พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เชิญผู้เกี่ยวข้องหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางพัฒนาแข้งระดับเยาวชน พร้อม ออกข้อกำหนด ทีมที่ร่วมศึกไทยลีก 4 ใน 11 คนแรก ต้องมีนักเตะสัญชาติไทยอายุไม่เกิน23 ปีลงสนาม 5 คนและอายุไม่เกิน 21 ปีลงสนาม 3 คน เพื่อหาเวทีให้เยาวชนได้หาประสบการณ์

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2561 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม Come Together ชั้น 1 สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานการประชุมการจัดการแข่งขันฟุตบอลฯ และรูปแบบการแข่งขันฟุตบอลลีก ฤดูกาล 2018 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย นายศุภสิน ลีลาฤทธิ์ อุปนายกสมาคมฯ ฝ่ายจัดการแข่งขัน, นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฯและโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, มร. เบนจามิน ตัน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายควบคุมการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด และผู้อำนวยการ คลับ ไลเซนซิ่ง, นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด และ นายเอกพล พลนาวี ผู้จัดการฝ่ายจัดการแข่งขันและกิจกรรมสมาคมฯ

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เป็นเรื่องการวางแผนการจัดการแข่งขันต่างๆ ของฟุตบอลลีกภายในประเทศทั้ง รายการ โตโยต้า ไทยลีก (T1), M-150 แชมเปี้ยนชิพ (T2), ไทยลีก3 (T3), ไทยลีก4 (T4) , ฟุตบอลถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ และ โตโยต้า ลีก คัพ เป็นต้น

ข้อสรุปการประชุมรูปแบบการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีก ฤดูกาล 2018 โดยจะกำหนดให้ทีม บี ของสโมสรไทยลีก1 และสโมสรไทยลีก 2 ที่ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในไทยลีก 4 จะต้องส่งผู้เล่น 11 คนแรก โดยมีนักกีฬาสัญชาติไทยอายุไม่เกิน 23 ปี ลงสนาม 5 คน และ นักกีฬาสัญชาติไทยอายุไม่เกิน 21 ปี ลงสนาม 3 คน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเตะเยาวชนได้ลงสนามมากขึ้น ขณะที่ทีมชุดใหญ่ของไทยลีก 4 จะต้องส่งผู้เล่นสัญชาติไทยอายุไม่เกิน 21 ปี ลงสนามเป็นตัวจริง 3 คน เพื่อให้นักเตะเยาวชนมีโอกาสแสดงฝีเท้ามากขึ้น

สำหรับทีม บี ที่ส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันในไทยลีก 4 ในฤดูกาล 2018 มีจำนวน 12 ทีม ดังนี้ 1.บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บี 2.สุโขทัย เอฟซี บี 3.ชัยนาท ฮอร์นบิล บี 4.พัทยา เอฟซี บี 5.ชลบุรี เอฟซี บี 6.ราชนาวี บี 7.โปลิสเทโร บี 8.แบงค็อก ยูไนเต็ด บี 9.การท่าเรือ เอฟซี บี  10.กระบี่ เอฟซี บี 11.หนองบัว พิชญ เอฟซี บี  12. อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด บี

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม นายพาทิศ ศุภะพงษ์ กล่าวว่า “เรารับทราบดีถึงปัญหา และความเป็นห่วงที่มาจากทุกฝ่าย ซึ่งทางสมาคมฯก็ไม่นิ่งนอนใจ และได้หาแนวทางแก้ปัญหาในระยะสั้น ซึ่งฝ่ายพัฒนาเทคนิคจะดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับทัวร์นาเม้นต์ถัดไป”

“ส่วนในระยะยาว เราก็จะปรับปรุงการแข่งขันเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้นและเหมาะสม โดยจะเริ่มต้นในฤดูกาล 2018 ที่กำลังจะมาถึง และแนวทางปฏิบัติของเราในครั้งนี้ เป็นการทำเพื่ออนาคต ซึ่งอาจไม่เห็นผลในระยะเวลา 1-2 ปี”

“โดยการเพิ่มโควต้านักเตะเยาวชนครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มจำนวนนักกีฬาไทย ให้มีตัวเลือกขึ้นในอนาคต โดยทีม บี ของทีมไทยลีก 1 และไทยลีก 2 ที่ร่วมแข่งขันในไทยลีก 4 จะมีนักเตะอายุไม่เกิน 23 ปีลงสนามเป็นตัวจริง 5 คน และนักเตะอายุไม่เกิน 21 ปี ลงสนามเป็นตัวจริง 3 คน ขณะที่ทีมชุดใหญ่ของไทยลีก 4 ก็จะมีนักเตะ U21 ลงสนามเป็นตัวจริงเช่นกัน 3 คน”

เรื่องต่อไป คือการวางปฏิทิน ทำให้เยาวชนมีจำนวนแมตช์ มากเกินไปและทับซ้อนกัน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาเยาวชน เราจะทำปฏิทินฟุตบอลแห่งชาติ ซึ่งจะบอกได้เลยว่าช่วงไหนจะเป็นช่วงชิงแชมป์เอเชีย ช่วงไหนจะต้องเตะระดับนานาชาติ ช่วงไหนจะเป็นฟุตบอลนักเรียน ซึ่งท่านนายกฯจะมีการเข้าไปพูดคุยกับทุกหน่วยงาน เพื่อผลักดันให้เกิดเป็นวาระสำคัญสำหรับทุกฝ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด “