มท.1 ย้ำเลือกตั้ง ส.ส.กับท้องถิ่นต้องห่างกัน 3 เดือน "กำนัน" ยันไม่เคยติดต่อกับ "บิ๊กตู่" เผยรวมพลังประชาชาติไทยรวบรวมผู้ร่วมก่อตั้งพรรคได้ครบ 500 คนแล้ว ไม่ดูดใคร แต่จะสร้างคนรุ่นใหม่ ขณะที่เพื่อไทยยังรุมยำพลังดูด 4.0 ฝ่ายประชาธิปไตยหนวดจิ๋มแฉฝ่ายเผด็จการใช้เงินล่อ ปูดใช้หนี้พนันให้ แม่ทัพภาคที่ 2 ลั่นไม่เคยสั่งการให้ทหารชั้นผู้ใหญ่ไปดึงตัวนักการเมือง ทหารเราไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับการดูด ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสาน ไม่ใช่หน้าที่
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงไทม์ไลน์การเลือกตั้งท้องถิ่นว่า อันดับแรกตัวกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นยังไม่เสร็จ บางคนบอก 2-3 เดือนก็ว่าไป แต่สมมติว่าเสร็จเดือน ก.ค.หรือ ส.ค. หรือ ก.ย. ที่เหลืออย่างเดียวเท่านั้นคือเวลาที่เหมาะสม ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ได้พูดให้ฟังไปหมดแล้วว่าเวลาที่เหมาะสม ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เขาขอว่าหากเลือกตั้งใหญ่เมื่อไหร่ ขอให้ห่างกัน 3 เดือน จะได้มีเวลาในการเตรียมการ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ไหว และมันจะไม่เหมาะ เพราะประชาชนจะงง หากมีการเลือกตั้งติดๆ กัน อีกทั้งคนหาเสียงจะได้มีเวลาในการหาเสียง
"แต่ทั้งนี้หากมีช่องว่างสามารถเลือกก่อนได้ก็เลือกก่อน เพราะสังคมก็บอกเลือกก่อนหากคนลงไม่ได้เขาก็จะไปลงสนามใหญ่ แต่บางคนก็บอกเลือกทีหลังสอบตก ส.ส.ก็มีโอกาสไปลง ก็แล้วแต่ มีข้อคิดทั้งนั้น ดังนั้นต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่หากพูดตามหลักการ ถ้ากฎหมายเสร็จ กกต.บอกพร้อม ก็ดูวันเหมาะสมเลือกได้ แต่จะต้องห่างกัน 3 เดือน" พล.อ.อนุพงษ์ระบุ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมือง หลังจากตั้งพรรคว่า ขณะนี้ทางพรรคกำลังรวบรวมผู้ร่วมจัดตั้งให้ได้ 500 คน ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งตอนนี้ใกล้จะครบแล้ว จากนั้นเราจะประชุมผู้จัดตั้งพรรค และตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชั่วคราว เพื่อดำเนินการจัดตั้งพรรคตามกฎหมาย ส่วนการหาสมาชิกพรรคนั้น ก็ต้องรอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อกให้ก่อน เราจะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ พร้อมทั้งยืนยันว่าพรรคเราจะทำตามกฎหมายและคำสั่ง คสช. ขณะเดียวกันเราเข้าใจ คสช.ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย และยังเชื่อมั่นในประชาชน แม้ว่าตอนนี้จะมีความจำกัดอยู่บ้าง แต่ถึงเวลาประชาชนจะตัดสินใจได้
นายสุเทพกล่าวว่า กระแสการดูด ส.ส.ในขณะนี้ ทางพรรค รปช.ไม่สนใจประเด็นนี้ ซึ่งยืนยันว่าพรรคเราจะไม่ดูดใคร แต่จะสร้างนักการเมืองรุ่นใหม่ ซึ่งตนมองว่าการย้ายพรรคของ ส.ส.มีมาตลอด และเรื่องนี้ต้องอยู่กับจุดยืน ความคิดของนักการเมืองแต่ละคนที่จะย้ายพรรค
ส่วนกระแสข่าวที่ว่าฝ่ายรัฐบาลใช้พลังดูดนักการเมือง จะสวนทางกับการปฏิรูปการเมืองหรือไม่ ตนคิดว่า การไปคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลทำเป็นการใช้พลังดูดนั้น อาจเป็นการปรักปรำรัฐบาลหรือไม่ เราต้องดูเรื่องนี้กันต่อไป
