12ก.ค.61-วธ.หนุนฮอลลีวูดนำเรื่องหมูป่าติดถ้ำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ "วีระ"ให้เครดิตล่วงหน้า น่าจะดีกว่า  คนงานติดเหมืองที่ชิลิ  เพราะครบรส ทั้งดรามา วิทยาศาสตร์ ความเชื่อ ความใสซื่อบริสุทธิ์หมูน้อยทั้ง 12 ช่วยผสมโรงพล็อตเรื่องให้น่าสนใจ
  
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ตรวจสอบกรณีที่ต่างประเทศจะนำเรื่องราวของการปฏิบัติการช่วยเหลือทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี่ และผู้ช่วยโค้ชทั้ง 13 คนที่ถ้ำหลวง- ขุนน้ำนางนอนไปสร้างเป็นภาพยนตร์นั้น  ในส่วนของคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยมี วธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นคณะกรรมการร่วมกันพิจารณานั้น  เห็นว่าหากทางต่างประเทศ หรือฮอลลีวูดสนใจจริง จะต้องทำเรื่องมาขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ ต่อคณะกรรมการฯ ชุดย่อย ซึ่งมีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ดูแล  และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตั้งแต่การส่งบทของภาพยนตร์มาให้ตรวจ  และถ้าบทผ่านการพิจราณาแล้ว ก็จะมีขั้นตอนการเข้าไปดูแลให้การดำเนินการถ่ายทำ โดยย้ำว่าจะต้องสร้างจากเหตุการณ์ตามข้อเท็จจริง ไม่ไปทำลายสิ่งแวดล้อม และ ศิลปวัฒนธรรมของไทย 

  นายวีระ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าหากฮอลลีวูดสนใจที่จะนำเรื่องนี้  ไปสร้างภาพยนตร์จริงถือเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเป็นวาระของโลก ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ และเอาใจช่วย เหมือนที่ฮอลลีวูดเคยสร้างเรื่องการช่วยคนงานติดเหมือง ที่ประเทศชิลี แต่เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ในบ้านเราครั้งนี้ ถือว่ามีความครบรสกว่ามาก มีทั้งมุมความเป็นดราม่า ดีใจ เสียใจ และมีการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการช่วยเหลืออีกทั้งยังเชื่อมโยง กับประเด็นความเชื่อ ความใสบริสุทธิ์ของเด็ก และเด็กกลุ่มนี้ยังเป็นนักฟุตบอลซึ่งเหตุการณ์ก็เกิดขึ้น ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก พอดี เชื่อว่า ถ้าทำเป็นภาพยนตร์ก็น่าจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยได้มาก โดยหลังจากนี้ ทางคณะกรรมการภาพยนตร์ฯ และมีการหารือกันในการประชุมเร็วๆ นี้   

“ทางวธ.พร้อมจะให้การสนับสนุนเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่อยากให้มีการสร้างโดยอิงจากเรื่องราวความจริง  และภาพประกอบโดยรวมไม่บิดเบือน แต่เชื่อว่า เหตุการณ์นี้เป็นที่สนใจของคนทั่วโลกยากที่จะมีการบิดเบือนความเป็นจริง เพียงแต่ผู้สร้างอาจจะใส่เรื่องราวเพิ่มเติม   และมีการใช้เทคนิคที่จะดึงดูดให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการจัดสร้างภาพยนตร์นอกจากจะส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการบันทึกเหตุการณ์ขประวัติศาสตร์ของโลกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกด้วย”  นายวีระ กล่าว