จะไม่ให้สูญเปล่า! 'ผบ.หน่วยซีล'ลั่นไม่เสียขวัญเดินหน้ากู้ภัยทีมหมูป่าต่อ


เพิ่มเพื่อน    


 6ก.ค.61-เมื่อเวลา 09.25 น. ที่ศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย (ศอร.) พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือ หน่วยซีล กล่าวถึงการคืบหน้าการช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 ชีวิตออกจากถ้ำขุนหลวง ขุนน้ำนางนอน  ว่า ขณะนี้มีเส้นทางเดียวที่จะเข้าไปถึงตัวเด็กได้คือ การใช้วิธีดำน้ำ ซึ่งจากโถง 3 ไปยังจุดเนินนมสาว มีระยะทาง 1.7 กิโลเมตร ทั้งหมดเป็นน้ำและมืด ถ้ำนี้เป็นถ้ำที่ไม่ง่าย มีซอกหินมากมาย ถือว่าโหดมาก สำหรับการปฏิบัติงานเมื่อคืนที่ผ่านมา เราได้วางแผนจะเอาออกซิเจนไปในบริเวณที่เด็กอยู่ โดยจากโถง 3 ไปยังเนินนมสาว ขาไปใช้เวลา 5 - 6 ชั่วโมง และขากลับ 5 - 6 ชั่วโมง ซึ่ง 12 ชั่วโมงที่เราต้องอยู่ในน้ำ ในภาวะนี้เราเองไม่เคยเจอ แต่ด้วยภารกิจที่เราต้องปฏิบัติ เราต้องทำ แต่เราไม่ได้ทำด้วยความบ้าบิ่น หรือไม่มีแผน

 “แต่เราจะรออะไรต่างๆ นั้นไม่ได้ เพราะว่าสถานการณ์ต่างๆ มันบีบคั้น เดิมเราคิดว่าเมื่อเราเจอเด็กแล้วจะสามารถประทังชีวิตในนั้นได้นาน แต่ปัจจุบันอะไรต่างๆ เปลี่ยนไป เรามีเวลาค่อนข้างจำกัด เราจึงต้องทำงาน การเข้าไปสู่ในจุดเนินนมสาว เราต้องมีการวางขวดอากาศเป็นระยะ นักดำน้ำ 1 คน จะต้องมีขวดอากาศติดตัวไปอย่างน้อย 3 ถัง เมื่อหมดแล้วจะต้องไปเปลี่ยนถังอากาศที่เราไปวางไว้เป็นระยะ ซึ่งขาไปไม่มีปัญหา แต่ขากลับต้องมีการใช้”

 พล.ร.ต.อาภากร กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิตคือ จ.อ.สมาน กุนัน อายุประมาณ 37 ปี เคยจบหลักสูตรนักเรียนนักทำลายใต้น้ำจู่โจม ทำงานอยู่ที่หน่วยซีลหลายปี ปัจจุบันได้ลาออกไปทำงานที่การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยปัจจุบันเรามีผู้ที่เป็นซีลมาทำงานในฐานะอาสาสมัครช่วยงาน เนื่องจากหน่วยซีลต้องทำหน้าที่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันที่จะต้องไปข้างหน้า ผู้ที่เป็นอดีตซีลจะเป็นสนับสนุน

 ผบ.หน่วยซีล บอกว่า เมื่อคืน จ.อ.สมานได้ทำหน้าที่ในการทำหน้าที่สนับสนุน ในการทำขวดอากาศไปวางตามรายทาง อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพภายในถ้ำโหดพอสมควร เมื่อ จ.อ.สมาน ไปวางขวดอากาศเสร็จแล้วได้กลับมา ขณะกำลังกลับเกิดหมดสติ บัดดี้พยายามปฐมพยาบาล แต่ไม่รู้สึกตัว จึงพยายามเอากลับมาที่โถง 3 แต่เมื่อมาถึงโถง 3 ก็ยังไม่รู้สึกตัว เราจึงนำส่งโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเราจะดำน้ำต่อ แม้จะเกิดเหตุขึ้น แต่เราจะไม่ยกเลิกภารกิจ

“เราจะปฏิบัติการต่อ เราถูกฝึกมาให้ดำรงตนในภาวะความเสี่ยงตลอดเวลา ดังนั้น ในเรื่องของเจ็บป่วย หรือการเสียชีวิต ถือเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญอยู่ตลอดเวลา เพราะเราฝึกมาแบบนี้ ขอยืนยันว่าเราไม่เคยเสียขวัญ กำลังพลของเรายังคงฮึกเหิม พี่น้องเราที่เสียชีวิตเรา เราจะไม่ให้สูญเปล่า เราเดินหน้าต่อ” พล.ร.ต.อาภากร กล่าวและว่า ปัจจุบันมีซีลที่ปฏิบัติการในถ้ำเกิน 100 คน เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ก็มีมาเพิ่ม เพราะบอกไว้แล้วว่า ถ้าไม่สำเร็จเราไม่เลิก

เมื่อถามถึงสภาพอากาศบริเวณที่เด็กอยู่ พล.ร.ต.อาภากร กล่าวว่า ทราบว่าปริมาณออกซิเจนลดลง แต่เรามีแพทย์อยู่กับเด็ก  

เมื่อถามว่า จะเอาเด็กออกโดยวิธีดำน้ำเหมือนเดิมหรือไม่ พล.ร.ต.อาภากร กล่าวว่า จริงแล้วเราพยายามหาหลายช่องทาง แต่ภารกิจเราเมื่อวานคือการนำเอาอากาศไปให้ และขอยืนยันว่าเราจะเลือกหนทางที่เด็กปลอดภัยที่สุด

ด้านพล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ปัจจัยเรื่องเวลาจะเป็นตัวกำหนดให้เราปรับแผนกันทุกวัน ซึ่งเวลานี้ที่เร่งด่วนที่สุดคือ การนำท่ออากาศเข้าไปให้ถึงในจุดที่เด็กอยู่ ซึ่งหน่วยซีลจะนำท่ออากาศและสายโทรศัพท์ไปให้เด็กในจุดเนินนมสาว นอกจากนี้ ในส่วนด้านบนมีการนำอากาศยานบินตลอดเวลาเพื่อหาจุด โพรง และสัญญาณ จะทำกันทุกวิถีทาง ปัจจุบันมีการสำรวจแล้วนับไม่ถ้วน แต่ส่วนใหญ่ลงไปจะตัน ไปไม่ถึง เจาะไม่ได้  

พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 กล่าวว่า เรื่องการพร่องน้ำที่ถ้ำทรายทอง น้ำออกจากถ้ำน้อยลง แสดงว่าโพรงน้ำในถ้ำเริ่มลดลง ต่อไปจะเริ่มค้นตาน้ำอื่นๆ รอบๆ ฐานเขา ขณะเดียวกัน ผบ.หน่วยซีลระบุว่าน้ำไหลเติมเต็มมาจากสามแยกด้านเหนือ คือ ผาหมี วันนี้เราจะส่งทีมไปสำรวจรู หรือโพรงต่างๆ เพื่อพยายามอุด เพื่อเบี่ยงทางน้ำให้ได้มากที่สุด เพราะเรากังวลเรื่องฝน ส่วนน้ำในถ้ำหลวงฯ ลดลง แต่จะยังสูบต่อ ตอนนี้สามารถเดินถึงโถง 3 ได้แล้ว

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"