มธ.เปิด"โรงเรียนอนาคต"สร้างผู้นำรับโลกยุคใหม่


เพิ่มเพื่อน    

 

มธ. เปิด “โรงเรียนอนาคต” สร้างเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่  รับมือโลกอนาคตที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น  เน้นถกเถียง แตกความรู้ สร้างผู้นำ   “คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์.” เผยเป็นการสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาประเทศให้เดินหน้าไปข้างหน้า รุ่นแรก เปิดรับเด็กระดับม.6 และนักศึกษาปริญญาตรี ประมาณ30 คนเข้าอบรม เข้าค่าย

 

ที่ห้องวรรณไวทยากรณ์ ชั้น 1 ตึกโดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) - มีการจัดงานแถลงข่าว เรื่อง "โรงเรียนอนาคต" ค่ายสร้างผู้นำรุ่นใหม่ เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดย มธ. ร่วมกับมูลนิธิฟรีดริค เอแบร์ท ประเทศไทย และบริษัท ดิวันโอวัน เปอร์เซนต์ โดยนางเกศีนี วิฑูรชาติ อธิการบดี มธ. กล่าวว่า ปัจจุบันการสร้างบัณฑิตหากจะดำเนินการในรูปแบบเดิมๆ คงไม่เพียงพอ ดังนั้น จะต้องหากระบวนการที่หลากหลาย และในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้คาดเดาอนาคตได้ยากว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ใครที่สามารถปรับตัวเองได้จะเป็นเรื่องที่ดี และในอนาคตเราควรที่จะสร้างสมรรถนะเหล่านี้ให้สร้างขึ้นแก่เด็ก มธ.ให้มีวิสัยทัศน์   ให้สังคมไทยและนานาชาติ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือการตั้งเป้าหมายในการปลูกฝังบัณฑิตของ มธ.ให้มีคุณลักษณะที่เหมาะกับการเป็นผู้นำแห่งศตวรรษที่ 21 หรือ GREATS ประกอบด้วย รู้เท่าทันโลกและสังคม มีความรับผิดชอบ สื่อสารอย่างสร้างสรรค์ และทรงพลัง มีสุนทรียะในจิตใจ เป็นผู้นำทีม และมีจิตวิญญาณเพื่อรับใช้ประชาชนและสังคม ซึ่งหากทุกคนมีสิ่งเหล่านี้เชื่อว่าจะช่วยให้สังคมเดินหน้าไปได้ และโรงเรียนอนาคต เป็นการเรียนรู้ผ่านรูปแบบใหม่ที่หลากหลาย เปิดโลกทัศน์ และปลูกฝังวิธีคิดแก่เด็ก เป็นโครงการที่ช่วยดึงศักยภาพของเด็ก เพื่อขับเคลื่อนสังคมไทย และอนาคต

 

สำหรับ การจัดตั้งโรงเรียนอนาคต อธิการบดี ฯ กล่าวว่า  มธ.ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้แก่ มูลนิธิ ฟรีดริค เอแบร์ท ประจำประเทศไทย ,คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ., ศูนย์วิจัย ดิเรก ชัยนาม คณะรัฐศาสตร์ มธ. และบริษัท ดิ วันโอวัน เปอร์เซนต์ จำกัด เพื่อดำเนินโครงการโรงเรียนอนาคต ซึ่งจะเป็นการจัดการเรียนการสอน สร้างผู้นำในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง และเปิดโอกาสให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และนักศึกษาระดับปริญญาตรี จากทุกโรงเรียน ทุกมหาวิทยาลัย จำนวน 30 คน เข้าร่วมอบรม เข้าค่าย มีโอกาสพูดคุยกับนักคิด นักวิชาการ นักเปลี่ยนแปลงทั้งไทยและต่างประเทศ เป็นการบ่มเพาะความคิด และนักเรียน นักศึกษาสามารถไปต่อยอดความคิดสร้างองค์ความรู้ด้านตนเอง โดยผู้เข้าร่วมต้องมีการทำโปรเจคที่จะได้เห็นแนวความคิด การเปลี่ยนแปลงสังคมจากมุมมองของผู้นำทุกคนผ่านการเขียนวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อเด็กจะได้รู้ว่าต้องการอะไร เสนออย่างไร และจะสร้างอะไรแก่ประเทศไทย 

 

ด้านนางสตีเน่อ คลีพเพอร์ ผู้อำนวยการมูลนิธิฟรีดริค แอแบร์ท ประเทศไทย กล่าวว่า ทางมูลนิธิมีความตื่นเต้นและยินดีเป็นส่วนหนึ่งโครงการนี้ ซึ่งที่เข้าร่วมสนับสนุนโรงเรียนอนาคต เพราะมูลนิธิฟรีดริคฯ เป็นองค์กรด้านการเมืองของเยอรมันที่ให้การสนับสนุนเยาวชนโดยเฉพาะในด้านการศึกษา เนื่องจากทราบดีว่าเยาวชนที่ต้องการมีส่วนร่วมทางการเมืองจะต้องได้รับการสนับสนุนในหลายเรื่องต่างๆ ทั้งด้านกำลังใจ และงบประมาณ หรือด้านอื่นๆ ดังนั้น โรงเรียนอนาคต จะเป็นการสร้างเยาวชน ผู้นำในการพัฒนาสังคม และประเทศ ซึ่งทุกหน่วยงานต้องสร้างเยาวชนปผที่มีศักยภาพเกิดการตระหนักรู้ สร้างคำถามที่สร้างสรรค์ในอนาคต ที่สำคัญต้องสร้างเยาวชนที่มีความคิดเชิงวิพากษ์ และความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ นอกจากนี้ อยากให้เยาวชนสร้างสังคมที่เกิดความสมานฉันท์มากขึ้น หวังว่าโรงเรียนที่จะมีกิจกรรมเข้าค่าย ภายใน 2 สัปดาห์จะพัฒนาเยาวชนเหล่านี้ให้มีศักยภาพในการยกระดับสังคมต่อไป

