ชี้ไม่ผลิตB20เพิ่มแม้เสียงตอบรับดีหวั่นกระทบน้ำมันบริโภคราคาพุ่ง


เพิ่มเพื่อน    

"ศิริ"แจงไม่ผลิต B20 เพิ่มถึงกระแสตอบรับดี ชี้เป็นการดูดซับซีพีโอส่วนเกินเท่านั้น หากผลิตเกินหวั่นกระทบน้ำมันใช้กินราคาพุ่ง พร้อมเผยสอบทุจริต "จีจีซี" ขอเวลา 3 วันรอผลสรุป

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ว่าการดำเนินมาตรการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลสัดส่วน 20% จนกลายมาเป็น B20 นั้น เพื่อช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ส่วนเกินประมาณ 660,000 ตันต่อปี โดยมีเป้าหมายการจำหน่ายที่ 15 ล้านลิตรต่อวัน ทั้งนี้หลังจากออกประกาศไปมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าไม่สามารถที่จะเพิ่มกำลังการผลิต B20 ให้มากนี้ได้ เนื่องจากจะไปกระทบต่อปริมาณการใช้ซีพีโอในด้านอื่น ๆ ที่ปัจจุบันมีการใช้เพื่อบริโภคอยู่ 1 ล้านตันต่อปี และผลิตเป็นไบโอดีเซลอีก 1 ล้านตันต่อปี 

"การผลิตบี 20 เป็นมาตรการเพื่อออกมาดูดซับน้ำมันปาล์มดิบที่ล้นตลาดออกมาเท่านั้น หากมีการผลิตมากกว่าส่วนเกิน อาจจะทำให้ไปกระทบส่วนอื่น ๆ อย่างเช่นน้ำมันเพื่อการบริโภคที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากวัตถุดิบขาดตลาด ซึ่งกระทรวงก็ต้องติดตามต่อไปว่าจะให้ดำเนินการเป็นนโยบายระยะยาวหรือไม่"นายศิริ กล่าว

อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นมีผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 จำนวน 5 ราย ได้แก่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก บมจ.บางจาก , บมจ.ไออาร์พีซี บริษัท ซัสโก้ และบริษัท ซัสโก้ดีลเลอร์ ได้แจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการเพื่อจำหน่ายน้ำมัน B20 ให้กับผู้ประกอบการรถบรรทุก จำนวน 24 ราย และเรือด่วน อีก 1 ราย ซึ่งกระทรวงพลังงาน คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

นอกจากนี้นายศิริ กล่าวถึงกรณีผู้บริหาร บริษัท โกลบอล กรีน เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ จีจีซี ยื่นหนังสือลาออก หลังพบวัตถุดิบคงคลังหายไป ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ในจำนวนสินค้าดังกล่าวมีสต็อกน้ำมันปาล์มรวมอยู่ด้วยนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ดังนั้นต้องรอผลการสรุปก่อนว่าสต็อกที่หายไปประกอบด้วยอะไรและมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง กระทรวงจึงขอใช้เวลา 2-3 วันในการติดตามข้อเท็จจริงก่อนจะแจ้งให้ทราบต่อไป แต่ยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการผลิต B20 แน่นอน

นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า น้ำมัน B20 ได้รับการตรวจสภาพโดยกระทรวงพลังงานแล้ว พบว่าเหมาะกับรถที่มีเครื่องยนต์ประเภทยูโร 1-3 ซึ่งไม่มีนัยยะสำคัญต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์ โดยเบื้องต้นมีเป้าหมายในการนำไปใช้กับรถขนส่งและรถโดยสาร 400,000 คันทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการใช้เฉพาะกลุ่มเท่านั้น โดยขณะนี้อยู่ในระยะเริ่มต้น ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้ก่อน เพราะยังไม่เกิดผลในการปฏิบัติ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"