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า พรรค รปช.ต้องการให้การเมืองในอนาคตเป็นการเมืองที่ดี เราไม่ยึดติดตัวบุคคล เรายึดแนวทางการปฏิรูปประเทศทุกๆ ด้าน โดยที่ผ่านมารัฐบาลก็ดำเนินการปฏิรูป ขณะนี้การปฏิรูปที่ใกล้สำเร็จคือ ปฏิรูปตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า วันเกิดปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ส่งคำอวยพรหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า “ไม่มี ผมไม่ได้ติดต่อกับ พล.อ.ประยุทธ์”
ตกผลึกแล้ว
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรครวมพลังประชาชาติไทยว่า เรื่องส่วนตัวไม่มีเปลี่ยนแปลง เพราะเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา เป็นเรื่องปกติ ส่วนทางการเมืองต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง แข่งขันกันธรรมดา ทั้งนี้ เมื่อมีการตั้งพรรคขึ้นมาใหม่ ย่อมต้องแย่งฐานเสียงกันแน่นอน ไม่ใช่เฉพาะแค่เพียงพื้นที่ภาคใต้ แต่แย่งกันทั่วประเทศ ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ถามถึงอดีต ส.ส.ของพรรคจะมีใครย้ายอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สมาชิกแต่ละคนต้องตัดสินใจ ซึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาเชื่อว่าหลายคนตกผลึกและมีความคิดเป็นของตัวเอง ทั้งนี้ที่ลาออกไปแล้วก็มีที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดจันทบุรีตามที่ปรากฏเป็นข่าว ส่วนคนอื่นๆ ต้องถามกับเจ้าตัวเอง ด้านนายสุรเชษฐ์ แวอะแซ อดีต ส.ส.นราธิวาส ปรารภอยู่บ้าง แต่ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนกรณีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.กทม.นั้น นายพุทธิพงษ์ ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่นายณัฏฐพลอยู่ระหว่างการตัดสินใจ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนห่วงเรื่องหลังเลือกตั้งมากกว่า อยากให้การเมืองเดินหน้าหลังการเลือกตั้งได้ ไม่ได้อยากให้เกิดความขัดแย้ง รวมทั้งประชาชนคาดหวังว่าอยากให้หลุดพ้นจากการเมืองเก่าๆ และแก้ปัญหาปากท้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ดังนั้น จึงอยากให้พรรคการเมืองคิดถึงเรื่องเหล่านี้มากกว่า ส่วนการดูด เสนอต่อรอง คิดว่าประชาชนเบื่อหน่าย และหากตอกย้ำเรื่องแบบนี้ เมื่อไหร่อนาคตของประชาชนจะลืมตาอ้าปากกันได้ ดังนั้นใครที่ยังทำเรื่องเก่าๆ แบบนี้ อย่าทำ เกรงใจประชาชนบ้าง
“ถ้าทำเรื่องการเมืองให้เป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนต่อรองผลประโยชน์ ผมไม่ได้ติดใจเรื่องการได้เปรียบเสียเปรียบ แต่มองว่าประเทศจะเสียหาย ที่สำคัญการเมืองจะปฏิรูปไม่ได้หากไม่เริ่มด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม เพราะฉะนั้นรัฐบาลบอกเองว่าจะเป็นผู้ทำหน้าที่ปฏิรูป ก็ต้องปฏิบัติให้เห็นด้วย” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยนั้น นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณีมีผู้อ้างว่าเป็นอดีต ส.ส.พท.ภาคอีสาน ให้ข่าวว่าสาเหตุที่ย้ายไปซบพลังดูดเพราะผู้ใหญ่ของพรรคกลับกลอก ไม่สู้จริง เอาตัวรอด ฯลฯ นั้น ตนไม่เชื่อว่าจะมีอดีต ส.ส.พท.ท่านใดให้ข่าวดังกล่าว เพราะผิดวิสัยคนอีสาน ที่มีความสัตย์ซื่อ ไม่กินบนเรือนแล้วขี้รดบนหลังคา ประการสำคัญ ผู้ใหญ่ของพรรคก็มิได้มีพฤติการณ์ดังที่ถูกกล่าวหา เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น พท.ก็คงไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานจนถึงปัจจุบัน
พลังดูดปล่อยข่าว
"คาดว่าผู้ให้ข่าวน่าจะเป็นคนของทีมพลังดูดมากกว่า เพราะผู้ที่ย้ายไปซบพลังดูดกำลังถูกประชาชนและกระแสสังคมโจมตีอย่างหนักว่าละทิ้งอุดมการณ์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเฉพาะหน้า ลืมประชาชน จนอาจกล่าวได้ว่ากระแสกดดันจากประชาชนแรงมากถึงขนาดทีมพลังดูดต้องเลื่อนนัดการแถลงข่าวเปิดตัวรอบสองออกไปไม่มีกำหนด"
นายชวลิตกล่าวว่า การย้ายพรรคแต่ละคนก็อาจมีเหตุผลส่วนตัว เมื่อจะจากกัน ก็ขอให้จากกันด้วยดี ส่วนที่มีสมาชิกพรรคบางคนโจมตีบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเขารักท่านมาก เพราะผูกพันจากการทำงานร่วมกันมา เมื่อมาตีจากไปยามยาก การมีอารมณ์โกรธชั่วคราวบ้าง ถือเป็นเรื่องธรรมดาดังกล่าว แต่พวกเราส่วนใหญ่เข้าใจความจำเป็นแต่ละบุคคล ก็ขออวยพรให้โชคดี เพียงแต่เมื่อจะจากบ้านไป ก็อย่าเผาบ้านที่ตนเองเคยอยู่ เพราะจะพาให้เพื่อนๆ ที่ยังรักบ้านหลังนี้พลอยลำบากไปด้วย
"พวกเราสมาชิกเพื่อไทยไม่อาจละทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตย ไม่อาจลืมประชาชนที่สนับสนุนพรรคมาอย่างยาวนานได้ ขอยืนหยัดเพื่อรอส่งไม้ให้น้องๆ รุ่นต่อไปมารับช่วง และขณะนี้เป็นที่น่ายินดีว่ามีคนรุ่นใหม่จำนวนมากซึ่งเปรียบเสมือนหน่อไม้กำลังแทงหน่อขึ้นมาอย่างงดงาม ได้อาสามารับช่วง ต่อยอดอุดมการณ์ประชาธิปไตยจากรุ่นสู่รุ่นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย" นายชวลิตกล่าว
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า สามมิตรพลังประชารัฐล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าตั้งแต่เป็นวุ้น ผู้ที่ถูกทาบทามหรือดูดเริ่มจับทางได้ว่าเป็นการให้สัญญาที่เกิดขึ้นไม่ได้ ที่ให้สัญญาว่าจะล้มเลิกคดีให้ เป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นคดีที่มีผู้ถูกกล่าวหาในคราวเดียวกัน ในสำนวนเดียวกันกว่า 40 คน แล้วจะแยกช่วยเป็นคนๆ ไป เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
ที่ให้สัญญาว่า ผู้ถูกดูดเป็นผู้กำหนดเขตเลือกตั้งให้มั่นใจในชัยชนะ ไปจนกระทั่งกำหนดผู้บริหารระดับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการเลือกตั้งได้ เพื่อประกันว่าได้รับเลือกได้อย่างแน่นอนนั้น เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
เพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานที่มีความเป็นเอกเทศจากกัน ทำให้เกิดความยุ่งเหยิงปั่นป่วนขนานใหญ่ระดับประเทศ
ที่ให้สัญญาว่าจะให้เงินก้อนโต เพื่อเคลียร์หนี้ต่างๆ มีการพนันเป็นอาทิ เป็นไปไม่ได้ เพราะใครจะเอาเงินมาให้ หากจ่ายจริง เรื่องจะฉาวโฉ่ระดับประเทศระดับโลกประมาณช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด คราวนี้คงจะสนุก เพราะยักษ์ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังจะถูกกระชากหน้ากากลากไส้ให้ประชาชนทั้งประเทศเห็น เขาจะยอมหรือ และหากเขามีตัณหาต้องการเป็นใหญ่ทางการเมืองจะไปรอดหรือ
"เหวง"ย้อนศร คสช.
