"บิ๊กตู่" ขอบคุณทุกฝ่ายร่วมใจค้นหาจนเจอ 13 หมูป่าอะคาเดมีฯ กำชับพาออกจากถ้ำต้องปลอดภัย 100% "อนุพงษ์" ห่วงอีก 2-3 วันมีฝนหนัก สั่งเร่งระบายน้ำนำเด็กออกมาก่อน ชี้หากใช้วิธีให้ดำน้ำออกมาเสี่ยง ส่ง "หมอภาคย์" เข้าตรวจสุขภาพ พบส่วนใหญ่เจ็บป่วยแค่เล็กน้อย "หน่วยซีล" ปรับห้องโถง 3 เป็น บก.ใต้ดิน จัดอาหารย่อยง่ายให้พลังงานสูง ฟื้นฟูสภาพร่างกายน้องๆ พร้อมติดตั้งสายโทรศัพท์เชื่อมให้พูดคุยกับผู้ปกครอง
เมื่อวันอังคาร ตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล จากตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ไปที่จังหวัดเชียงราย พูดคุยกับนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมปฏิบัติการถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน และคณะกรรมการศูนย์ฯ ในภารกิจช่วยเหลือโค้ชและเด็กนักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมีเชียงรายทั้ง 13 คน หลังพบทั้งหมดอยู่ห่างจากพัทยาบีชไปประมาณ 400 เมตรอย่างปลอดภัย ช่วงเวลา 21.38 น. วันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอบคุณผู้ปฏิบัติงานทุกคนว่ารู้สึกยินดีที่ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น ภาคประชาสังคม ร่วมกันทำงานจนประสบผลสำเร็จเรียบร้อยทุกประการ ขอบคุณสื่อมวลชนทุกสำนัก การทำงานครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม ยิ่งใหญ่ เป็นแบบอย่างในการทำงาน โดยใช้วิกฤติเป็นโอกาส และสร้างระบบการทำงานที่ดีในอนาคต รวมทั้งเป็นการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ร่มพระบารมีแห่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่พระราชทานกำลังใจและความช่วยเหลือมาโดยตลอด
"การดำเนินการนับจากนี้ไป ขอให้หาวิธีที่เหมาะสมในการนำน้องๆ ออกมาอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย เพราะยังมีความยากลำบาก เนื่องจากยังมีน้ำขังอยู่ในถ้ำ ทราบว่ามีการระบายน้ำตลอดเวลา ขอให้ดำเนินการให้เรียบร้อย ไม่เกิดอันตรายใดๆ เมื่อน้องๆ ออกมาแล้วให้แพทย์ตรวจร่างกายอย่างละเอียด และไม่อยากให้มีการแถลงข่าวของทั้ง 13 คน ในระยะนี้ เมื่อสุขภาพแข็งแรงดีแล้วให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดแถลงข่าวพร้อมกับทั้ง 13 คน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า เคยพูดไว้ก่อนหน้าแล้วว่าความสำเร็จอยู่ที่แรงศรัทธาของผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ปฏิบัติงานทุกคน ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน สื่อมวลชน และทุกภาคส่วน ขอชื่นชมและให้ตั้งมั่นในการทำความดี ต้องการคนดีมาบริหาร ปัญหาที่เกิดขึ้นขอให้นำมาแก้ไข เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลพี่น้องประชาชนโดยรอบที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นไร่นา สวนเกษตร ฯลฯ ให้กลับสู่สภาพเดิม และสำรวจถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนให้ปลอดภัย เชื่อว่าจะเป็นที่สนใจของทั้งคนไทยและต่างประเทศ และจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในอนาคต รวมถึงดูแลถ้ำอื่นๆ ด้วย ขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมต่างๆ ให้กลับสู่ภาวะปกติ
