ผู้ว่าฯ เชียงรายประกาศข่าวดีพบทีมหมูป่าแล้ว ห่างจากหาดพัทยาไปประมาณ 400  เมตร แต่ยังไม่สามารถนำออกมาได้ ทั้งหมดปลอดภัยดีมีสภาพมีอิดโรย เนื่องจากขาดอาหารมาหลายวัน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งฟื้นฟูร่างกาย ปฐมพยาบาลภายในถ้ำก่อนไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ขอบคุณทุกฝ่าย ทุกทีมที่ช่วย และพี่น้องคนไทยทุกคนที่เป็นกำลังใจให้กัน
    ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ได้ประกาศข่าวดีว่าพบทีมฟุตบอลหมูป่าแล้ว อยู่ห่างจากหาดพัทยาไปประมาณ 400 เมตร แต่ยังไม่สามารถนำตัวออกมาได้ โดยทั้งหมดปลอดภัยดีมีสภาพมีอิดโรย เนื่องจากขาดอาหารมาหลายวัน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งฟื้นฟูร่างกาย ปฐมพยาบาลภายในถ้ำก่อนไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ขอบคุณทุกฝ่ายทุกทีมที่ช่วย รวมถึงพี่น้องคนไทยทุกคนที่เป็นกำลังใจให้กัน
    โดยวันนี้นับเป็นวันที่ 10 กับการตามหานักฟุตบอลเยาวชน ทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย 13  ชีวิต ในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 23 มิ.ย.  
    ปฏิบัติการค้นหา 13 ชีวิตเริ่มตั้งแต่เช้ามืด โดยเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.  เฟซบุ๊กเพจ Thai NavySEAL ได้เผยแพร่คลิปการทำงานของเจ้าหน้าที่หน่วยซีล พร้อมระบุว่าเมื่อวันที่  1 ก.ค.ทีมมนุษย์กบของหน่วยซีล 6 ชุดเข้าไปถึงห้องโถง 3 ที่ใช้เป็นฐานทำงาน เตรียมเชือกนำทางดำมุดช่องน้ำที่ปิดถึงเพดานถ้ำ วางเชือกนำทางไปถึงบริเวณสามแยก ในการดำน้ำมีนักดำน้ำจากประเทศอังกฤษและสวีเดนเข้าร่วมวางเชือกนำทางด้วย ซึ่งถือว่าขยับเข้าใกล้ที่หมายได้มากขึ้น
    ขณะเดียวกันการสูบน้ำก็ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง หลังจากช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ค. นายณรงค์ศักดิ์ได้ระดมอาสาสมัคร 50 คนช่วยยกท่อประปาและอุปกรณ์เพื่อสูบน้ำให้ได้มากที่สุด นอกจากนั้นที่บริเวณหน้าถ้ำเองก็มีการเจาะบ่อบาดาลเพิ่มขึ้นอีก 1 จุด โดยห่างจากจุดแรกไป 200 เมตร โดยนายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 ระบุว่าระดับน้ำลดลงอย่างมาก อาจมีสัญญาณที่ดีเร็วๆ นี้
    ด้านชุดช่วยเหลือและค้นหาของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นสร.กร.)  หรือ NavySEAL ได้มีการรายงานว่าเมื่อเวลา 04.00 น. ระดับน้ำที่จุดเริ่มดำน้ำ (โถง 3) อยู่ที่ 37 ซม.  โดยภารกิจในวันที่ 2 ก.ค.จะลำเลียงขวดอากาศ 100 ขวด รวมถึงอุปกรณ์สนับสนุน เช่น Surface  Supply, เข็มขัดตะกั่ว, แท่งเรืองแสง เป็นต้น ไปไว้ที่โถง 3 โดยใช้นักดำน้ำจากประเทศต่างๆ และจากทุกส่วนที่มาสนับสนุนช่วยในการลำเลียง และจะใช้ขวดอากาศ 100 ขวดที่นำมาไว้ที่โถง 3 เพื่อดำน้ำต่อระยะไปที่สามแยก รวมทั้งการวางเบสไลน์จากจุดเริ่มดำน้ำไปยังสามแยก (ระยะประมาณ 600 ม.) ให้เสร็จสิ้น โดยชุดซีล 6 ชุด จากนั้นจะทำการส่งนักดำน้ำเข้าสำรวจเส้นทางไป และวางแผนในการเคลื่อนตัวไปยังหาดพัทยา ซึ่งมีระยะทางประมาณ 600 ม.จากสามแยกต่อไป