นพ.เหวงยังระบุว่า ยิ่ง คสช.กระหน่ำโจมตีนักการเมืองเก่าๆ พรรคการเมืองเก่าๆ มาอย่างสาดเสียเทเสียตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา แต่ในขณะนี้พวกคุณกำลังไปรวบรวม (ดูด) เอานักการเมืองจากพรรคการเมืองที่ คสช.ประณามหยามเหยียดโจมตีตลอดสี่ปีเพื่อมาดำเนินการตั้งพรรคไปบรรลุเจตจำนงทางการเมืองของพวกคุณ เช่นนี้พวกคุณก็จะยิ่งทำให้การเมืองเน่าเหม็น ยิ่งกว่าการเมืองน้ำเน่าเดิมเสียอีก
"พวกคุณไม่มีความกล้าหาญทางการเมือง การอ้างว่ายังไม่พร้อมก็เลยยังไม่เปิดศักราชชัดเจน นั่นแสดงว่า ความพยายามในการ “ดูด” นักการเมืองเกรดเอ จากพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้คืบหน้าไปไหนมากกว่า เปิดตัวกลุ่มปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ได้เพียงสามคนจากเลยเท่านั้น อดีต ส.ส.ในพื้นที่อีสานก็ได้อธิบายให้พวกคุณฟังแล้วว่า พวกเขาได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่แล้ว ยืนยันว่าประชาชนในพื้นที่อีสานและเหนือยี้พวกคุณ ไม่เช่นนั้นถ้าประชาชนตอบรับอย่างครึกโครม ผู้ที่ถูกพวกคุณชักชวนเชื้อเชิญมีหรือจะไม่รีบวิ่งแจ้นไปหาพวกคุณ" นพ.เหวงระบุ
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 6 ก.ค.อย่างดุเดือดต่อนักการเมืองพรรคเพื่อไทยที่ย้ายออกไปร่วมงานกับขั้วตรงข้ามว่า ที่ได้เขียนเฟซบุ๊กไปเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ไว้อย่างนั้น เพื่อจะบอกว่า คนที่ย้ายออกบางคน โดยเฉพาะคนที่เคยร่วมเวทีเสื้อแดงแล้วย้ายออกไป เป็นเหมือนพวกยาหมดอายุแล้ว คนพวกนี้จะไปอยู่ซีกเสื้อเหลืองเขาก็ไม่เอา เลยต้องมาอยู่ตรงนี้ บางคนเคยต่อสู้กับประชาชนมา เรียกร้องประชาธิปไตย หากไปอยู่พรรคซีกประชาธิปไตยจะไม่ว่าเลย แต่ไปอยู่กับซีกเผด็จการอย่างนี้ ไม่นึกถึงวันที่เคยขึ้นเวทีพูดเรื่องประชาธิปไตย บอกเผด็จการไม่ดี ที่เคยพูดไว้กับประชาชนบ้างหรือ การทำอย่างนี้เท่ากับโกหกคนทั้งประเทศใช่หรือไม่
"แล้วแน่ใจหรือ ไปอยู่ตรงนั้นจะได้เป็น ส.ส. จะได้ทำงาน เพราะภาพคุณมีความเป็นเสื้อแดงอยู่ ไปอยู่ตรงนั้นก็เป็นแกะดำอีก สำหรับแกนนำกลุ่มสามมิตร ต้องดูว่ามาเล่นการเมืองหวังเรื่องอะไร ในอดีตเคยมีตำแหน่ง เป็นอดีตเลขาธิการพรรค เป็นเพราะประชาชนศรัทธาในความเป็นพรรค ไม่ใช่ตัวคุณ ดังนั้นอย่าทะนงตัวว่าไปอยู่พรรคไหนแล้วจะได้เป็นรัฐบาล"
เขาบอกว่า ที่ระบุเปรียบเทียบพวกย้ายพรรคเป็นเหมือนโสเภณีนั้น ไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามผู้หญิงที่ทำอาชีพนี้ แต่เพื่อต้องทำให้มองให้เห็นชี้ชัดว่า ไม่ใช่ว่าซ่องไหนดีกว่า ได้ตังค์มากกว่า ได้ประโยชน์มากกว่าเลยต้องถีบออกจากที่เดิม ที่ผ่านมาก็เห็นแล้ว การบริหารเป็นอย่างไร เศรษฐกิจก็ไม่ได้ บ้านเมืองก็วุ่นวาย แล้วยังไปอยู่กับกลุ่มนี้ แล้วประเทศ ประชาชนจะเป็นอย่างไร อย่างนี้เท่ากับทำลายนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยทั้งหมดหรือไม่ คนเลยยิ่งด่าว่านักการเมืองเข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์
ตัดขาดความเป็นเพื่อน