ขณะที่นายณรงค์ศักดิ์ได้รายงานสรุปสถานการณ์ล่าสุด ว่าหน่วยซีลได้นำอาหาร ยา และน้ำไปให้น้องๆ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ออกมา วันนี้จะติดตั้งระบบไฟฟ้าและโทรศัพท์ไปถึงน้องๆ เพื่อพูดคุยกับพ่อแม่ และให้การทำงานสะดวกยิ่งขึ้น
"ยืนยันจะเคลื่อนย้ายน้องๆ ต่อเมื่อมั่นใจว่าปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ เบื้องต้นดูแล้วไม่น่าจะเจ็บป่วยมาก น่าจะมีศักยภาพในการเคลื่อนย้ายตัวเองได้ แต่ภารกิจต่างๆ จะยังไม่ยกเลิก ทั้งการสูบน้ำ เพราะเกรงว่าเมื่อฝนตกจะทำให้ระดับน้ำในถ้ำสูงขึ้น ภารกิจของทหารที่ไปสำรวจพื้นที่ดอยต่างๆ ยังคงดำเนินการต่อ แต่จะปรับภารกิจเป็นการหาช่องทางที่น้ำจะเข้าไปในถ้ำ ส่วนน้ำที่ระบายออกและประเมินว่าจะกระทบต่อพี่น้องเกษตรกร ได้ให้เกษตรอำเภอสำรวจข้อมูลและดูแลในการเบี่ยงเบนทางน้ำแล้ว" ผู้ว่าฯ เชียงรายรายงาน
'บิ๊กตู่' ขอบคุณทุกฝ่าย
ต่อมา พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเพิ่มเติมถึงการพูดคุยระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้ว่าฯ เชียงรายว่า นายกฯ ได้กล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ได้พระราชทานกำลังใจและสิ่งของพระราชทาน ตลอดจนขอพระบารมีปกเกล้าฯ คุ้มครองเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครให้ประสบความสำเร็จในการทำงานด้วยความเรียบร้อย
พ.อ.อธิสิทธิ์กล่าวว่า นายกฯ ยังกล่าวขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดฯ หัวหน้าส่วนราชการ อาสาสมัคร เอกชน พี่น้องประชาชน ชาวต่างชาติและหน่วยงานจากต่างประเทศ รวมถึงสื่อมวลชน ที่มีส่วนร่วมในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ ชมเชยการทำงานของทุกภาคส่วนว่าเป็นแบบอย่างการทำงานแบบบูรณาการ เป็นบทเรียนที่ต้องนำมาศึกษาในการปฏิบัติภารกิจในอนาคตต่อไป
"ทางผู้ว่าฯ ได้รายงานสรุปสถานการณ์ที่สำคัญว่าหน่วยซีลได้เข้าไปในถ้ำตั้งแต่เวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 2 ก.ค.61 เพื่อนำอาหาร น้ำ และยา เข้าไปดูแลผู้ประสบภัย ซึ่งในขณะนี้ก็ยังคงอยู่กับเด็กๆ และโค้ชในถ้ำ สำหรับภารกิจต่างๆ ในวันนี้ยังคงดำเนินการต่อไป" ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวทั้ง 13 คนออกมาจากถ้ำ โดยจะใช้เส้นทางเดิม ซึ่งสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือการระบายน้ำออกจากถ้ำ เพื่อจะได้ไม่ต้องดำน้ำออกมา แต่บางช่วงอาจไม่สามารถดำเนินการได้โดยเฉพาะช่วงสามแยกในถ้ำ
"มีการคาดว่าช่วง 2-3 วันนี้จะมีฝนตกลงมา ถ้าเป็นเช่นนั้นจะต้องเร่งนำเด็กออกมาให้ได้ โดยใช้อุปกรณ์ดำน้ำ เพราะถ้าน้ำสูงกว่านี้จะทำให้การทำงานลำบาก เราจึงต้องชิงนำตัวเด็กออกมาจากถ้ำให้ได้ก่อน ซึ่งการช่วยเหลือต้องใช้เจ้าหน้าที่ 2 คนต่อเด็ก 1 คน เชื่อว่านักดำน้ำได้มีการเตรียมแผนไว้อยู่แล้ว" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
ถามว่าจะให้เด็กทั้ง 13 คนหลีกเลี่ยงการดำน้ำออกมาใช่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า การดำน้ำไม่ใช่เรื่องง่าย คนที่ไม่เคยดำน้ำจะทำยาก เพราะในถ้ำมีลักษณะเป็นช่องแคบ ดังนั้นจะต้องใช้อุปกรณ์ดำน้ำให้เป็น หากอุปกรณ์ดำน้ำหลุดช่วงใดอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ อีกทั้งภายในถ้ำก็ค่อนข้างมืด
ซักว่าเด็กพวกนี้เก่งหรือไม่ รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ตนคิดว่าเด็กพวกนี้เก่ง และเชื่อว่าหน่วยซีลจะช่วยเหลือเด็กออกมาได้
"ขอตั้งความหวังว่าวันนี้ (3 ก.ค.) น่าจะออกมาได้ แต่ต้องดูส่วนปฏิบัติการก่อนว่ามีแผนและวิธีการนำเด็กออกมาจากถ้ำได้อย่างไร ทราบว่าหน่วยซีลได้นำหมอเข้าไปในถ้ำด้วยอยู่แล้ว" รมว.มหาดไทยกล่าว
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้เกิดความสำเร็จคือความร่วมมือร่วมใจในการทำงาน ถือว่าเป็นพระเอกทุกคน เพราะมีความหมาย ทั้งจิตอาสา พนักงานโบกรถ ทุกคนต่างทำหน้าที่ของเขา ส่วนเบื้องหลังของพระเอกตัวหลักคือหน่วยซีลที่เข้าไป และภายใต้หน่วยซีลก็มีหน่วยสนับสนุนอีกเป็นจำนวนมาก เพราะเขาต้องลุยไปข้างหน้าอย่างเดียว รวมถึงทีมที่อัดน้ำ อัดอากาศ ส่งของไปให้หน่วยซีล
"ส่วนสำคัญคือการไฟฟ้าที่เดินสายไฟจำนวนมาก ภายใต้ภาวะที่ยากลำบาก เพราะสายไฟอยู่กับน้ำ และช่วยกันปั๊มน้ำ ผมว่าพระเอก พระรองมีเยอะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมือร่วมใจของทุกคน รวมถึงพระบารมี และสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งท่านได้ประทานพรให้ ถ้าทุกอย่างทำงานแล้วมีความร่วมมือร่วมใจกันก็จะสำเร็จหมดในเมืองไทย" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
ให้อาหาร-น้ำฟื้นฟูเด็ก
พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เป็นนักดำน้ำก็พยายามลำเลียงอาหารและน้ำดื่ม พร้อมนำ พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน และหน่วยพยาบาลเวชศาสตร์ใต้น้ำของกองทัพเรือ เข้าไปดำเนินการช่วยเหลือแล้ว จึงขอให้รอฟังผล ซึ่งการเดินทางจากโถง 3 เข้าไปบริเวณที่เด็กอยู่นั้น ใช้เวลา 3 ชั่วโมง และกลับออกมาอีก 3 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) กล่าวถึงการดูแลทั้ง 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมีเชียงรายว่า ทุกหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องเตรียมการไว้พร้อมหมดแล้ว ทุกคนต่างดีใจเมื่อทราบข่าวดังกล่าว การนำทั้ง 13 คนออกจากถ้ำหลวง จะต้องทำอย่างปลอดภัย และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด
"หลังจากนี้จะนำน้ำ อาหาร และไฟฟ้า เข้าไปในจุดที่พบ เพื่อฟื้นฟูร่างกายของทั้ง 13 ชีวิต จนกว่าจะสามารถนำทุกคนออกมาได้อย่างปลอดภัย จากนั้น ทีมแพทย์จะเข้าไปดูแลเรื่องของสุขภาพ ซึ่งทุกอย่างเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว และต้องทำอย่างปลอดภัยที่สุด โรงพยาบาลในพื้นที่ก็ได้เตรียมเครื่องมือไว้แล้วเช่นกัน" รมว.สธ.กล่าว
ที่ศูนย์อำนวยการค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เวลา 07.00 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯ เชียงราย ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ฯ แถลงข่าวช่วงเช้าว่า ด้วยพระเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบารมีของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงห่วงใยน้องๆ ที่พลัดหลงในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. ทุกพระองค์เป็นพลังใจอันยิ่งใหญ่ของผู้ปฏิบัติงาน ได้พระราชทานสิ่งของสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของผู้ปฏิบัติงานทุกด้าน เพื่อให้การปฏิบัติงานราบรื่น และประสบความสำเร็จโดยเร็ว
