บิ๊กตู่ออกโรงป้องสามมิตร 'พลังประชารัฐ'ยังมีแค่ชื่อ


เพิ่มเพื่อน    

    “ประยุทธ์” ออกโรงป้องก๊วนสามมิตร  ยันยังเป็นวุ้นก็มีอิสรเสรีที่จะพูดคุยได้ อัดนักการเมืองอย่าผูกขาดข้างเดียว หวังใช้กรณีหมูป่าเป็นอุทาหรณ์ที่สามัคคีกัน “ประวิตร” ชี้ปลดล็อกต้องรอ “บิ๊กตู่” หารือพรรคการเมืองช่วง ก.ย.ก่อน “มาร์ค” รับสภาพทุกอย่างขึ้นกับ คสช.จะเอาอย่างไร วัฒนาฉะ “ทหาร” ฉวยโอกาส
    เมื่อวันอังคาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักการเมืองออกมาโจมตีและเรียกร้องให้ตรวจสอบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มสามมิตรที่ประกาศสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐว่า  จะโจมตีเรื่องอะไร ในเมื่อพรรคพลังประชารัฐยังไม่ประกาศออกมาเลย เป็นเพียงการจองชื่อไว้เฉยๆ คิดว่าการพูดคุยในวันนี้ถือว่ามีอิสรเสรีมากพอสมควร ไม่ว่าใครก็ตาม เขาก็มีการพูดคุยกันตลอด จะให้แต่นักการเมืองคุยกันข้างเดียวหรือ ดังนั้นทุกคนมีสิทธิ ประชาชนอยากพูดก็พูดมา อะไรที่ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เราก็ผ่อนผันให้อยู่แล้ว การดำเนินการอย่ามองว่าได้เปรียบเสียเปรียบอะไร เพราะประชาชนเป็นผู้ตัดสิน จะได้เปรียบเสียเปรียบตรงไหน 
    “หลายคนบอกว่าโครงการไทยนิยม โครงการประชารัฐได้เปรียบ ทั้งที่โครงการนี้เกิดมานานแล้ว ไม่ใช่เป็นโครงการหรือการทำงานที่มุ่งไปสู่การเลือกตั้ง มันไม่ใช่ แต่ผมต้องการแก้ปัญหาให้ประชาชนในทุกพื้นที่ ทั้งจังหวัด อำเภอ ตำบล ซึ่งให้งบประมาณไปเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลา 3-4 ปี และปีนี้ก็ต้องลงอีกครั้ง ในส่วนของหมู่บ้าน โดยประชาชนเป็นผู้กำหนดว่าจะทำอะไร ไม่ใช่ว่ารัฐบาลเอาไปให้ เพื่อให้เขารักผม มันไม่ใช่ แต่เป็นการแก้ปัญหาในพื้นที่เพื่อลดความเดือดร้อน สร้างห่วงโซ่ของเขาขึ้นมาในพื้นที่ ซึ่งประชาชนในพื้นที่จะต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายสมคิดที่ถูกระบุถึงในเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องพูดอะไรกับ นายสมคิด ไม่ต้องพูดอะไร ยังไม่รู้เลยว่าพรรคไหนเป็นอย่างไร รู้แต่เพียงว่ามี 79 พรรค และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ยังไม่ได้รับรองทั้งหมด เพียงแต่เป็นการจองชื่อ ยื่นหนังสือขอจดทะเบียนเฉยๆ รอให้เขาประกาศมาก่อน วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล หลายเดือน ค่อยมาว่ากัน ขณะนี้ยังทำงานอยู่  
    เมื่อถามว่า คาดหวังอะไรกับปรากฏการณ์ความสามัคคีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง นายกฯ กล่าวว่า ก็หวังว่าจะดีขึ้น ทุกคนต้องตั้งความหวัง แต่ทุกอย่างอยู่ที่ความศรัทธาของพวกเรา ถ้าเราเชื่อมั่น สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ร่วมมือกับรัฐบาลในวันนี้ ก็จะนำไปสู่รัฐบาลที่ดีในวันหน้าไม่ใช่หรือ ดังนั้นถึงบอกว่าการไปช่วยทีมหมูป่าอะคาเดมีอยู่ที่แรงศรัทธาของพวกเรา ถ้าเรามั่นใจว่าเขาปลอดภัย เขาก็ต้องปลอดภัย เราเชื่อมั่นว่าคนของเราจะช่วยเขาได้ มันก็ต้องช่วยได้ 
    “คิดว่าการเมืองก็เหมือนกัน ถ้าทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองเก่าหรือใหม่มาร่วมมือกัน ไม่ว่าพรรคอะไรจะเกิดขึ้น มันอยู่ที่ประชาชนจะเลือกมา และหลายคนก็มีสิทธิได้รับการเลือกตั้งมา ตราบใดที่เขายังไม่ได้กระทำผิดกฎหมายหรือติดคดีใดๆ เขาก็มีสิทธิได้รับการเลือกตั้ง เมื่อเลือกตั้งมาแล้ว เขาตั้งใจจะร่วมพัฒนาบ้านเมืองใหม่หรือไม่ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ไว้วางใจหรือไม่ ถ้าทำไม่ได้ เขาก็ไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาอยู่ดี ไม่ว่าพรรคไหนก็ตาม ถือว่าเท่ากันหมด และวันนี้หลายพรรคก็พูดกันขรมไปหมดทุกวัน ผมก็ฟังทุกวัน อย่าไปจับกันไปมา ผมต้องอยู่ตรงกลางให้ชัดเจน” นายกฯ กล่าว
โทษสื่อโยงประชารัฐเอง
    เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลเข้าข้างพรรคพลังประชารัฐ นายกฯ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเขาคลอดมาหรือยัง ตอนนี้ยัง มีแต่ชื่อ และตนเองไปเกี่ยวอะไรกับเขา สื่อไปเอาสิ่งที่เขาอ้างมาถามตนเอง แล้วจะตอบอะไรได้ เขาอ้างก็ต้องไปถามคนอ้างโน่น เขาสามารถพูดคุยกันได้ ตนเองเจอนักการเมืองก็พูดคุยกับเขาได้ แล้วจะผิดตรงไหน ก็คุยกับทุกพรรค เจอก็ทักทาย ก็ยกมือไหว้ อดีตรัฐมนตรีก็ยกมือไหว้ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เมื่อรู้จักกันก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันบ้าง ดังนั้นวันนี้ต้องอยู่ด้วยกันแบบนี้บ้านเมืองถึงจะสงบเรียบร้อย เข้าใจหรือไม่
    ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ร้อง กกต.เพื่อเอาผิดพรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสามมิตร นายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ว่าพรรคยังไม่มี โยงมาเรื่องอะไร และดำเนินตามกฎหมายเรื่องอะไร ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ก็ไม่เห็นมีอะไร จะให้ทำอย่างไร จะไปร้องก็ไปร้อง ร้องไป เพราะไม่ได้ทำอะไร
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงการปลดล็อกพรรคการเมืองว่า ได้คลายไปแล้ว ส่วนปลดล็อกให้นายกฯ ไปพบพรรคการเมืองเดือน ก.ย.ก่อน หลังจากนั้นจึงจะทราบ ส่วนความคืบหน้าเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น ยังไม่ทราบ
    ส่วนนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาปรับแก้กฎหมายท้องถิ่น 6 ฉบับ เพื่อเตรียมการเลือกตั้งท้องถิ่นว่า คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเทศบาล โดยเร่งพิจารณาสัปดาห์ละ 2 วัน เพื่อให้เป็นตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุจะส่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ทันภายในเดือน ส.ค.นี้ โดยก่อนหน้านี้ได้ส่งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นเพื่อรับฟังความคิดเห็นจาก กกต.และกระทรวงมหาดไทยไปแล้ว  
    ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณี คสช.ยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมืองหลังรับทราบอุปสรรคต่างๆ จากการหารือร่วมกันกับพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ว่าคสช.บอกว่าจะรอไปถึงเดือน ก.ย. ซึ่งต้องรอต่อไป ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรที่ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้กลับมาเป็นนายกฯ นั้น การจะสนับสนุนใครเป็นสิทธิ แต่ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย หากมีอะไรที่ผิดกฎหมายก็เป็นหน้าที่ของ กกต.ต้องตรวจสอบพฤติกรรมและการกระทำต่างๆ ว่าผิดตามกฎหมายมาตราใดอย่างไรหรือไม่ โดยต้องทำหน้าที่ของตัวเองอย่างอิสระ 
“ถ้าไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในการรักษาความเป็นอิสระได้ ก็จะมีผลกระทบอย่างมากต่อการเมืองในอนาคต ขณะที่ผู้มีอำนาจต้องช่วยกันสนับสนุนความเป็นอิสระขององค์กรเหล่านี้ เพราะถ้าจะปฏิรูปการเมืองและประเทศแล้วเริ่มต้นโดยที่องค์กรอิสระไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระ ทุกอย่างก็เดินไม่ได้” นายอภิสิทธิ์กล่าว
    นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรอบปฏิทินเลือกตั้งที่ออกมาตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.-5 พ.ค.2562 นั้น ก็เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย แต่จะเดินตามกรอบนี้ต้องปลดล็อกพรรคการเมืองก่อน ซึ่งจากการประชุมครั้งที่แล้ว ทาง คสช.ก็พยายามบอกว่า 90 วันโดยประมาณในช่วงที่มีการทูลเกล้าฯ ถวายกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับจะยังไม่มีการดำเนินการอะไร แต่ความจริงการดำเนินการตามกฎหมายพรรคการเมืองไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแต่อย่างใด หากดำเนินการได้ ก็จะช่วยให้พรรคการเมืองสามารถหาสมาชิก ให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับกิจการพรรคการเมืองได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีกับการปฏิรูป ลดอิทธิพลของการมีเจ้าของพรรคหรือคนที่ครอบงำพรรค และหากให้สมาชิกพรรคสามารถสมัครหรือรับสมาชิกได้ ก็จะลดกิจกรรมทางการเมืองในช่วงต่อไป ซึ่งเป็นช่วงใกล้เคียงกับช่วงมีพระราชพิธีฯ จะเป็นผลดีมากกว่า 
มาร์ครับชะตาอยู่ที่ คสช.
