รายที่ 47)  พร้อมด้วยทีมประดาน้ำกองทัพเรือ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย GUANGZHOU SALVAGE ของประเทศจีน และหน่วยกู้ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตร่วมปฏิบัติการ

        ในขณะที่กรมเจ้าท่ามีหน้าที่ดูแลพื้นน้ำและการเดินทางทางน้ำนั้น โดยนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมเจ้าท่า ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีอุบัติเหตุเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต ว่าในการประกาศแจ้งเตือนข่าวพยากรณ์อากาศและจะปรับรูปแบบการแจ้งเตือนฯ เมื่อกรมเจ้าท่าได้รับประกาศเตือนสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา กรมเจ้าท่าจะนำประกาศนั้นมาประกาศแจ้งเตือนชาวเรือและผู้ประกอบอีกครั้ง เพื่อให้ระมัดระวังในการออกเรือด้วยความปลอดภัย โดยควรมีการประกาศแจ้งระดับของความรุนแรง 1-5 ขั้น เช่น ระดับต้นเป็นคลื่นเล็กน้อย และระดับรุนแรงก็ให้งดเรือออกจากฝั่ง และควรเพิ่มความถี่ในการออกประกาศฯ

        อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมเจ้าท่าได้เพิกถอนใบอนุญาตใช้เรือ และประกาศนียบัตรคนประจำเรือที่เกิดเหตุ และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในช่วงแรก โดยต้องเร่งความเชื่อมั่นให้กับนักเที่ยวต่อไป ส่วนมาตรการด้านความปลอดภัย กำหนดให้เรือทุกลำต้องมีเสื้อชูชีพที่ได้มาตรฐานตามที่กรมเจ้าท่ากำหนด หากพบเห็นเรือลำใดไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิต ต้องมีโทษตามกฎหมาย

        ในขณะที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า  จากการเรียกเรือที่เกิดเหตุมาสอบปากคำพูดคุยในเรื่องการเยียวยา พร้อมทั้งประสานให้ ผกก.สภ.ฉลอง ดำเนินคดีอาญากับคนขับเรือ และนายท้ายเรือ ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ส่วนเรือที่กู้ขึ้นมาก็ยึดเป็นของกลาง กรณีนี้ถือว่าคนขับเรือไม่ฟังคำเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา เรือเล็กห้ามออกจากฝั่ง แต่เรือขนาดกลางก็ควรระมัดระวังด้วย ไม่ควรฝ่าฝืนเพื่อหวังประโยชน์ส่วนตน เรื่องนี้ต้องดำเนินคดีทุกราย

        เรื่องนี้ รอง ผบช.ทท. ประกาศิตเลยว่าสำหรับคนขับเรือ นายท้ายเรือจะอ้างว่าไม่ได้ว่าอากาศปลอดโปร่ง เพราะกรมอุตุฯออกประกาศเตือนแล้ว ไม่ใช่ตามใจนักท่องเที่ยวเพื่อประโยชน์ส่วนตน วันนี้ต้องดำเนินคดีสูงสุดให้เป็นเยี่ยงอย่างให้กับผู้ประกอบการทุกราย เพราะมีผู้เสียชีวิต 1 คนก็มากพอแล้ว จะอ้างเหตุสุดวิสัยคงฟังไม่ขึ้น ยืนยันไม่ได้ซ้ำเติมใคร

        เมื่อพูดถึง อุบัติเหตุคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งในการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งต้องสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน การเกิดอุบัติเหตุเรือล่มในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่จะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้ประกอบการนำเที่ยวได้ตระหนักถึงความสำคัญในการเคารพกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ

        ถึงแม้ว่าการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้จะยังไม่ได้มีการสรุปผลที่ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร แต่ที่สุดแล้วจากคำบอกเล่านั้น เกิดจากความชะล่าใจของคนขับเรือไม่ฟังกลประกาศเตือน จนไม่ตระหนักถึงเหตุที่จะตามมา จนในที่สุดแล้วมีการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเสียชีวิต 40 กว่าราย สิ่งที่จะสะท้อนออกไปสู่สายตาชาวโลกนั้นคงเถียงไม่ได้ว่าประเทศไทยขณะนี้ต้องเร่งเรียกความเชื่อมั่นกลับมาโดยเร็ว

      เรื่องนี้กระทรวงท่องเที่ยวฯ คงต้องทำงานหนัก ต้องเร่งสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว เพราะขึ้นชื่อว่าประเทศไทยใครๆ ก็อยากมาเที่ยว แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุโศกนาฏกรรมแบบนี้ นักท่องเที่ยวหลายคนคงต้องคิดหนัก ที่จะกลับมาเที่ยวเมืองไทย ก็ได้แต่หวังว่าจากนี้ไปเราจะเห็นความเข้มข้นของการควบคุมผู้ประกอบการไม่ให้เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวหรือแม้แต่ฉวยโอกาสให้ได้มาซึ่งกำไร จนลืมไปว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าที่หมายถึงนักท่องเที่ยวนั่นเอง สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นหากไม่เห็นแก่ตัวและไม่เปิดโอกาสให้นอมินีมาหาประโยชน์กับประเทศเรา.

กัลยา ยืนยง