"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังพระราชทานโรงครัวพระราชทานและประชาชนจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ ดูแลครอบครัวผู้สูญหายและผู้ปฏิบัติงานในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนตลอดเวลา ยังความปลาบปลื้ม ให้กับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมาก พวกเราทุกคนจะขอรับใช้พระองค์ตลอดไป ด้วยจงรักภักดีในราชวงศ์จักรีตลอดไป" นายณรงค์ศักดิ์กล่าว
ผู้ว่าฯ เชียงรายกล่าวว่า เหตุการณ์นี้ทุกชาติ ทุกศาสนา ต่างหลอมรวมใจมาให้น้องๆ ทั้ง 13 คน และผู้ที่ปฏิบัติภารกิจการค้นหาน้องๆ ให้พบโดยเร็ว หลายประเทศได้ส่งความช่วยเหลือมายังถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนแห่งนี้ ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญที่จำเป็นในการค้นหาต่างอาสามาช่วยเหลือกัน วันนี้เป็นความภาคภูมิใจของทุกคน ความร่วมมือร่วมใจกันครั้งนี้เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ประเทศไทยเราเจริญก้าวหน้าต่อไป
ปรับโถง 3 บก.ใต้ดิน
ผู้ว่าฯ เชียงรายกล่าวว่า แม้ว่าตอนนี้เราจะพบน้องๆ ทั้ง 13 คนแล้ว แต่ภารกิจของเรายังไม่จบ ภารกิจแรกของเราคือการค้นหาตัวให้พบ ซึ่งเราก็พบแล้ว ขณะนี้ทั้ง 13 คนปลอดภัย ขั้นตอนต่อไปคือการนำแพทย์เข้าไปในพื้นที่ที่เราพบน้องๆ ให้ทีมแพทย์ตรวจสภาพร่างกายทั้ง 13 คน ว่าแต่ละคนสภาพร่างกายเป็นอย่างไร จากนั้นจะประชุมหารือถึงการช่วยเหลือทั้งหมดออกมาจากถ้ำ เราจะดำเนินการตามแผนขั้นตอนต่อไป
"ขณะนี้ทุกฝ่ายยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง เพราะสำเร็จเพียงภารกิจในการค้นหา แต่ยังเหลือการนำตัวออกมา รวมทั้งการทำงานในจุดอื่นๆ ทั้งการขุดเจาะถ้ำ การสูบน้ำ จะยังดำเนินการต่อไป เนื่องจากยังไม่ได้ระบุทางออกที่แน่ชัด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้มีการนำยาที่จำเป็นในเบื้องต้นและอาหารลำเลียงเข้าไปแล้ว ส่วนการนำตัวทั้ง 13 คนออกมา จะคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นลำดับแรก ซึ่งหน่วยซีลจะเป็นผู้พิจารณาว่าควรจะนำออกมาในเวลาใด เพราะต้องดูสภาพร่างกายและระดับน้ำในถ้ำ ด้านทีมแพทย์สนามได้เตรียมความพร้อมเต็มที่ในการตรวจร่างกายทั้ง 13 คน เพื่อจะนำออกจากถ้ำหลวง" ผู้ว่าฯ เชียงรายกล่าว
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า สำหรับพยากรณ์อากาศตั้งแต่วันนี้จนถึงสัปดาห์หน้าจะมีฝนตลอด แต่อุปกรณ์ที่เราเข้าไปสามารถสู้กันได้ อย่างไรก็ตาม ตนตอบไม่ได้ว่าจะใช้เวลาในการนำตัวเด็กออกมากี่วัน แต่ถ้าร่างกายไม่พร้อม 100% เราจะไม่เสี่ยงนำออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตลอดทั้งวันบริเวณถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนเริ่มมีการเตรียมความพร้อมพื้นที่ภายนอกเพื่อรองรับการลำเลียงเยาวชนทั้งหมดไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โดยมีรถพยาบาลจำนวน 13 คันมาจอดสแตนด์บายเอาไว้ ซึ่งทันทีที่สามารถออกมาจากทำได้ จะสามารถรับตัวไปโรงพยาบาลที่ได้มีการเตรียมพร้อมไว้แล้วเช่นกัน
เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงขอระดมจิตอาสาและอาสาสมัครจำนวนมาก เพื่อช่วยกันขนหินคลุกถมและเกลี่ยพื้นถนนทางเข้าถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ยาวไปจนถึงปากถ้ำ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นโคลนจำนวนมาก แม้จะมีการถมไปแล้วก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่ง เพื่อให้สะดวกต่อการลำเลียง 13 เยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี โดยมีการเร่งถมอย่างต่อเนื่อง และยังประกาศขออาสาสมัครเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ
นายณรงค์ศักดิ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตว่า ทางเจ้าหน้าที่เตรียมลากสายโทรศัพท์เข้าไปยังภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนให้ถึงบริเวณที่เด็กติดอยู่ เพื่อให้สามารถใช้โทรศัพท์จากด้านในติดต่อหาผู้ปกครองที่อยู่ภายนอกได้
"หากภารกิจการค้นหาและช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมีสำเร็จลุล่วงแล้ว จะนำปฏิบัติการครั้งนี้ไปให้ทุกภาคส่วนได้ทำการถอดบทเรียนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้บทเรียนอะไรกับใครบ้าง ทั้งในด้านของผู้ปฏิบัติและทุกภาคส่วน และเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ในการถอดบทเรียนให้ทุกภาคส่วนได้ศึกษา โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ติดอยู่ในถ้ำ ก็จะรู้ว่าไม่มีใครทิ้งพวกเขาไว้ในถ้ำลำพัง" ผู้ว่าฯ เชียงรายกล่าว
เวลา 16.11 น. เพจ Thai NavySEAL โพสต์ข้อความว่า "3/07/18 พลเรือตรีอาภากร อยู่คงแก้ว ผบ.นสร. วางแผนร่วมกับหน่วยซีล และนักดำน้ำอาสาสมัครนานาชาติ เพื่อนำนักฟุตบอลทีมหมูป่าและโค้ช ออกจากถ้ำ เมื่อร่างกายของทุกคนแข็งแรงเพียงพอแล้ว ในขณะที่บริเวณห้องโถง 3 ถูกปรับให้เป็น บก.ใต้ดิน ลำเลียงขวดอากาศ, อุปกรณ์ดำน้ำ, อาหาร, ยา ไปไว้พร้อมสรรพ สำหรับการเข้าไปนำตัวนักฟุตบอลออกมา และได้ส่งตัวหมอทหารเข้าไปตรวจสุขภาพเด็กทันที"
จากนั้นเวลา 17.00 น. นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, พล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3, พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ(หน่วยซีล) และ พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย
ซีลรอแข็งแรงพาออก
นายภาสกรกล่าวว่า ผู้ว่าฯ เชียงรายติดภารกิจสำคัญ จึงมอบหมายให้มาแถลงข่าวประจำวัน โดยภารกิจค้นหาถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว ขณะนี้เป็นขั้นตอนของการกู้ภัย ฟื้นฟู เยียวยา ซึ่งยืนยันว่าปัจจุบันยังมีการดำเนินการอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง
นายภาสกรกล่าวว่า จังหวัดเชียงรายได้มีการประกาศเขตให้ความช่วยเหลือ คือบริเวณตั้งแต่ถ้ำทรายทองเป็นต้นไป ซึ่งมีประชาชนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 4 ตำบล รวมแล้วกว่า 200 ครัวเรือน 1,400 ไร่ ขณะนี้น้ำเข้าท่วมแล้วจากการระบาย แต่ยังไม่เกิดความเสียหาย ซึ่งความช่วยเหลือจะตามไปตามลำดับ