    ”ทั้งหมดอยู่ที่ คสช.ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะไม่ว่าจะให้ปฏิบัติอย่างไรก็ทำได้ เพียงแต่ไม่อยากให้เป็นเพียงแค่พิธีกรรม ไม่ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น คาดว่าน่าจะเกิดหลังการเลือกตั้งระดับชาติ เพราะกฎหมายยังไม่พร้อม อีกทั้งภาระของ กกต.ก็มีมาก การจะจัดเลือกตั้งทั้งสองระดับใกล้เคียงกันเป็นเรื่องยาก” นายอภิสิทธิ์กล่าว
    นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุระบุถึงปัจจัยที่อาจกระทบต่อกรอบปฏิทินเลือกตั้งโดยมีเรื่องการได้ กกต.ใหม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยว่า แม้ยังไม่มี กกต.ใหม่ กกต.ชุดปัจจุบันก็สามารถทำหน้าที่ได้อยู่แล้ว เพราะมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว แต่ถ้าได้ กกต.ใหม่เร็วก็จะทำงานได้ต่อเนื่องก่อนมีการเลือกตั้ง ส่วนการนำเรื่องนี้มาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่อาจกระทบต่อกรอบเวลาเลือกตั้ง จะทำให้เกิดแท็กติกยื้อเวลาในขั้นตอนการคัดเลือก กกต.ของ สนช.หรือไม่นั้น ไม่ทราบ แล้วแต่ คสช.ว่าจะทำอย่างไร
    ส่วนนายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “หมูป่ารอดแล้ว” มีเนื้อหาว่า ขอแสดงความยินดีกับครอบครัวและน้องๆ ทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิตที่ปลอดภัย ขอชื่นชมทีมช่วยเหลือทุกท่าน ทั้งจากต่างชาติและคนไทย ที่มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ แต่สิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับปฏิบัติการช่วยชีวิตน้องๆ ทั้ง 13 คน คือการไม่รู้จักกาลเทศะของบางคน เช่น การปาฐกถาถึงปัญหาของประเทศให้แม่เด็กฟัง หรือการถามถึงข้อกฎหมายกับทีมช่วยเหลือ ทั้งที่ความจำเป็นที่สุดที่ต้องเร่งทำคือการช่วยชีวิตคน ต่อมาคือการไม่รู้จักแยกแยะจนกลายเป็นการฉวยโอกาส โดยเฉพาะจากลิ่วล้อเผด็จการที่พยายามจะบอกกับสังคมถึงความจำเป็นที่ต้องมีทหาร ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับทหารที่ทำตัวเป็นเผด็จการยึดอำนาจจากประชาชน หรือทำตัวเป็นเครื่องมือเผด็จการรังแกประชาชน 
“ยัดข้อหาดำเนินคดีกับประชาชนที่เรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของตัวเองที่ถูกปล้นไป รวมทั้งยัดข้อหาพวกผมที่แถลงข่าวให้ประชาชนทราบถึงผลงาน 4 ปีการรัฐประหาร แต่หน้าหนาเอาเปรียบผู้อื่น เช่น สนับสนุนพรรคพวกที่ออกไปอาละวาดดูดอดีต ส.ส.มาต่อท่อการสืบทอดอำนาจของตัวเองและพรรคพวก ที่มืดกว่าในถ้ำคืออนาคตของประเทศภายใต้ระบอบเผด็จการ ทีมช่วยเหลือจากที่ไหนก็ช่วยไม่ได้ ถ้าคนไทยไม่ช่วยตัวเอง” นายวัฒนาโพสต์.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"