"วีรบุรุษ-ทุรบุรุษ"ในสถานการณ์


เพิ่มเพื่อน    

       ช่วงระยะเวลาแค่ ๑๐ วัน ..........

       แทบไม่น่าเชื่อ

        ประเทศไทย เหมือนนวนิยายเล่มหนึ่ง โดยนักเขียนไร้ "รูป-นาม" ผู้หนึ่ง ประพันธ์ขึ้น

        หลากรส หลากสีสัน หลากชีวิต สารพันรูปแบบ ด้วยเรื่องราวหลากเหตุการณ์เกิดขึ้น ในพื้นที่เรียก

        "ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน"!

        การช่วย "๑๓ หมูป่าน้อย" ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง เป็นหัวใจของเรื่อง

        และตรงนั้น วันนี้ ทำให้โลก "หยุดหมุน"

        ด้วยผู้คน เรียกว่า "ทั้งโลก" ล้วนจดจ่อ รอดูการยื้อยุดชิงตัว ๑๓ หมูป่า

        ระหว่างมนุษย์ล้ำวิทยากับธรรมชาติมหัศจรรย์พันลึกที่ขุนน้ำนางนอน

        ถ้าว่า นี่คือสถานการณ์สู้รบ.....

        ก็ต้องบอกว่า ทีมบุกเข้ายึดพื้นที่ภายในถ้ำหลวง เพื่อชิงตัว ๑๓ หมูป่า

        คือ "ทีมสหประชาชาติ"

        เพราะประกอบด้วย "หลายชาติ" เข้าร่วม

        แต่ในขณะที่ชาวโลก "รู้เรา" คือรู้ศักยภาพทีมสหประชาชาติได้หมด จากข้อมูล-ข่าว

        กลับไม่สามารถ "รู้เขา" ในความเป็น "ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน" ได้เลย

        นอกจากคำบอกเล่าและเชิงชั้นอนุมานเอาทางวิทยาการศึกษา และจินตนาการ!?

        ต้องบอกว่า เหตุการณ์ ๑๓ นักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าที่เข้าไปติดอยู่ในถ้ำ

        เป็นเหตุการณ์ "สร้างปริศนา"

        ท้าทายความสามารถและวิทยาการมนุษย์ มีเสน่ห์ชวนฉงน-ชวนค้นหา ในเชิงพิสูจน์ยิ่งนัก   

        "ในเสียมีได้-ในได้มีเสีย"

        พูดในเชิงเสีย การติดถ้ำของ ๑๓ หมูป่า นั่นเราเสีย "ชั่วคราว" แน่นอน

        แต่ในเสียนั้น .......

        ไม่เพียงคนไทย-ประเทศไทย "ได้รัก-ได้สามัคคี-ได้หัวใจไทยร่วมชาติ"

        อีกทั้งได้ประสบการณ์และได้บททดสอบศักยภาพประเทศหลากด้าน เป็นการแลกเปลี่ยนแล้ว

         "สังคมโลก" ก็ได้ ...........

        การที่นานาชาติเข้ามาร่วมเป็นทีมพิชิตถ้ำชิงตัว ๑๓ หมูป่า นอกเหนือ "ด้านจิตใจ" มนุษยชาติร่วมสังคมโลกแล้ว

        การได้ปฏิบัติการใน "สถานการณ์จริง"

        นั่นหมายถึง ได้พิสูจน์-ทดสอบ ทฤษฎี วิชาการ วิทยาการด้านอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ รวมถึงศักยภาพทางบุคลากรของเขาด้วย

        เด็ก "ติดถ้ำ" เพราะฝนตก น้ำท่วม ออกไม่ได้

        ฟังดูธรรมดา ..........

        ใครๆ ก็ว่า "ง่ายมาก-ไม่ยากเลย"

        ด้วยทรัพยากรบุคคลฝึกฝนชั้นเลิศ เดินๆ ดำๆ น้ำเข้าไป เดี๋ยวก็จูงมือออกมาได้

        แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น

        ใน "ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน" ที่แม่สาย เชียงราย แห่งนี้ เห็นภายนอกเหมือนหญิงหนึ่ง นอนเหยียดยาว สยายผมห่มผืนฟ้า

        ก็ธรรมดา แต่ละขุนเขา ย่อมมีถ้ำ สายน้ำ และโตรกผา

        ด้วยวิทยาการล้ำเทคโนโลยี และด้วยบุคลากรฝึกดีแล้ว การเข้าไปค้นหา ไม่เหนือวิสัย

        แต่ทำไมล่ะ?

        ที่ "ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน" ประหนึ่งลูกตากับขนตาแท้ๆ แสนใกล้ รำไรเห็น

        ก็ได้แต่ รำไร..รำไร...

        เพราะอะไร ทำไม ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา ทั้งไทย ทั้งเทศนานา จึงยังเข้าไม่ถึง คว้าจับยังไม่ได้?

        แท้จริงแล้ว "ภายในถ้ำหลวง"..........

        ธรรมชาติสร้างลี้ลับใด อันมนุษย์สุดล้ำวิทยาการ ปกติเข้าถึง

        แต่ครั้งนี้...ที่นี่...กลับ "ยากเข้าถึง"!?

        มันก็เป็นเสน่ห์ ท้าทาย ชวนค้นหาอย่างว่า

        ซึ่งสุดท้ายแล้ว ทีมสหประชาชาติ จะสามารถเข้าถึง และนำตัว ๑๓ หมูป่า ออกมาได้ก็จริง

        แต่ผมคาดว่า "ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน"

        จะยังคงเป็นปริศนาที่มากเสน่ห์

        เป็นการบ้าน "คาใจ" ให้ทุกผู้เชี่ยวชาญและชาวโลกค้นหาคำตอบไม่รู้จบ!

        ในโลก ไม่มีมนุษย์คนไหน สร้างทฤษฎีและตำราขึ้นได้เอง

        "ทุกทฤษฎี-ทุกตำรา" ที่มนุษยชาติยอมรับ.......

        ล้วนมาจากครูบาอาจารย์ที่เรียก "ธรรมชาติสอน" ทั้งสิ้น!

        "ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน"

        กำลังสอนวิทยาการ "ด้านถ้ำ-ด้านน้ำ-ด้านภูมิศาสตร์" ขั้นเหนือไฮเทค

        นี่...ตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญ, ผู้ชำนาญการ ทั้งของไทยและของเทศ กำลังร่วมกันศึกษา

        โดย "ขุนน้ำนางนอน" เป็นอาจารย์ใหญ่

        ก็ศึกษากัน "ใกล้จบ" พร้อมรับรางวัล เป็น ๑๓ หมูป่าอะคาเดมีแล้ว!

        มีคำกล่าว......

        สถานการณ์สร้างทั้งวีรบุรุษและทุรบุรุษ ภาคพื้นสนามในสัประยุทธ์ชิงตัว ๑๓ หมูป่าจากขุนน้ำนางนอนก็เช่นกัน

        มีเรื่องราวมากหลาย หลากรส หลากจริต และล้ำมายาเกิดขึ้น

        อะไรที่ไม่ดี หากเราเก็บมาเป็นสาระร่ำไป เราก็ปริ่มๆ จะไม่ดีไปด้วย

        ฉะนั้น เลือกดู เลือกมอง เลือกถนอมเชิด แต่สิ่งดี เรื่องดี และคนดีเถอะ

        ด้วยทัศนคติ-นึก-คิดดี นั้น ทางสร้างสรรค์จะเกิดกับทั้งตัวเองและกับทั้งสังคมรวม

        พูดถึงกันมาก กล่าวขานเชิงชื่นชมกันมาก จากเนื้องานครั้งนี้ จะเรียกว่า ทั้งภาครัฐ ภาคราษฎร์ ทหาร-ตำรวจ อาสาสมัคร ที่มาร่วม

        ทั้งมวลคือ "ศรีสังคมชาติ"

        แต่มีคนหนึ่งในฐานะผู้บัญชาการพื้นที่ ขนาดที่นายกฯ ประยุทธ์ เมื่อลงไปยังต้องบอก

        ท่านผู้นี้ "สิทธิ์ขาดแต่ผู้เดียว" ในอำนาจสั่งการ

        นั่นคือ "นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร" ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย!

