ญี่ปุ่นประหารเจ้าลัทธิ 'โอมชินริเกียว' พร้อมสาวกรวดเดียว 7 คน


เพิ่มเพื่อน    

ญี่ปุ่นประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ "โชโก อาซาฮาระ" เจ้าลัทธิโอมชินริเกียว พร้อมสาวกอีก 6 คน รวดเดียวเมื่อเช้าวันศุกร์ ชดใช้ความผิดฐานก่อการร้ายปล่อยสารพิษซารินในระบบรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียวเมื่อปี 2538 คร่าชีวิตเหยื่อ 13 รายและทำให้ป่วยหลายพันคน ขณะแอมเนสตีย้ำโทษประหารไม่ใช่คำตอบ

(ภาพใหญ่ขวาสุด) โชโก อาซาฮาระ, ภาพหมู่จากแถวบนซ้ายทวนเข็มนาฬิกา โยชิฮิโร อิโนอุเอะ, โทโมมิตสึ นีมิ, มาซามิ สึชิยะ, ฮิโยฮิเดะ ฮายากาวะ, โทโมมาซะ นากางาวะ และเซอิจิ เอนโด / AFP / JIJI PRESS / Yomiuri Shimbun

    อาซาฮาระ วัย 63 ปีในปัจจุบัน พร้อมกับสาวกของเขาอีก 12 คนถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อกว่า 10  ปีก่อน แต่การแขวนคอประหารชีวิตถูกชะลอไว้จนกระทั่งเสร็จสิ้นกระบวนการอุทธรณ์ของจำเลยทั้งหมดแล้ว การประหารชีวิตเจ้าลัทธิและสาวก 6 คนของเขาเกิดขึ้นโดยไม่มีการประกาศล่วงหน้า แต่เอเอฟพีรายงานอ้างคำแถลงยืนยันของโยโกะ คามิกาวะ รัฐมนตรียุติธรรมญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2561  ว่าการแขวนคอบุคคลทั้ง 7 เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันศุกร์

    คามิกาวะกล่าวว่า สมาชิกลัทธิโอมรับผิดชอบต่อการกระทำที่ร้ายแรงและโหดร้ายป่าเถื่อนถึงขีดสุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและไม่ควรเกิดขึ้นอีก

    เหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2538 นั้น สมาชิกลัทธินี้ได้นำสารพิษซารินในรูปของเหลวมาราดภายในระบบรถไฟใต้ดินของโตเกียว 5 จุดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เปลี่ยนกรุงโตเกียวในวันนั้นให้กลายสภาพเหมือนแดนสงคราม ผู้คนพากันล้มลง อาเจียนน้ำลายฟูมปาก ของเหลวหลั่งจากร่างกาย หายใจไม่ออก กองกำลังป้องกันตนเองต้องส่งทหารในชุดป้องกันสารเคมีเข้าอพยพผู้โดยสารซึ่งล้มเจ็บหลายพันคน เหยื่อ 13 คนเสียชีวิต

แฟ้มภาพ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2538 โชโก อาซาฮาระ (กลาง) ขณะถูกส่งนำตัวจากสถานีตำรวจไปขึ้นศาล / AFP / JIJI PRESS

    ทางการญี่ปุ่นได้ออกกวาดล้างลัทธิโอมชินริเกียว ซึ่งมีความหมายว่า "ความจริงขั้นสูงสุด" หลังเหตุการณ์ช็อกโลกครั้งนั้น ตำรวจบุกเข้าตรวจค้นศูนย์บัญชาการของลัทธิซึ่งตั้งอยู่ตีนเขาภูเขาไฟฟูจิ  แล้วก็พบโรงงานผลิตสารพิษทำลายประสาทชนิดนี้ที่สามารถฆ่าคนได้หลายล้านคน

    อาซาฮาระและสาวกซึ่งถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการปล่อยก๊าซซารินโจมตี 1 ปีก่อนหน้านั้น ซึ่งทำให้มีคนตาย 8 คนและเจ็บ 600 คน ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตหลังจากกระบวนการพิจารณาคดียืดเยื้อหลายปี ที่เจ้าลัทธินัยน์ตาใกล้บอดรายนี้มักเอาแต่บ่นงึมงำจับใจความไม่ได้ทั้งในภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ

    ปัจจุบันยังเหลือสาวกอีก 6 คนของลัทธินี้รอการประหารชีวิต และอีก 6 คนถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ส่วนลัทธิโอมแม้จะถูกรัฐบาลสหรัฐและอีกหลายประเทศขึ้นบัญชีเป็นลัทธิก่อการร้าย แต่ทางการญี่ปุ่นไม่ได้สั่งแบน โดยจัดให้เป็น "ศาสนาอันตราย" ที่ต้องเฝ้าตรวจ

    อาซาฮาระ หรือชื่อเดิมว่าชิซุโอะ มัตซึโมโตะ เริ่มพัฒนาลัทธิความเชื่อของเขาเมื่อทศวรรษ 1980 โ ดยปวารณาตนเป็นทั้งพระคริสต์และผู้รู้แจ้งต่อจากพระพุทธเจ้า ลัทธิโอมได้สถานะเป็นองค์กรทางศาสนาในญี่ปุ่นเมื่อปี 2532 ในช่วงเวลาเฟื่องฟูลัทธินี้มีสาวกนับแสนคนทั่วโลก ความเชื่อของลัทธิค่อยๆ  แปรเปลี่ยนเป็นลัทธิล้างโลก โดยเชื่อว่าโลกใกล้ถึงกาลอวสานเพราะสงครามโลก และมีแต่พวกเขาที่จะรอดชีวิต

    รายงานบีบีซีกล่าวว่า ภายหลังก่อเหตุโจมตีในปี 2538 ลัทธินี้เปลี่ยนชื่อเป็นอาเลฟ หรือฮิการิ โน วะ ปัจจุบันยังมีผู้ติดตามทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศอดีตสหภาพโซเวียต

แฟ้มภาพ ผู้โดยสารได้รับการปฐมพยาบาลโดยหน่วยแพทย์ฉุกเฉินภายหลังการโจมตีเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2538 / AFP

    การโจมตีครั้งนั้นเป็นการก่อการร้ายครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น การประหารคนกลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาเหยื่อ การแขวนคอเมื่อวันศุกร์เป็นการประหารหมู่จำนวนมากที่สุดนับแต่ปี พ.ศ.2454 ที่นักโทษ 11 คนถูกประหารจากความผิดฐานพยายามลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระจักรพรรดิ

    ด้านแอมเนสตีอินเตอร์เนชันแนล ซึ่งกล่าวประณามพฤติกรรมของลัทธินี้ว่าเลวทราม ได้กล่าวถึงการประหารชีวิตในครั้งนี้ว่า "โทษประหารชีวิตไม่เคยเป็นคำตอบ".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"