ไม่ต้องแปลกใจที่ช่วงนี้เราจะพบผู้สูงอายุไอ จาม ซึ่งเป็นอาการของโรคหวัดที่มักพบได้ในช่วงฤดูฝน เนื่องจากอากาศชื้นทำให้เชื้อไวรัสกระจายตัวได้ดี ประกอบกับร่างกายของผู้สูงอายุมักจะอ่อนแออยู่แล้ว ทั้งจากภาวะความเสื่อมในร่างกาย จึงทำให้เกิดโรคได้ง่าย การดูแลสุขภาพของคุณตาคุณยายเป็นสิ่งที่ต้องนำมาเสนอ เพราะเพียงแค่การที่ท่านพักผ่อนไม่เพียงพอก็อาจทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ และเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยโรคทางเดินหายใจ โดยเฉพาะอาการเจ็บคอ ไอ และไม่มีเรี่ยวแรง พญ.พลอยลดา ธนาไพศาลวรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย ให้คำแนะนำถึงการดูแลสุขภาพของคุณตาคุณยายในช่วงหน้าฝน
(พญ.พลอยลดา ธนาไพศาลวรกุล)
พญ.พลอยลดากล่าวว่า “การดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุให้ห่างจากโรคหวัด ที่อาจจะนำมาซึ่งอาการเจ็บคอและปวดเมื่อยร่างกาย กระทั่งรับประทานอาหารไม่ได้ โดยเริ่มกันที่การดูแลเรื่อง “อาหาร” การกินให้กับท่าน เช่น ให้เน้นที่ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีเป็นหลัก ที่สำคัญต้องปรุงให้มีความนิ่ม เพื่อให้คนสูงวัยรับประทานได้ง่าย แต่บางครั้งการกินข้าวต้มอย่างเดียวอาจทำให้ท่านขาดสารอาหาร และภูมิคุ้มกันลดน้อยลงได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ควรให้ผู้สูงวัยหมั่นจิบน้ำให้เยอะ เพื่อให้ร่างกายมีความชุ่มชื่น และพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะถ้าท่านนอนน้อยก็จะทำให้ภูมิคุ้มในร่างกายตก เมื่อนั้นก็จะเจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะโรคหวัดในช่วงหน้าฝนอย่างนี้ ที่สำคัญหมอแนะนำว่า ทุกๆ เช้า ลูกหลานควรพาผู้สูงอายุไปเดินรับแดด เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดีที่มีสรรพคุณกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ทำงานปกติ ก็ถือเป็นวิธีป้องกันโรคหวัดได้ทางหนึ่ง
(ป้องกันโรคทางเดินหายใจช่วงหน้าฝน อากาศชื้น ผู้สูงอายุควรเดินออกกำลังกายช่วงเช้าเพื่อรับวิตามินดี ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายให้ทำงานต่อสู้เชื้อโรค)
ไล่มาถึงเรื่องการ “ออกกำลังกาย” ที่ถือเป็นยาวิเศษ ป้องกันโรคทางเดินหายใจได้ทางหนึ่ง ซึ่งการจะเลือกชนิดกีฬาที่เหมาะกับท่าน ต้องดูว่าผู้สูงอายุป่วยเป็นโรคอะไรอยู่หรือไม่ ถ้าท่านมีสุขภาพดีปกติ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องปวดเข่าหรือปวดข้อ ก็แนะนำว่าให้ฝึก “รำไท้เก๊ก” ซึ่งเป็นกีฬาที่ช่วยฝึกการทรงตัว ช่วยให้หัวใจทำงานปกติ ที่สำคัญยังเป็นกายบริหารร่างกายที่ทำให้อารมณ์แจ่มใส และยังทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนแข็งแรง หรือถ้าหากผู้สูงอายุคนไหนมีปัญหาปวดเข่าและปวดข้อ แนะนำให้ “ว่ายน้ำ” ก็เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเซฟการบาดเจ็บที่บริเวณหัวเข่าหรือข้อได้ค่อนข้างดี ที่สำคัญแรงต้านของน้ำถือเป็นตัวบำบัดอาการปวดเมื่อยไปด้วยในตัว หรือ “เดินเบาๆ ในสวน” หากว่าผู้สูงอายุมีอาการปวดเมื่อยร่างกาย หรือเลือกที่จะ “ยืนแกว่งแขน” ให้ได้วันละประมาณ 600 ครั้ง ส่วนระยะเวลาของการออกกำลังแต่ละประเภทนั้น เป็นไปได้ควรเอกเซอร์ไซส์แบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่จำเป็นจะต้องกำหนดว่า 20-30 นาทีต่อครั้ง แต่ให้ท่านได้ทำท่ากายบริหารเท่าที่สุขภาพจะเอื้ออำนวย ซึ่งบางรายอาจจะทำได้ประมาณ 10-15 นาทีต่อครั้ง ก็ถือว่าเพียงพอแล้วค่ะ นอกจากนี้ การ “ไม่เครียด” ทำให้อารมณ์ให้แจ่มใส จากการพูดคุยกับลูกหลาน หรือการดูรายการทีวีที่ชอบ, อ่านหนังสือ หรือทำสวน ก็ถือเป็นเทคนิคสุขภาพดีที่ทำให้ห่างไกลโรค โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่โรคหวัดมักถามหาคุณตาคุณยายอยู่บ่อยๆ
(นอกจากโรคหวัดในช่วงหน้าฝนแล้ว การรับประทานปลาร้าในที่ฝนตกและมีปลาชุกชุม อาจทำให้ผู้สูงอายุเป็นโรคพยาธิจากการบริโภคอาหารดิบ หรือปรุงสุกๆ ดิบๆ)
นอกจากโรคหวัดแล้ว การหลีกเลี่ยงอาหารดิบที่ไม่ได้ผ่านการปรุงให้สุกอย่าง “ปลาร้า” ก็สามารถทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้สูงอายุต่ำ เสี่ยงต่อการป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะ “โรคพยาธิ” ที่อาจถามหาได้เช่นกัน ดังนั้นเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารไม่สุก หรือปรุงสุกๆ ดิบๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูลาบ ก้อยต่างๆ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของคุณตาคุณยาย”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |