“คลัง-คมนาคม” ลงนามกู้เงินเอดีบี 3.4 พันล้านบาท ลุยก่อสร้างถนน 4 เลน เส้นทางอีสานระยะที่ 2 ใน 3 เส้นทาง คาดแล้วเสร็จปี 2562 พร้อมดันรถไฟทางคู่ 9 เส้นทางเข้า ครม. ภายในปีนี้ มั่นใจแม้เปลี่ยนรัฐบาลไม่กระทบแผนลงทุนด้านคมนาคม วงเงิน 2.3 ล้านล้านบาท

4 ก.ค. 61 - นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) กรอบวงเงินไม่เกิน 99.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่าไม่เกิน 3.4 พันล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างถนน 4 เลน เส้นทางสายอีสาน (ระยะที่ 2) 3 เส้นทาง ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงอำเภอหนองหาน - อำเภอพังโคน ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงสกลนคร - นครพนม (กิโลเมตรที่ 180 - 213) และทางหลวงหมายเลข 23 ช่วงร้อยเอ็ด - ยโสธร  รวมระยะทาง 124.9 กิโลเมตร  โดยทั้ง 3 โครงการคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2565 

 “โครงการดังกล่าวจะเป็นการเชื่อมต่อการเดินในเส้นทางสายตะวันออกสู่ตะวันตก และถือเป็นการกู้กับเอดีบีครั้งแรกในรอบ 8-9 ปี โดยเป็นรูปแบบการกู้เป็นแบบเต็มจำนวนในคราวเดียว ไม่ใช่การทยอยเบิกเงินเหมือนที่ผ่านมา โดยวิธีนี้จะทำให้มีการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น ซึ่งคิดแล้วเป็นดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ย 2.5% ใกล้เคียงกับที่กระทรวงการคลังออกพันธบัตรในประเทศเอง และหลังจากนี้กระทรวงการคลังมีแผนจะกู้เงินเอดีบี เพิ่มเติมในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางมีนบุรี- ศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน อีก แต่ยังไม่ได้กำหนดวงเงินการกู้อย่างเป็นทางการ” นายอภิศักดิ์ กล่าว

 รมว.การคลัง ระบุว่า มั่นใจว่าแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลในระยะต่อไป แต่โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านคมนาคมที่มูลค่ารวม 2.3 ล้านล้านบาท จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้ได้มีการวางนโยบายไว้หมดแล้ว ซึ่งโครงการเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศและให้การบริการกับประชาชน จึงไม่น่ามีปัญหาในการเดินหน้าต่อแต่อย่างใด

 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2  อีก 9 เส้นทางเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบได้ภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน โดยคาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้ จะสามารถเสนอให้ ครม. พิจารณาโครงการรถไฟทางคู่เส้น เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของได้ และภายในสิ้นปีนี้ จะเสนอโครงการรถไฟทางคู่ เส้นบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม โดยหากผ่านความเห็นชอบจาก ครม. เรียบร้อยจะทำให้โครงการรถไฟทางคู่เริ่มก่อสร้างได้ภายในรัฐบาลชุดนี้ครบตามเป้าหมายระยะหนึ่งและระยะสอง 16 เส้นทาง