    ส่วนการสำรวจโพรงถ้ำบนดอยผาหมีนั้น ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เฮลิคอปเตอร์ได้ยกเครื่องมืออุปกรณ์ดำเนินการต่อ แม้สภาพอากาศฟ้ายังปิดและมีเมฆมากก็ตาม ทั้งนี้ทีมงานจากฝ่ายบำรุงรักษาไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้นำกล้อง Borescope (กล้องงู) ซึ่งเป็นกล้องส่องในพื้นที่แคบ 2 เครื่อง ความยาว 6 เมตร และ 3 เมตร ปลายสายมีกล้องความละเอียดสูง สามารถปรับโฟกัส ทิศทางและแสงสว่างในที่มืดได้ อีกทั้งสามารถบันทึกภาพได้ทั้งวิดีโอและภาพนิ่งมาร่วมสนับสนุนปฏิบัติการสำรวจปล่องและโพรงถ้ำ 
ซีลไม่ออกนอกถ้ำหลวง
    และเมื่อเวลา 09.45 น. นายณรงค์ศักดิ์ได้แถลงความคืบหน้าการค้นหา 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมีว่า วันนี้เป็นการปฏิบัติงานวันที่ 10 ความคืบหน้าตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ก.ค.คืบหน้าดีมาก วันนี้หวังว่าจะดีอีกวันหนึ่ง โดยเมื่อคืนวันที่ 1 ก.ค.หน่วยซีลเข้าไปถึงสามแยก ซึ่งเจ้าหน้าที่แทบไม่ได้ถอนตัวออกมาเลย บางคนขาไม่ได้แตะพื้นเป็นชั่วโมง หน่วยซีลเกือบ 60 นาย และกำลังพลหน่วยสนับสนุนอีกจำนวนมากอยู่ในนั้น และมีหน่วยดำน้ำเข้าไปเสริม มีการขนขวดขวดออกซิเจนเข้าไปรวมแล้วกว่า 600 ขวด  ซึ่งสามารถปฏิบัติงานได้โดยไม่ต้องถอนออกมา ซึ่งถ้าไม่มีความจำเป็นหน่วยซีลจะไม่ออกจากถ้ำ โดยใช้โถง 3 เป็นศูนย์ปฏิบัติงาน ซึ่งระบบการสื่อสารและระบบไฟฟ้าถึงตรงนั้นหมด สามารถสื่อสารออกมานอกถ้ำได้ 
"วันนี้เราจะบุกต่อจากสามแยก แผนแรกคือเลี้ยวไปทางซ้ายก่อน หากกำลังพลเหลือพอจะให้หน่วยซีลเลี้ยวไปทางขวาด้วยเพื่อสำรวจ แต่เราต้องบุกผ่านสามแยกให้ได้ก่อน จุดวิกฤติของการดำน้ำที่สำคัญที่สุดคือ สามแยกเพื่อจะเลี้ยวซ้าย จะเป็นหลุม ขนาดขึ้นและลงอย่างแคบ รูเล็กมาก ขนาดถ้าเอาคนดำน้ำที่ติดท่ออุปกรณ์จะไม่สามารถนำเข้าไปได้เลย และมีช่องเดียวเท่านั้นที่เข้าไปได้ ดังนั้นเราจะเปิดช่องนั้นให้เข้าไปให้ได้ และรักษาช่องนั้นให้เปิดอยู่ตลอดเวลาด้วย วันนี้หน้าที่หลักคือตรงนี้ ยืนยันว่าหากเปิดได้จะรีบแจ้งทันที" นายณรงค์ศักดิ์กล่าว 
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า ข่าวที่ออกไปว่าถึงจุดพัทยาบีชแล้วนั้นยืนยันว่าไม่จริง แม้น้ำตรงโถง 3 จะยุบลงไปไม่มาก แต่จุดอื่นลดลงไปจำนวนมากแล้ว ตอนนี้แผนหลักคือนำเด็กออกมาปากถ้ำ ส่วนแผนรองคือการเข้าช่องทางอื่น ล่าสุดสำรวจโพรงเบื้องต้นมี 6 จุดที่สามารถเข้าไปในถ้ำได้จากภายนอก โดยมี 2 จุดลึกที่สุด 200 เมตร และ 60 เมตร ส่วนการระบายน้ำเป็นไปได้ด้วยดี แม้ปริมาณหน้าถ้ำจะยังมีอยู่แต่ภายในลดลงเป็นที่น่าพอใจ นอกจากนี้ขอความร่วมมือจิตอาสาที่จะมาร่วมปฏิบัติการ ขอให้ลงทะเบียนแสดงตัวตน เพื่อจะได้มอบหมายงานที่ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หากไม่มีการลงทะเบียนทางหน่วยงานราชการจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
ในเวลา 13.30 น. กฟผ.ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ปรับระบบสูบน้ำภายในถ้ำ โดยใช้เครื่องสูบน้ำเทอร์โบเจ็ตหรือเครื่องพญานาค 4 เครื่อง แบบหอยโข่ง แบบไดโว ซึ่งเป็นเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า 7 เครื่อง และกาลักน้ำ 2 ท่อ และกำลังติดตั้งเพิ่มอีก 2 ตัว ระบายน้ำบริเวณภายนอกจากถ้ำสู่หนองน้ำพุกับหนองน้ำนางนอน 
    และในเวลา 14.30 น. ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักหลังจากฟ้าครึ้มมาตลอดในช่วงเช้า ทำให้เจ้าหน้าที่ จิตอาสา และอาสาสมัครที่ปฏิบัติงานอยู่ด้านนอกถ้ำต้องเข้าไปหลบกันในเต็นท์ชั่วคราว ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ภายในถ้ำยังคงปฏิบัติงานช่วยเหลือ 13 ชีวิตอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุด โดยฝนตกลงไม่นานเพียง 5 นาที
    ส่วนนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เผยว่าผลการทำบายพาสน้ำออกจากถ้ำหลวงขุนน้ำ-นางนอน ได้ก่อสร้างฝายเพื่อผันน้ำข้ามพื้นที่รอยแตกเป็นระยะทาง 350 เมตร ที่คาดว่าเป็นจุดที่น้ำไหลเข้าไปเพิ่มเติมในถ้ำจำนวน 2 ฝายเสร็จแล้ว โดยฝายแห่งที่ 1 ใช้ท่อผันน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ยาว 400 เมตร จำนวน 4 แถว สามารถผันน้ำได้มากกว่า 0.2 ลบ.ม./วินาที ฝายแห่งที่ 2  ใช้ท่อผันน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ยาว 400 เมตร จำนวน 3 แถว สามารถผันน้ำได้มากกว่า  0.15 ลบ.ม./วินาที และใช้ร่วมกับท่อลำเลียงน้ำของชาวบ้านที่มีอยู่เดิม 0.05 ลบ.ม./วินาที รวมทั้งสิ้นสามารถผันน้ำได้มากกว่า 0.4 ลบ.ม./วินาที ซึ่งมีอัตราการผันน้ำรวม 34,560 ลบ.ม./วัน ในกรณีที่ระบายน้ำเต็มศักยภาพของท่อผันน้ำ 
น้ำลด 1 ซม.ต่อชั่วโมง
    ในช่วงเย็นนายณรงค์ศักดิ์แถลงความคืบหน้าในการปฏิบัติงานอีกครั้งว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมชลประทานได้ปิดช่องน้ำที่ห้วยน้ำดั้งแบบถาวรตรงดอยผาหมี ทำให้ไม่มีน้ำไหลเข้ามาอีกแล้ว ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นลำน้ำแห่งหนึ่งที่น้ำไหลเข้ามาในถ้ำหลวง ในส่วนการทำงานของหน่วยซีลอยู่ใกล้เคียงกับตำแหน่งเดิมเมื่อช่วงเช้า แต่การวางเบสไลน์และการแขวนขวดออกซิเจนประสบความสำเร็จมาก โดยจะวางต่อเนื่องเพื่อให้มีออกซิเจนเพียงพอที่จะรุกไปเรื่อยๆ และขณะนี้มีการเพิ่มกำลังซีลมาอีก 20 นาย รวมทั้งมีซีลนอกราชการกลับมาช่วยด้วย
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า ส่วนการสูบน้ำทางตอนใต้ที่ถ้ำทรายทองได้ทำสำเร็จ 2 จุด ซึ่งระดับน้ำในภาพรวมลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ตอนนี้จะมีน้ำไหลเข้ามาบ้างแต่อัตราลดลงประมาณ 1 เซนติเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเราพอใจ ขณะที่การสูบน้ำบริเวณหน้าถ้ำใช้เครื่องสูบน้ำ 9 ตัว ที่ระยะ 1,500 เมตร ตอนนี้จะเพิ่มช่วงระยะ 300 เมตร ถึง 1,500 เมตร โดยจะติดตั้งเครื่องสูบอีก 6 ตัวเพื่อเร่งดึงน้ำให้ได้มากที่สุด ซึ่งเครื่องสูบน้ำพญานาคที่มีการนำมาจากจังหวัดนครปฐมถือว่าสูบได้รวดเร็วมาก ส่วนน้ำที่ต้องระบายลงไปข้างล่างต้องขอบคุณพี่น้องเกษตรกรที่เสียสละ ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวนา โดยจะเชิญเกษตรอำเภอและท้องถิ่นมาสำรวจประเมินความเสียหาย แต่เบื้องต้นไม่ได้มากมายเท่าไหร่ 
    นายณรงค์ศักดิ์กล่าวอีกว่า ที่สงสัยกันว่าจะขนย้ายน้องๆ ออกมาได้หรือไม่ ขอชี้แจงว่าโดยข้อเท็จจริงน้องๆ ต้องรักษาพลังงานในระบบร่างกายของมนุษย์ ถ้าประมาณ 10 วันร่างกายจะเซฟตัวเอง ระบบน้ำย่อยจะไม่ออกมากัดกระเพาะ จะมีการนำพลังงานจากกล้ามเนื้อและไขมันที่สะสมไว้มาใช้ ตรงนี้จะทำให้รักษาชีวิตไว้ได้ ซึ่งตามทฤษฎีจริงๆ มนุษย์สามารถอยู่ได้ 30 วัน และเรายังมีหวังอยู่ เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความหวัง ส่วนการเคลื่อนย้ายนั้นขณะนี้มีแพทย์ที่สามารถดำน้ำได้อยู่ในทีมที่อยู่ในถ้ำแล้ว หากพบคงจะเข้าไปดูใกล้ๆ ว่าน้องๆ ไหวหรือไม่ ถ้าขยับเขยื้อนหรือดูแลตัวเองได้ระดับหนึ่งเราถึงจะเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะผ่านทางปากถ้ำหรือออกทางปล่อง ดังนั้นช่องทางต่างๆ เหล่านี้ต้องได้รับการประเมินชัดเจนจากทีมแพทย์ที่ดูแลชัดเจนว่าสามารถเคลื่อนย้ายได้แล้ว ถ้าเคลื่อนย้ายไม่ได้จะจัดส่งแพทย์และพยาบาลไปดูแล 
    "ผมเชื่อว่าน้องเขายังอยู่ดี และในระยะเวลาอันใกล้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะประสบความสำเร็จ" นายณรงค์ศักดิ์กล่าว
    นายจงคล้าย วรพงศ์ธร รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า จะสำรวจต่อไปเรื่อยๆ อีกว่ามีจุดอื่นอีกหรือไม่ที่สามารถสูบน้ำเพื่อช่วยหน่วยซีลที่ทำงานอยู่ในถ้ำหลวงอีกแรงหนึ่ง
    ด้าน พล.ต.สุภโชค ธวัชพีระชัย รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า กองทัพบกได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยการปฏิบัติงานบนเขาอีกเป็นร้อยชีวิตเพื่อสำรวจโพรงต่างๆ ซึ่งขณะนี้ 2 ใน 6 โพรง มีโพรงหนึ่งมีความลึกอยู่ที่ประมาณ 400 เมตร ซึ่งพบว่ายังสามารถไปได้อีก ส่วนอีกโพรงเข้าไปได้ 50 เมตร ซึ่งยังไปได้อีกเช่นกัน ขณะที่ 4 โพรงที่เหลือขนาดนี้รอรับรายงานอยู่ ส่วนงานด้านการขุดเจาะ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.เริ่มลำเลียงเครื่องมือเครื่องจักรขึ้นไปแล้ว ซึ่งถ้าลำเลียงเสร็จก็จะสามารถขุดเจาะกันได้ ส่วนจุดไหนไม่สามารถลำเลียงเครื่องมือขนาดใหญ่ได้จะปรับแผนให้ใช้เครื่องมือเล็กลง
ชี้ 1-2 วันนี้เป็นโอกาสทอง
    ขณะเดียวกัน พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า ทอ.ได้สนับสนุนเครื่องบิน ในภารกิจขนย้ายอุปกรณ์ เช่น เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่และบุคลากร รวมถึงได้วางกำลังเพื่อจัดการจราจรทางอากาศที่ 15 กิโลเมตร รอบพื้นที่ถ้ำหลวง ระดับความสูงถึง 25,000 ฟุต โดยเข้าควบคุมพื้นที่ทางอากาศทั้งหมด ซึ่งใช้เจ้าหน้าที่จากสถานีเรดาร์ดอยอินทนนท์เป็นหลักตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา 
“เชื่อว่าใน 2 วันนี้ถือเป็นช่วงที่มีปริมาณฝนน้อยที่สุด มั่นใจว่าจะเป็นโอกาสทองที่เจ้าหน้าที่จะลุยภารกิจเข้าไปค้นหา ซึ่งนับเป็นวันดีเดย์ก็ว่าได้ และขอให้พบ 13 ชีวิต และให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปลอดภัย”พล.อ.อ.จอมระบุ
    สำหรับความเคลื่อนไหวในส่วนกลาง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวเป็นระยะ ซึ่งมีความคืบหน้าตามลำดับ และคาดว่าในวันที่ 2 ก.ค.เจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าถึงจุดที่คาดว่าเด็กและโค้ชรวม 13 ชีวิตอยู่ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่ช่วงเวลา 04.00 น.เป็นต้นมา โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้รายงานเรื่องนี้มาเป็นระยะ แต่หากเข้าไปถึงแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเด็กจะยังอยู่จุดนั้นหรือไม่ ซึ่งคาดหวังว่าเด็กจะยังอยู่ในจุดดังกล่าว โดยทุกหน่วยงานยังคงทำงานเต็มที่เพื่อช่วยเหลือทุกชีวิตออกมาให้ได้
    พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนช่วยกันส่งกำลังใจในการค้นหาเด็กและโค้ชทั้ง 13 คนที่ติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนให้ปลอดภัย และกลับมาสู่ครอบครัวทุกคน ขอให้ช่วยกันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีในขณะนี้
ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้การสูบน้ำเพื่อให้พร่องออกจากภายในถ้ำเป็นไปด้วยดี ทำให้เอื้อต่อการดำเนินการของหน่วยซีลที่เข้าไปในพื้นที่ ซึ่งทุกฝ่ายก็พยายามดำเนินการอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทุกจุด ในการหาหนทางเข้าไปช่วย 13 ชีวิต ที่บอกกันว่าใกล้แล้วๆ ก็มีความหวังไว้อย่างนั้นเช่นกัน
    พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่า คสช.มีความห่วงใยและยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนต่างร่วมแรงร่วมใจกันค้นหาและติดตาม 13 ชีวิตเพื่อนำเขาเหล่านั้นกลับมาสู่อ้อมกอดของครอบครัว โดยรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนรวมถึงมิตรประเทศได้นำเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย รวมถึงยังมีนักดำน้ำ นักปีนเขา และนักไต่หน้าผามาช่วยกัน ถือเป็นความร่วมมือของมวลมนุษยชาติ ซึ่งทุกคนก็ปรารถนาและหวังว่าจะได้รับข่าวดี 
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ยืนยันถึงการช่วยเหลือนักเตะและโค้ชทั้ง 13 คนว่า มีการเตรียมการไว้ 2 ด้าน คือ 1.เตรียมเฮลิคอปเตอร์ 6 ลำ สามารถส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้ภายใน 15 นาที และ 2.หากฟ้าปิดก็จะเคลื่อนย้ายด้วยรถพยาบาลกู้ชีพฉุกเฉิน โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งมีการเตรียมรถไว้ 13 คัน สามารถทำการเคลื่อนย้ายได้คันละ  1 คน โดยระหว่างทางที่อยู่ในรถก็จะสามารถดูแลทั้งเรื่องสุขภาพและการติดเชื้อทั้งในเด็กและผู้ดูแลได้เลย
      “เมื่อถึง รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ก็จะสามารถดูแลรักษาได้ทุกอาการ เพราะเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของ สธ.และมีมาตรฐานระดับนานาชาติ” นพ.ปิยะสกลกล่าว.