ถือเป็นพระมหากรุณาอย่างล้นพ้นที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้ นำบทเรียนการช่วยเหลือนักฟุตบอลเยาวชน ทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย 13 ชีวิตที่พลัดหลงในวนอุทยานถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 23 มิ.ย. มาประยุกต์ในการฝึกเจ้าหน้าที่ เพื่อในอนาคตจะได้จัดระเบียบได้ โดยให้ทั้งหน่วยซีล กู้ภัย และหน่วยต่างๆ มาร่วมกันเป็นกรณีศึกษา ...๐ แหม! ต้องบอก “ไทยแลนด์โอนลี่” จริงๆ หลังจากมีข่าวดีของ 13 ชีวิตทีมหมูป่าแล้ว ก็เริ่มเกิดอาการ “ดรามา” เต็มถ้ำกันเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ใช่เพิ่งเกิดเสียด้วย เพราะก่อนพบ 13 ชีวิตก็มีข่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีมหามิตรต่างประเทศที่มาช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นกรณีกินข้าวเปล่าบ้าง กินมังสวิรัติบ้าง ไม่มีอาหารเลี้ยงบ้าง ล่าสุดก็มาดรามากรณี “ฮีโร่” กันอีก ...๐ หันมาดูกระแสในต่างประเทศกันบ้าง แม้จะดีใจกับไทยในกรณีพบ 13 ชีวิตหมูป่าที่ปลอดภัยด้วย แต่ก็ให้ข้อคิดที่น่าสนใจโดยเฉพาะการพาคนทั้ง 13 คนออกมาจากถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทั้งหมดว่ายน้ำไม่เป็น ไม่นับกรณีภูมิประเทศระยะทางกว่า 2.4 กม. ที่แม้แต่ นักดำน้ำที่มีประสบการณ์สูงสุดยังใช้เวลาถึง 4 ชม.ทีเดียว และหากต้องใช้นักดำน้ำประกบเด็กไปด้วยอาจต้องใช้เวลา 6- 8 ชม.ต่อคนเลยทีเดียว ...๐ “เบน เรย์เมแนนท์ส” นักดำน้ำชาวเบลเยียมที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมกู้ภัยยังระบุด้วยว่า การช่วยเด็กๆ อาจต้องแข่งกับเวลา เพราะคาดว่าจะมีฝนตกและอาจมีน้ำท่วมเข้าถ้ำอีก!!! งานนี้เลยต้องหวังว่า “ธรรมชาติ” จะมีความเมตตาสงสารไม่กระหน่ำมาซ้ำเติมให้ทั้งทีมหมู่ป่าและผู้ช่วยเหลือต้องลำบากลำบนมากนัก ...๐ ต้อง ปรบมือให้ดังๆ กับ “นาวาอากาศเอกหญิง เจสสิกา เทต” เจ้าหน้าที่สื่อสารทีมค้นหาและกู้ภัย ปฏิบัติการพิเศษกองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นแปซิฟิก (USPACOM) ที่วันนี้กลายเป็นขวัญใจของคนไทยหลายคน ซึ่งยืนยันว่าจะยังไม่เดินทางกลับฐาน แต่จะรอส่งน้องๆ กลับสู่อ้อมอกของครอบครัวก่อน ...๐ หันมาเรื่องการเมืองกันบ้าง แม้กระแสจะ “ตก” ไปในช่วงที่สังคมรวมใจรอการช่วยเหลือ 13 ชีวิตหมูป่า แต่ก็ใช่ว่าจะตกขอบเสียทีเดียว โดยเฉพาะ กรณี “ก๊วนสามมิตร" ที่เดินสายอย่างจริงจังในการดูด-ดึงอดีตนักการเมือง จนแทบทำให้พรรคเพื่อไทยแทบกลายเป็นครอบครัว “บ้านแตกสาแหรกขาด” ยังคงเป็นเรื่องให้ติดตามอยู่ และยิ่ง “ลุงตู่” ยืนยันแปลนในการประชุม ครม.สัญจร (อีกแล้ว) ในพื้นที่ จ.เชียงรายและพะเยา ระหว่างวันที่ 23-24 ก.ค.นี้ ก็ยิ่งทำให้แวดวงการเมืองน่าจะร้อนฉ่าขึ้นมาอีก ...๐ หันมาเรื่องฮอตอีกด้าน หลังซุ่มเงียบแต่มาแต่ครั้งคราเรียกเสียงซี้ดซ้าดได้อย่างดี นั่นคือ เรื่องของ “วงการผ้าเหลือง” เมื่อ “หมอเจตน์ ศิรธรานนท์” โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) ระบุว่า ในวันที่ 5 ก.ค.นี้ จะมีการประชุม สนช.พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 สามวาระรวด โดยไม่มีการตั้ง กมธ.วิสามัญ เล่นส่งสัญญาณว่าเอาแน่ในการ “เซตซีโร” มหาเถรสมาคม (มส.) รวมทั้งหวังล้างบางเครือข่าย “ธรรมกาย” ที่แฝงตัวอยู่ในแวดวงพุทธศาสนา ...๐ สภาฝักถั่วของ “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธาน สนช.นี่ต้องบอกเป็นงานอย่างยิ่ง เพราะในระเบียบวาระเดิมนั้น มีเพียงเรื่องด่วนว่าด้วย “ร่างพระราชบัญญัติเอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับองค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ. ....” ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ แต่ก็สอดแทรกเรื่องพระเรื่องเจ้าเข้ามา เพราะ รู้ว่าช่วงนี้กระแสว่าด้วยหมูป่าและบอลโลกกำลังร้อนแรง หากจะมีเรื่องพระเรื่องเจ้ามาผสมก็เชื่อว่าเสียงต้านจะน้อยลง แหม! ไม่รู้ว่ากุนซือคนไหนที่เป็นผู้จัดวางปฏิทิน ต้องซูฮกกันเลยทีเดียว ...๐ ทิ้งท้ายด้วย ข่าวที่น่าจะเดือดและสร้างความฮือฮาในอนาคต เมื่อ “สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ” หรือ ป.ป.ช. ได้แก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่..) พ.ศ. …. โดย เพิ่มเติมเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องยื่นทรัพย์สินอีกหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐในกระทรวงกลาโหมและเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่ง “สำนักข่าวอิศรา” รายงานว่ามีถึง 79 ตำแหน่ง ซึ่ง ป.ป.ช.จะกำหนดเพิ่มเติมตำแหน่งที่จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณชนอีกครั้ง แหม! นี่ถ้าเปิดทั้งหมดได้ คงมีคำถามว่าด้วย "มีทหารไว้ทำไม" ได้กระหึ่มขึ้นมาอีกแน่ ...๐