 

ด้านนายพิภพ อุดร คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ. กล่าวว่า โครงการโรงเรียนอนาคต ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้อย่างรอบด้าน ไม่ใช่แค่สาขาที่ตัวเองมีความถนัดเท่านั้น  เพราะสังคมอนาคตต้องการคนรุ่นใหม่ ที่เข้าใจสถานการณ์โลกปัจจุบัน และอนาคต เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ โดยต้องมองว่าอนาคตจะไม่มีความแน่นอน เราจำเป็นต้องเตรียมคนทำให้คนรุ่นใหม่ยืนอยู่บนขาของตนเองได้  พร้อมปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์  

"เพราะในอนาคตความรู้ ไม่สำคัญเท่าความคิด ไม่มากเท่ากับจินตนาการ และการสร้างคนที่มีความคิดวิพากษ์ คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ และเปลี่ยนตัวเองได้เมื่อเจอกับการเปลี่ยนแปลงในโลก คือ สิ่งที่มหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาจะทำได้ดี อีกทั้งในอนาคตมหาวิทยาลัยอาจจะไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และโรงเรียนอนาคต ไม่ใช่เพียงค่าย แต่เป็นแพลตฟอร์มของการเรียนรู้ในสังคม เพื่อพัฒนาประเทศให้เดินหน้าไปข้างหน้า"นายภิภพกล่าว

 

ด้านนายประจักษ์ ก้องกีรติ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย ดิเรก ชัยนาม คณะรัฐศาสตร์ มธ. กล่าวโรงเรียนอนาคต มีความเชื่อ 3 ประการ คือ 1.เชื่อว่าสังคมมีความหวัง และความหวังอยู่ที่คนรุ่นใหม่ จึงตั้งใจทำโครงการกับคนรุ่นใหม่ 2. เชื่อในเรื่องความหลากหลาย ว่าเป็นพลัง  ในโครงการนี้เด็กจะได้เรียนรู้วิชาที่หลากหลายเพื่อก้าวออกจากศาสตร์ของตนเอง หรือความสนใจของตนเอง โรงเรียนอนาคต มีนักศึกษา และนักเรียนมัธยมเข้าร่วม 30 คน จากทั่วประเทศ  และจากสาขาวิชาที่หลากหลาย ทั้ง รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ ปรัชญา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศิลปะการแสดง 3.เชื่อในเรื่องของการสร้างเครือข่าย ต้องการให้เด็กแต่ละสาขามาสร้างเครือข่ายร่วมกัน และทำงานร่วมกัน สร้างการเปลี่ยนแปลง ขยายองค์ความรู้ ไปสู่โรงเรียนในวงกว้าง

 

ด้านนายปกป้อง จันวิทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิวันโอวัน เปอร์เซนต์ จำกัด กล่าวว่า โรงเรียนอนาคตจะเป็นประสบการณ์เรียนรู้แบบใหม่ ที่มีความหลากหลาย ซึ่งเสน่ห์ของโรงเรียนอนาคต แตกต่างจากการเรียนรู้ในห้องเรียน และมหาวิทยาลัย เป็นตลาดวิชา  เป็นการสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ มุ่งเน้นฝึกฝนทั้งความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะของนักเรียน ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงโลก  เพื่อร่วมสร้างอนาคตสังคมไทยให้ดีขึ้น ผ่านรูปแบบการเรียนรู้ทั้งวงแลกเปลี่ยนถกเถียง เช่น ระเบียบโลกใหม่ ความยั่งยืนและระบบนิเวศ เป็นต้น และยังมีวงปฏิบัติการ ที่จะแลกเปลี่ยนการคิดวิพากษ์ การเขียนอย่างสร้างสรรค์ ทักษะการสื่อสาร รวมถึงมีวงสนทนา อย่างเรื่องการเมืองไทยในอนาคต เศรษฐกิจไทยในอนาคต ด้วย 

"รูปแบบการใช้ชีวิตและเรียนรู้ร่วมกัน 2 สัปดาห์เต็ม จะมีวิทยากรระดับประเทศในวงการต่างๆ เกือบ 50 คน มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ตั้งแต่ 9 โมงถึง3 ทุ่มทุกวัน มีกระบวนการระดับประเทศช่วยดูแลกระบวนการเรียนรู้ตลอดโครงการ ต้องทำผลงานเดี่ยวต้องส่งภายใน 3 เดือนหลังกิจกรรม ต้องสร้างคาแรคเตอร์นักเรียนนักศึกษาให้พร้อมการเรียนรู้การเปลี่ยนแปลง กล้าคิด กล้าตั้งคำถาม การเป็นผู้นำ สร้างระบบการเรียนรู้อย่างไร ให้นักเรียนมีองค์วามรู้ที่ดี ทักษะที่ดี และมีความคิดที่ดี อยากรู้ หรือสนใจศึกษา "โรงเรียนอนาคต" สามารถติดต่อได้ที่ 02-564-4493 หรือ www.tu.ac.th/news"   นายปกป้องกล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"