เมื่อถามว่า ถูกทาบทามให้ไปร่วมงานพรรคการเมืองอื่นบ้างหรือไม่ นายชินวัฒน์กล่าวว่า มี แต่ไม่ใช่พรรคทหาร แต่เป็นพรรคที่พรรคพวกแยกออกไปตั้งพรรคเอง แต่ก็ได้บอกว่า ถึงเป็นนักการเมืองคนจน ก็ไม่ได้ต้องการตำแหน่ง ขออยู่กับพรรคที่ยังยืนในระบอบประชาธิปไตยต่อไป พรรคไหนที่ตั้งขึ้นแล้วสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย ยินดีกับทุกพรรค แต่ถ้าไปอิงกับทหาร รัฐบาลนี้หรือไปสนับสนุนบิ๊กไหนก็ตาม หากเป็นเพื่อนกันก็ต้องขอตัดขาดจากความเป็นเพื่อนกัน
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการพูดคุยกลับกลุ่มเพื่อนอดีต ส.ส. ทำให้ทราบว่าอดีต ส.ส.ที่เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ หรือแค่มีชื่อว่าจะเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ จะประสบปัญหาเดียวกัน คือประชาชนในพื้นที่ไม่ให้การต้อนรับเหมือนตอนที่ยังอยู่พรรคเก่า มีงานบุญงานบวชอะไรชาวบ้านเขาก็เมินเฉย แม้ไปร่วมงานเขาก็ไม่ยอมพูดคุยด้วย ทำให้ไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่แต่ในบ้าน เพราะชาวบ้านมองว่าคนที่ยอมถูกดูดเหล่านี้ ยอมขายอุดมการณ์เพื่อไปเป็นเครื่องมือต่อท่ออำนาจให้รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ทำให้อดีต ส.ส.ที่ยังไม่ถูกดูดไม่กล้าไปเข้าร่วม แม้จะถูกข่มขู่ก็ยังอยู่กับพรรคเก่า
"ผมยังทราบว่าพรรคที่กำลังเดินสายดูดได้ประเมินสถานการณ์ ถ้าเป็นเช่นนี้อาจต้องเปลี่ยนวิธีจากดูดจากนำมาร่วมไว้ที่พรรคเดียวอาจต้องกระจายไปอยู่ในหลายๆ พรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อหนุนการสืบทอดอำนาจต่อไป" นายวรชัยกล่าว
ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดเวทีสาธารณะเครือข่ายตรวจสอบภาคประชาชน หัวข้อ พรรคการเมืองกับแนวทางการสามัคคีปรองดองแห่งชาติ โดนนายจุรินทร์กล่าวว่า ความขัดแย้งถ้าเกิดจากการที่ความคิดต่างกันเป็นเรื่องปกติของทุกสังคม กติกาในประชาธิปไตยมีวิธีการตัดสินอยู่แล้วว่าความคิดเห็นใดที่สังคมจะนำไปปฏิบัติ แต่ถ้าเกิดจากการทำผิด ทุจริต ก็ต้องใช้กฎหมายควบคุม ซึ่งจะทำให้สังคมเกิดความสันติได้ ดังนั้นเราต้องสร้างสังคมที่เคารพกฎหมาย เมื่อไหร่ที่ผู้ทำผิดไม่ได้รับผิด คนที่เคารพกฎหมายจะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้น 3 ฝ่ายจะต้องช่วยกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ 1.นักการเมือง ต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้ประชาธิปไตยต้องสะดุด อย่าให้เข้าทางผู้ที่จะทำรัฐประหาร 2.ผู้ที่คิดจะยึดอำนาจส่วนใหญ่เป็นทหาร ถ้าทหารยืนอยู่ หลักการเป็นทหารต้องอดทนให้ประชาธิปไตยคลี่คลายไปเอง 3.ประชาชน ที่ไม่ยอมรับเรื่องอำนาจนิยม แต่รับประชาธิปไตยนิยม คิดว่าการเกิดวงจรอุบาทว์จะน้อยลงมากขึ้น
เป็นเรื่องตัวบุคคล
นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงพลังดูดว่า ไม่ขอให้ความเห็น เพราะเป็นเรื่องของตัวบุคคล หากใครจะอยู่ที่ไหนเป็นเรื่องของแต่ละคน และไม่ว่าจะไปอยู่พรรคใดด้วยหรือเหตุผลอะไร ย่อมเป็นหน้าที่ของคนคนนั้นชี้แจงกับประชาชน และประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ทั้งนี้ การเลือกตั้งทุกครั้งย่อมมีคนเข้าคนออกเป็นเรื่องปกติ แต่การเข้า-ออกเริ่มนำไปสู่ความไม่ปกติทางการเมือง เนื่องจากมีการให้ผลประโยชน์และตำแหน่งเข้ามาแลก ซึ่งการให้ผลประโยชน์ในลักษณะนี้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเอาเงินทอนจากการทำรัฐนำมาให้ อีกทั้งยังยอมรับว่าตนเป็นห่วงกับการนำเรื่องคดีความเข้ามาแลกเปลี่ยน เพราะจะเป็นการทำลายระบบนิติรัฐและนิติธรรมของประเทศ ไม่ต่างจากที่เราเคยเห็นพยายามผลักดันให้มีกฎหมายนิรโทษกรรม ตนอยากเตือนว่ากงล้อประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจะต้องไม่สมควรเกิดขึ้นอีก
นอกจากนี้ ตนไม่อยากให้บ้านเมืองซ้ำรอยอดีตพฤษภาทมิฬ ปี 2535 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังจะฉายสถานการณ์การเมือง 4 เรื่อง 1.การเมืองกำลังเดินย้อนกลับไปในอดีต 2.กำลังมีความคิดดำเนินการไปถึงจุดที่ทำอย่างไรก็ได้ขอให้ชนะ โดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรม 3.แสดงให้เห็นว่ายิ่งกว่านักการเมืองเป็นอย่างไร 4.ภารกิจการปฏิรูปการเมืองต้องกินขอบเขตนักการเมืองขาจรไปด้วย
"เรื่องการเป็นผู้เล่นขอเปลี่ยนจากทหารเป็น คสช. เพราะทหารส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่ว่ามีความคิดสอดคล้องไปทางเดียวกับ คสช. คสช.เองกลายเป็นผู้ขัดแย้งในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะได้เปลี่ยนจากคนเขียนกติกามาเป็นผู้เล่น" นายจุรินทร์กล่าว
พล.ท.พงศกร รอดชมภู ว่าที่รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า วิธีการสร้างความปรองดองคือการไม่ไปก้าวล่วงซึ่งกันและกัน ทุกฝ่ายการเมืองคือผู้ให้นโยบายกับภาคประชาชนเพื่อแข่งขัน แต่ถ้าใช้อำนาจรัฐของผู้มีอำนาจไปกดขี่ผู้อื่น ก็ยังต้องเกิดความขัดแย้งอยู่ การเปิดให้มีการรัฐประหารได้เกิดจากที่กฎหมายยังไม่มีความชัดเจน นักการเมืองต้องร่วมใจแก้ไขรัฐธรรมนูญบางข้อเพื่อไม่ให้ทหารเข้ามายึดอำนาจได้อีก ทหารที่เข้ามาการเมืองจะทำให้การปกป้องประเทศลดลง พรรคการเมืองต้องยุติการทำรัฐประหาร ประชาชนจะต้องหนุนนักการเมืองที่แก้ไขการรัฐประหาร ทหารส่วนใหญ่กลายเป็นทหารการเมือง ดังนั้นพรรคการเมืองต้องช่วยให้ทหารเป็นทหารอาชีพ ฝ่ายทหารจะต้องปล่อยให้ประชาชนทำ เพราะฝ่ายทหารเป็นองค์กรที่ไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้จริง การดูดถ้าดูดแล้วชนะการเลือกตั้ง เมื่อตั้งรัฐบาลแล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าจะมีเสถียรภาพ ต้องขึ้นอยู่กับความชอบธรรมด้วย แต่ถ้าการเลือกตั้งสุจริต ไม่ว่าประชาชนจะเลือกไปทางไหน ประชาชนก็จะรับได้
ประชาชนเบื่อแล้ว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานฝ่ายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านมามีความซับซ้อนและมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งอำนาจและการเปลี่ยนแปลง โดยตั้งแต่ปี 2549 เศรษฐกิจโตเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ และ 4 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโตเพียง 2.