มั่นใจสงครามการค้าสหรัฐ-จีนไม่กระทบตลาดพันธบัตรไทย


เพิ่มเพื่อน    

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย มั่นใจสงครามการค้าสหรัฐ-จีนไม่กระทบตลาดพันธบัตรไทย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ชี้ผลตอบแทนพันธบัตรไทยยังสูงกว่าสหรัฐ 

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีจากจีนเพิ่มอีก 200,000 ล้านดอลลาร์ ว่า สงครามการค้าที่เกิดขึ้น จะไม่ส่งผลต่อตลาดพันธบัตรไทย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับมาลงทุน เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรไทยยังสูงกว่าสหรัฐ เมื่อพิจารณาดอกเบี้ยผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปีที่ 2.79% ลบเงินเฟ้อที่ 1% ส่งผลอัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนที่แท้จริงอยู่ที่ 1.7-1.8% สูงกว่าสหรัฐที่มีอัตราต่ำกว่า 1% 

ทั้งนี้ แนวโน้มครึ่งปีหลังผลตอบแทนพันธบัตรไทยยังเป็นทิศทางขาขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนถึงปลายปี แม้ว่าหลายประเทศจะปรับขึ้นไปแล้ว แต่เงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ และเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่สูง มีเงินสำรองระหว่างประเทศในระดับสูง และหนี้ต่างประเทศต่ำ จึงไม่มีแรงกดดันให้ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่เชื่อว่าปี 62 จะขยับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น การลงทุนภาครัฐ และเศรษฐกิจไทยมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

"ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติลงทุนพันธบัตรไทยสัดส่วนที่ต่ำ หากมีเงินไหลออกอีกก็ไม่กระทบ กลับจะส่งผลดีด้วยซ้ำ ทำให้ลดภาระของธปท. ไม่ต้องออกพันธบัตรระยะสั้นมาดูดซับสภาพคล่องส่วนเกิน แต่การไหลออกของเงินทุนจะยุติเมื่อไหร่คงบอกไม่ได้ ถ้าค่าเงินบาทอ่อนค่าระยะสั้น ก็อาจเห็นไหลออกบ้าง แตไม่กระทบ เพราะการไหลออกของเงินทุนต่างชาติไม่ทำให้อัตราผลตอบแทนปรับขึ้น"

สำหรับปีนี้ยอดการออกตราสารหนี้ระยะยาว คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเป้าหมายจากเดิม 700,000-720,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 760,000- 800,000 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนการออกตราสารหนี้ยังต่ำ ส่งผลให้มีการออกตราสารหนี้ เพื่อนำไปลงทุนซื้อกิจการในต่างประเทศและรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่ครบกำหนดในครึ่งปีหลังประมาณ 200,000 ล้านบาท และคาดว่าภาคเอกชนจะออกหุ้นกู้อีก 400,000 ล้านบาท ทำให้ทั้งปีมีมูลค่าการออกจะเกินกว่าที่คาดไว้ และใกล้เคียงปีที่แล้วที่ 830,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ครึ่งปีแรกตลาดตราสารหนี้ไทยมีมูลค่าคงค้างรวม 12.20 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.24% จาก 11.56 ล้านล้านบาท เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาล 4.6 ล้านล้านบาท พันธบัตรเอกชน 3.36 ล้านล้านบาท พันธบัตรธปท. 3.27 ล้านล้านบาท และ พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 880,000 ล้านบาท โดยการออกตราสารหนี้ระยะยาวครึ่งปีแรก มีมูลค่ารวม 440,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.37% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ส่วนตราสารหนี้ระยะสั้นมีมูลค่าการออกเพิ่มขึ้นกว่า 30% เป็นการเพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน 

ขณะที่ การลงทุนจากต่างประเทศ นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าลงทุนในตราสารหนี้ไทย เป็นมูลค่าซื้อสุทธิ 4,360 ล้านบาท ทำให้ครึ่งปีแรก ต่างชาติมีมูลค่าการลงทุนสะสมสุทธิในตราสารหนี้ไทยทั้งสิ้น 8.43 แสนล้านบาท คิดเป็น 7.17% ของมูลค่ารวมตลาดตราสารหนี้ไทย
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"