"ขอยืนยันเจ้าหน้าที่ทุกท่านยังดำเนินการเต็มความสามารถ ถ้ามีจังหวะเมื่อไร เราก็อยากเอาเด็กออกมา ตอนนี้อยู่ที่ความแข็งแรงของเด็กและวิธีการ เราเองก็อยากให้เด็กออกมาอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย" นายภาสกรกล่าว
รองผู้ว่าฯ เชียงรายกล่าวว่า ที่มีข่าวมีการส่งข้าวเหนียวไก่ย่างไปให้เด็กๆ รับประทานนั้น เป็นข้อมูลไม่ถูกต้อง ยืนยันเราจะปฏิบัติตามทางการแพทย์ มีการอนุบาลเด็กให้มีความแข็งแรง รวมทั้งดูเรื่องโรคติดต่อของเด็ก และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
"เรื่องระยะเวลานั้น ถ้าพร้อมที่จะเอาออกได้เมื่อไหร่ จะเอาออกทันที และแน่นอนว่าคนไหนที่แข็งแรงจะนำออกมาก่อน คนไหนยังไม่แข็งแรงจะมีการอนุบาลกันต่อ และค่อยนำออกมา" รองผู้ว่าฯ เชียงรายกล่าว
ส่วน พล.ต.ฉลองชัยกล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินงานบนภูเขา ปัจจุบันกำลังชุดเดิมยังคงลาดตระเวนค้นหาปล่องที่จะเชื่อมกับถ้ำหลวงฯ อยู่ แต่เรายังยืนยันที่จะนำเด็กออกทางปากถ้ำก่อน
ขณะที่ พล.ร.ต.อาภากรกล่าวว่า น้องๆ ทั้ง 13 คนอยู่สบายดี โดยมีหน่วยซีลไปอยู่ด้วย 7 นาย ซึ่งมีนายแพทย์ 1 คน และพยาบาลเวชศาสตร์อีก 1 คน ตอนนี้ได้มีการให้อาหารกับเด็ก เริ่มจากอาหารที่ย่อยง่ายและให้พลังงานสูง มีเกลือแร่ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามนายแพทย์แนะนำ ดังนั้นไม่ต้องกังวล เราจะดูแลให้ดีที่สุด และจะนำเด็กกลับสู่อ้อมกอดพ่อแม่อย่างปลอดภัยทุกคน
"ขณะนี้เรากำลังวางแผนว่าจะทำอย่างไร โดยประการแรกคือพร่องน้ำลงมาให้ลดต่ำที่สุด แต่หากทำไม่ได้ด้วยฤดูกาลหรือฝนตก เราจะมีวิธีการอื่น เพราะเรามีแผนหลักและแผนสำรอง ส่วนเรื่องอากาศบริเวณนั้น เราได้นำสารดูดคาร์บอนไปใช้ ดังนั้นเด็กอยู่ได้สบายดี ตอนนี้เรากำลังวางสายโทรศัพท์เพื่อให้สามารถพูดคุยกับผู้ปกครองได้ คืนนี้น่าจะพูดคุยได้ ซึ่งเราไม่ต้องเร่งรีบเกินไป แต่พยายามดูแลฟูมฟักให้แข็งแรง และเด็กๆ จะออกมา" ผบ.หน่วยซีลกล่าว
ถามว่า หากระดับน้ำสูงขึ้นจะมีปัญหาหรือไม่ ผบ.หน่วยซีลกล่าวว่า ระดับน้ำคงไม่สูงขึ้นกว่าที่ผ่านมา ไว้วางใจได้ ยืนยันเราทำทุกวิถี ทำเต็มที่ ทำงานหนักเพื่อเด็กๆ
ซักว่าจะใช้วิธีให้เด็กดำน้ำออกมาหรือไม่ ผบ.หน่วยซีลกล่าวว่า เรื่องการนำออกมาโดยใช้วิธีการให้เด็กดำน้ำเป็นวิธีการหนึ่ง แต่ถ้าจะใช้วิธีนั้นเราต้องมีความมั่นใจ ต้องมีการซักซ้อม จนกระทั่งมั่นใจว่าปลอดภัย 100% ก่อน
ด้าน พล.ต.บัญชากล่าวถึงการระบายน้ำว่า ในส่วนของถ้ำทรายทอง จากเดิมที่น้ำแรงมาตลอด ตอนนี้เริ่มหยุดแล้ว บางจุดที่น้ำเคยท่วมหัว ตอนนี้เหลือแค่ 2 ฟุต ส่วนการพร่องน้ำที่ถ้ำหลวงฯ เรายังคงดำเนินการต่อไป
ช่วงค่ำเวลา 19.00 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯ เชียงราย กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตเพิ่มเติมว่า หน่วยซีลได้รายงานว่าสามารถเจาะทะลุจุดที่ยากที่สุดในถ้ำไปยังพัทยาบีช และน้องๆ ทุกคนติดอยู่ที่เนินนมสาว เลยจากพัทยาบีช ไปประมาณ 300-400 เมตร โดยทีมแรกที่เข้าไปถึงคือนักดำน้ำจากอังกฤษ โดยทีมแพทย์ได้ประเมินสภาพร่างกายของผู้ติดค้างในถ้ำทุกคน แบ่งเป็น 3 ระดับ ระดับสีแดง คือเจ็บป่วยสูงสุด, สีเหลือง เจ็บป่วยปานกลาง และสีเขียวคือ เจ็บป่วยเล็กน้อย เท่าที่แพทย์ทหารนักดำน้ำประเมินเบื้องต้นพบว่า เกือบทุกคนอยู่ในระดับสีเขียว มีบางคนอาจจะอยู่ระดับสีเหลือง ซึ่งหน่วยซีลได้นำอาหารเพาเวอร์เจล หรืออาหารเสริม ยารักษาโรคที่จำเป็น ไปดูแลน้องๆแล้ว