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และเชื่อว่าประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายกันแล้ว ส่วนปัจจัยในการสร้างความปรองดองและสามัคคีนั้น ผู้นำพรรคการเมืองต้องไม่มีรูปแบบของความขัดแย้ง ต้องมีความรู้ความสามารถในการพัฒนาประเทศ และต้องไม่มีข้อครหาเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน อีกทั้งการสืบทอดอำนาจก็เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง รวมถึงการดูดอดีต ส.ส.ในการเสนอเงิน ตำแหน่ง คดีความ และยุบพรรคการเมืองก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ดังนั้นถือว่าไม่ใช่การดูดแบบปกติ
นายพิชัยกล่าวว่า หากทหารลงมาเป็นผู้เล่นเองจากเดิมที่เป็นคนกลาง จะเป็นปัญหาของความแตกแยกสามัคคีในอนาคต ดังนั้นคนในรัฐบาลต้องมาปฏิเสธเรื่องการดูด ส.ส. โดยเฉพาะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยกระทำหรือเคยรู้จักกับบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหว เพราะหลักฐานต่างๆ ออกมาให้เห็นแล้ว เนื่องจากจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือและผลกระทบด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งที่ออกมาบอกว่ามีคนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยนั้น จะต้องประกาศลงเลือกตั้งให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้ต้องถูกใครมาถล่มเช่นนี้ เพราะจะเกิดความอับอาย และจะสร้างศักดิ์ศรีที่ดีและมีคนยกย่อง นอกจากนี้ จะต้องต้องทิ้งตำแหน่งและเดินตามระบบการเมือง เพราะหากมีตำแหน่งและลงเล่นการเมือง ถือว่าเป็นการเอาเปรียบและไม่ยุติธรรม และสร้างความแตกแยกมากขึ้น จนก่อให้เกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกับพฤษภาทมิฬ ปี 2535
พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.กองทัพภาคที่ 2) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยอ้างถึงนายทหารระดับสูงสังกัดกองทัพบกเคลื่อนไหวดึงนักการเมืองจังหวัดนครราชสีมามาร่วมพรรคพลังประชารัฐว่า ตนไม่ทราบข้อมูลตรงนี้เลย แต่ขอยืนยันว่าไม่เคยสั่งการให้ทหารชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ไปดำเนินการในลักษณะเช่นนั้นอย่างที่พรรคเพื่อไทยกล่าวอ้าง เพราะไม่ใช่หน้าที่ของทหารที่จะต้องทำ เพราะสิ่งนั่นเป็นงานการเมือง ซึ่งหน้าที่หลักของเราคือภารกิจการดูแลรักษาความมั่นคง และดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อให้ประเทศชาติเราสามารถเดินต่อไปได้
“ทหารเราไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับการดูด ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานเลย มันไม่เกี่ยวข้อง และไม่ใช่หน้าที่ของเรา เพราะนั่นเป็นเรื่องของการเมือง ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ และตามกรอบโรดแมป ขณะที่อีกมุมหนึ่งอาจเป็นการดำเนินการในลักษณะส่วนตัวกันมากกว่า เพราะอยู่ในพื้นที่ก็คงรู้จักนักการเมืองกัน เจอหน้าเจอตากันบ่อยอยู่แล้ว ดังนั้นผมก็ขอย้ำว่าไม่ได้สั่งให้ไปทำแบบนั้นแน่นอน เพราะไม่ใช่หน้าที่ของทหาร” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |