ขั้นตอนต่อไปในการนำ ทีมหมูป่าอะคาเดมี ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน นอกจากการดำเนินการตามแผน 3 เฟสของทีมปฏิบัติการกรมรบพิเศษที่ 1 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือแล้ว ยังมีแผนปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยของทางจังหวัดที่เตรียมพร้อมรับตัวทั้ง 13 คนไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย

       ย้อนกลับไป 9 วันของปฏิบัติการ หน่วยซีล ซึ่งเป็นคำเรียกของหลักสูตรหน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ ทำหน้าที่อำนวยการแผนเข้าไปช่วยเหลือจากทางปากถ้ำ ที่ต้องฝ่าฟันความผันผวนของปริมาณน้ำขึ้นลงตามปริมาณน้ำฝนและเส้นทางน้ำใต้ดิน เนื่องจากถ้ำดังกล่าวเป็นเส้นทางผ่านน้ำตามธรรมชาติ

       แม้ “ซีล” หรือ “มนุษย์กบ” จะแกร่งหรือฝึกมาหนักแค่ไหน เคยผ่านน้ำขุ่นโคลนแดง ดำน้ำใน ”แม่น้ำโขง” มาบ้าง แต่การเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ถ้ำที่มีหินงอกหินย้อย มีสภาพสูงต่ำเหมือนเนินเขาขรุขระที่อยู่ในภูเขาอีกทีก็นับว่ายาก เพราะเป็นโจทย์ปัญหาที่ไม่เคยเจอมาก่อน และยิ่งต้องเจอกับทางแคบและแง่งหินที่แบ่งเป็นช่อง บริเวณที่เลยจากสามแยกเข้าไปทางซ้ายมือ 15 เมตร ก่อนเข้าสู่ทางเดินราบ 400 เมตร (ที่เข้าไปรอบแรกสามารถเดินได้ แต่วันที่ 2 ก.ค.น้ำท่วม) จากนั้นต้องดำน้ำอีก 30 เมตร สู่ช่วง คอห่าน (ศัพท์ที่ผู้ปฏิบัติการเปรียบเปรย) ที่เป็นจุดยาก เมื่อผ่านตรงนี้ไปได้ก็ต้องดำน้ำต่อไปอีก 100 เมตรจึงจะถึงหาดพัทยา

     ซึ่งจุด “คอห่าน” ที่ว่า “มนุษย์กบ” ต้องถอยร่นออกไปเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. เพราะฝนตกหนักทำปริมาณน้ำในถ้ำท่วมสูง แต่จากนั้นก็ได้กลับมาตั้งที่ทำการทางทหาร (ทก.) ภายในโถง 3 และเตรียมแผนวางเบสไลน์นำทาง รวมทั้งการระดมขวดอากาศเข้าไปวางทุก 25 เมตร

       ทว่าข้อมูลรอบแรกที่ มนุษย์กบ เข้าไปสำรวจไม่เสียเปล่า เพราะทำให้ได้ข้อมูลว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร และขอส่วนสนับสนุนในการลดปริมาณน้ำในถ้ำลง รวมถึงการประชุมวางแผนกับ “นักดำน้ำกู้ภัย” ที่มีประสบการณ์ ทั้งชาวอังกฤษ, สวีเดน, อเมริกา, ออสเตรเลีย, จีน, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ, กู้ภัยอยุธยา, กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง รวม 81 คน จนสามารถเข้าถึงทางแยกโดยการอำนวยการแผนของ ผบ.กรมรบพิเศษที่ 1 หน่วยบัญชาการพิเศษทางเรือ ที่จัดชุดปฏิบัติการ 6 ชุด แต่ละชุดมีการผสมผสานทั้งนักดำน้ำกู้ภัยชาวต่างประเทศและคนไทย, มนุษย์กบ, เจ้าหน้าที่วางสายสื่อสาร ฯลฯ ทำงานเป็นทีม

      ทำให้เวลา 17.30 น.ของวันที่ 2 ก.ค. นักดำน้ำ 2 นายสามารถดำน้ำจากโถง 3 โดยมีขวดอากาศติดตัว 3 ขวด เวลาทำการได้มากกว่า 3 ชั่วโมง (พิจารณาจากการดำน้ำเมื่อวันที่ 1 ก.ค.นี้) เพื่อสำรวจและวางเบสไลน์ต่อไปจากจุดเดิม (เลยจากสามแยกไป 200 เมตร) โดยมีเชือก 300 เมตรติดตัวไป

      ขณะที่นักดำน้ำอีก 2 นายออกเดินทางจากโถง 3 เคลื่อนที่ไปตามเบสไลน์ต่อจากนักดำน้ำ 2 นายแรก เพื่อวัดระยะวางแท่งเรืองแสงทุกๆ 100 เมตรไปเรื่อยๆ ตามเส้นเบสไลน์ เวลาทำการ 3 ชั่วโมง และนักดำน้ำอีก 2 นายออกเดินทางจากโถง 3 เพื่อวางข่ายโทรศัพท์ลากสาย (ห่างจากโถง 3 ระยะ 400 เมตรเป็นเนินทราย) สามารถจัดตั้งจุดชาลี ตั้งข่ายสื่อสารได้สำเร็จ จนเวลา 21.38 น. นักดำน้ำพบเป้าหมายทั้ง 13 คนในสภาพปลอดภัย

9 วันที่ผ่านมา นอกจาก “มนุษย์กบ” ผู้กรุยทางนำข้อมูลมาวางแผน อำนวยการเหมือน โค้ช ที่ต้องแก้ปัญหาในเกมการแข่งขัน ยังมีผู้เชี่ยวชาญการดำน้ำในถ้ำของอังกฤษที่มีประสบการณ์เคี่ยวกรำด้านการดำน้ำมามากมาย สามารถฝ่าจุดโหดช่วงคอห่านจนไปเจอหาดพัทยาและเนินนมสาว ซึ่งเหมือนผู้เล่นในสนามฟุตบอลที่ทำหน้าที่ไปตามความถนัด ทักษะ และประสบการณ์

       ประกอบเป็นทีมผสมเข้าคลี่คลายสภาพการณ์ที่อึดอัดมาตลอด 10 วัน ที่ทุกภาคส่วนพยายามอย่างสุดความสามารถในการช่วย “ทีมหมูป่าอะคาเดมี” ที่รอคอยอยู่!!