        ทั้งคนพื้นที่ ทั้งที่จดจ่อกันตามหน้าจอทีวี เห็นบทบาทผู้บัญชาการพื้นที่ "ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์" แล้ว ต่างซี้ดดด

        มันต้องอย่างนี้..........

        เด็ดขาด "ถึงลูก-ถึงคน" แบบนี้ ถึงจะเรียกผู้นำ

        สมตำแหน่ง "ผู้บัญชาการสูงสุด" ในการสั่งการพื้นที่

กล้า "รับผิด-รับชอบ"

        พูด..ก็ต้องพูดให้เต็มคำ

        ทำ..ก็ต้องทำให้เต็มอำนาจ

        ที่สะอาดและใช่ ต้องไม่เลือกหน้าอินทร์-หน้าพรหม!

        ข้าราชการประเทศ มีอย่างนี้ซักครึ่ง.........

        ศักยภาพประเทศจะเป็นมากกว่า "หนึ่งในอาเซียน"

        ที่พูดกันตามสื่อ ตามโซเชียลมีเดียตอนนี้ ก็ในประเด็น ว่า สถานะจริง "ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์" ขณะนี้

        ท่านถูกย้ายจากผู้ว่าฯ เชียงราย ไปเป็นผู้ว่าฯ พะเยา คำสั่งออกแล้ว ตั้งแต่เดือนเมษา.๖๑!

        ท้ายคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย ๒๔ เม.ย.๖๑ ระบุ......     "ให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป"

        ที่เห็นยังเป็น ผบ.พื้นที่เชียงรายตอนนี้ ก็อยู่ระหว่างรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

        ผู้คนบอกเสียดาย คุณภาพล้นแก้ว-ล้นขวดอย่างนี้ อยากให้อยู่เชียงรายต่อไป

        พูดไปถึงขั้นว่า เชียงรายจังหวัดใหญ่ การย้ายไปอยู่พะเยาอันเป็นจังหวัดเล็ก เหมือนถูกลดเกรด

        นั่นความเห็นทั่วไป............

        แต่ความเห็นผม ข้าราชการคนไหน ใครจะใหญ่เกิน "จังหวัด" ในความเป็นแผ่นดินประเทศไปไม่ได้

        ถ้าใครมีทัศนคติ ตัวเองใหญ่กว่าจังหวัด ก็ไม่ควรเป็นข้าราชการ

        ยิ่งตำแหน่งเจ้าเมืองด้วยแล้ว ถ้าคนไหนคิดอย่างนั้น อันตรายสุดๆ

        ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ท่านไม่ได้คิดอย่างนั้น เพียงแต่แฟนๆ คิดแทน

        พูดถึงการย้าย ความจริงผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ เดิมท่านอยู่กรมที่ดิน

        เพราะฝีมือ-ผลงาน จึงถูกดึงตัวมา เพื่อวางตำแหน่งในทางปกครองที่ท่านจะทำงานได้เต็มศักยภาพในคุณภาพของท่าน

        เป็นผู้ว่าฯ "ครั้งแรก-ที่แรก" ก็ที่เชียงรายนี่แหละ!

        ผมประเมินแล้ว ที่ย้าย ก็ย้ายตามยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี ในสารบบข้าราชการ

        ดูคุณภาพ ดูความศรัทธาในงาน และดูอายุท่าน

        งานผู้ว่าฯ เป็นงานรากฐานทางบริหารและปกครอง

        อนาคตของท่าน........

        จะต้องเติบโต บนความรับผิดชอบอีกมาก โดยใช้ความรู้ ๔ ปริญญา

        ทั้งวิศวกรรมสํารวจและสารสนเทศภูมิศาสตร์ จากในและนอกประเทศ ทั้งนิติศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์บัณฑิต

        เป็นแรงพัฒนาประเทศในระบบราชการยุค "เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก"

        ฉะนั้น จะย้าย-ไม่ย้าย หรือย้ายไปไหน ไม่สำคัญหรอก      ขึ้นชื่อว่า "ข้าวพันธุ์ดี".......

        หว่านลงพื้นไหน ก็ย่อมให้ผลิตผลดีที่นั่น ขอเพียงเป็นพื้นที่ "ประเทศไทย" เป็นได้การ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"