3 ก.ค.61-  พญ.นภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการปรับสมดุลร่างกายของเด็กนักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมี่ พร้อมโค๊ซอายุ 25 ปี ที่ติดในถ้ำหลวงตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.เพื่อเตรียมการช่วยเหลือออกมา ว่า ในการพบเด็กทั้ง 13 คน ที่ยังปลอดภัย สามารถตอบโต้ได้ เป็นปาฏิหาริย์ที่สร้างความดีใจแก่คนทั้งประเทศที่เฝ้ารอด้วยความเป็นห่วง ซึ่งในช่วงที่อยู่ในถ้ำ 10 วัน เด็กอาจไม่ได้รับอาหารเลย  จะได้รับเพียงน้ำ 

ในช่วงที่อดอาหารนั้นร่างกายจะดึงเอาพลังงานไฮโดเจนจากตับและกล้ามเนื้อมาใช้ แต่ก็จะมีการขาดเกลือแร่ ฟอสฟอรัสต่างๆ โดยจะมีการถ่ายทอดไปที่ระบบประสาท ส่งผลต่อการรัดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ดังนั้นการให้อาหารควรให้อย่างระมัดระวัง ให้ทีละน้อย เพราะหากให้มากเกินไปอาจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติรุนแรง 

ตามหลักควรให้ไม่เกินครึ่งหนึ่งของที่ร่างกายต้องการ ซึ่งตรงนี้ก็ได้คุยกับหมอเด็กที่ รพ. รามาธิบดี ก็พบว่า ทางคุณหมอเด็กของ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ก็ได้มาปรึกษาว่าควรให้อาหารอย่างไร ซึ่งทราบว่าก็มีการแนะนำว่าไม่ควรเป็นอาหารผงเพราะในถ้ำไม่มีน้ำสะอาด ควรที่จะเป็นอาหารที่สำเร็จแล้ว ทุกอย่างทางรพ.เชียงรายฯ มีการเตรียมการในเรื่องรายละเอียดพื้นฐานไว้หมดแล้ว 

ดังนั้นหากเจ้าหน้าที่ให้อาหารในจำนวนที่น้อยแก่เด็กก็ขอให้ประชาชนเข้าใจ และคิดว่าไม่น่าเป็นกังวลว่าอาหารที่นำเข้าไปจะไม่เพียงพอต่อเด็ก เพราะทราบว่าเจ้าหน้าที่จะมีการส่งอาหารเพิ่มเติมสำหรับให้อยู่ได้ 4 เดือนเป็นอย่างน้อย

พญ.นภาพรรณ กล่าวว่า ในการนำเด็กออกมานั้นด้วยระยะทางที่ลำบาก มีอุปสรรคก็ต้องให้เด็กสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ก่อน  เพราะร่างกายมีความอ่อนเพลีย ซึ่งจะช้าจะเร็วขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วย โดยในการประเมินร่างกายเด็กนั้นตามปกติต้องมีการเจาะเลือด แต่ทั้งนี้ในระยะทางที่เอาออกมานั้นเต็มไปด้วยโคลน อาจจะเข้าไปในแผลได้ ดังนั้นคิดว่าควรมีการปรับตามสถานการณ์โดยชะลอการเจาะเลือดไปก่อน และตรวจประเมินด้วยวิธีอื่น แต่อย่างไรก็ตามก็อยู่ที่ดุลยพินิจของทีมแพทย์ที่เข้าไปช่วยเหลือ.