"การนำทุกคนออกมาจากถ้ำ จะให้หน่วยซีลเป็นผู้ประเมินสถานการณ์ เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งระดับน้ำ สภาพร่างกายของน้องๆ ทุกคน เพราะเมื่อพบทุกคนแล้ว ก็อยากให้นำตัวออกมาอย่างปลอดภัย ส่งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โดยมีรถพยาบาลเตรียมไว้ 13 คัน และรถของญาติที่ติดตามไว้แล้ว" นายณรงค์ศักดิ์กล่าว
ผู้ว่าฯ เชียงรายกล่าวว่า ในระหว่างที่รอหน่วยซีลประเมินอาการของน้องๆ จะนำออกมาจากถ้ำได้อย่างไร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการสูบน้ำและการขุดเจาะโพรงบนเขาจะยังคงดำเนินการต่อไป จนกว่าจะประเมินว่าวิธีการใดที่เหมาะสมกับการนำน้องๆ ออกจากถ้ำได้ดีและปลอดภัยที่สุด
ต่อมาเวลา 21.30 น. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชกระแสรับสั่งให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี โดยรับสั่งว่า การชมเชยเบื้องต้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ขอให้รักษาสติ สมาธิ ปัญญาในการปฏิบัติภารกิจ โดยภารกิจจะสำเร็จเรียบร้อยก็ต่อเมื่อทุกคนออกมาและกลับสู่ครอบครัวด้วยความปลอดภัย ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากการวางแผนทำงานอย่างเป็นระบบ มีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทั้งคนไทยและต่างชาติที่มาร่วมภารกิจหรือส่งกำลังใจมาช่วย
การนำคณะออกจากถ้ำต้องคิดและวางแผนให้ดี คำนึงถึงสุขภาพและภาวะจิตใจก่อนนำตัวออกมา ต้องใช้ดุลพินิจ วุฒิภาวะ ศรัทธา และฉันทะที่ถูกต้อง หาวิธีการนำตัวออกมาอย่างปลอดภัย รอบคอบ ไม่ประมาท อย่าให้เกิดการบาดเจ็บหรือการสูญเสียทั้งคณะเด็กและคณะผู้ช่วยเหลือ จากนั้นจึงส่งตัวเข้ารับการเช็กสภาพร่างกาย ณ โรงพยาบาลให้เรียบร้อยและส่งกลับสู่ครอบครัว ส่วนบริเวณถ้ำหลวง ให้ฟื้นฟูพื้นที่และจัดระบบความปลอดภัยให้รัดกุม
นอกจากนี้ รับสั่งว่าทำอะไรต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ ตระหนักถึงความเป็นมาและนำประสบการณ์ไปปรับใช้ นำบทเรียนนี้ไปใช้ในการวางแผนระบบแจ้งเตือนภัยต่างๆ จัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ในการแจ้งเตือนและช่วยชีวิตที่ทันสมัย พร้อมทั้งให้หน่วยงานบริหารจัดการน้ำไปประเมินสถานการณ์ เพื่อเตรียมรับมือกับภัยพิบัติ โดยทำแผนเผชิญเหตุ วิธีป้องกัน และแก้ปัญหาเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ส่วนชาวต่างประเทศที่มาร่วมปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ ให้ดูแลให้ดี เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้พาท่องเที่ยวต้อนรับอย่างดี โดยทรงรับเป็นอาคันตุกะของพระองค์ จนกว่าจะเดินทางกลับ
หลังจากนี้ จะมีพระราชกระแสขอบใจ ชื่นชม ชมเชยทุกหน่วยงานทั้งของไทยและต่างประเทศ ตลอดจนประชาชนชาวไทยและต่างประเทศทั่วโลกต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |