หลังจากรถไฟฟ้าบีทีเอส เกิดการขัดข้องตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ถือว่าได้สร้างความโกลาหลให้แก่ผู้ใช้บริการอย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันพบว่าการใช้ระบบขนส่งสาธารณะจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนเมืองกรุง ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งใดก็แล้วแต่ แต่สำหรับรถไฟฟ้าบีทีเอส ปัจจุบันถือว่าครอบคลุมในเส้นทางหลักๆ เปลี่ยนถ่ายจากนอกเมืองเข้าสู่ในเมืองได้อย่างรวดเร็ว

        ดังนั้น ผู้คนส่วนใหญ่จึงนิยมใช้รถไฟฟ้า แต่ใครจะคาดคิดว่าจู่ๆ การให้บริการเกิดการขัดข้องอย่างกะทันหันทำให้ผู้ใช้บริการระบบขนส่งต้องเผชิญหน้าชะตากรรมการเดินทางไปทำงานในช่วงเช้าที่แสนทรมาน เมื่อเวลาประมาณ 06.15 น. โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งผ่านระบบกระจายเสียงว่าจะแก้ไขภายในไม่กี่นาที แต่สุดท้ายแล้วกว่าจะใช้บริการได้อีกครั้งก็กินเวลาไปเกือบ 4 ชั่วโมง ถือว่านานมากกับการรอคอย

        และตลอดทั้งวันผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสจะได้ยินเสียงประกาศแจ้งว่า ขบวนรถจะล่าช้า 10 นาที ผู้โดยสารโปรดเผื่อเวลาการเดินทาง เช่น เวลา 06.20 น. รถไฟฟ้าที่ขัดข้องได้รับการแก้ไขและนำออกจากระบบให้บริการแล้ว ขบวนรถจะล่าช้า 10 นาที ผู้โดยสารโปรดเผื่อเวลาการเดินทางเวลา 06.52 น. ระบบอาณัติสัญญาณในสายสีลมและสายสุขุมวิทได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว การเดินรถกลับสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ ผู้โดยสารจะคุ้นหูกับการแจ้งเตือนตลอดทั้งวัน

        เหตุการณ์ดังกล่าวร้อนถึงกระทรวงคมนาคม เรียกให้ทางผู้บริหารของบีทีเอสเข้ามาชี้แจงถึงกรณีประชาชนร้องเรียนถึงการเสียบ่อยของบีทีเอสว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เนื่องจากเดือนมิถุนายนเกิดการขัดข้องมากที่สุด

        โดย นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ยอมรับว่าเดือนมิถุนายนนี้มีการขัดข้องมากที่สุดในช่วงหลายปี โดยเกิดจากการเปลี่ยนสัญญาณวิทยุในระบบอาณัติสัญญาณเป็น Wireless เพื่อรองรับการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะติดตั้งทุกสถานีรวมถึงขบวนรถไฟฟ้า 52 ขบวน โดยจะติดตั้งแล้วเสร็จในวันที่ 29 มิ.ย.นี้

        ทั้งนี้ ยืนยันว่าปรับเปลี่ยนระบบแล้ว จะขัดข้องน้อยลง และมีความเสถียรมากขึ้น ส่วนการดูแลผู้โดยสาร บีทีเอสยินดีชดเชยให้ แต่ขอหารือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก่อน ส่วนการเข้าร่วมกับบัตรแมงมุมนั้น บีทีเอสยินดี แต่เวลานี้ระบบบัตรแมงมุมยังไม่ลงตัว อาจเข้าร่วมในรูปแบบบัตรอีเอ็มวีในอนาคตแทน

        ด้าน อาณัติ อาภาภิรม กรรมการบริษัท รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส กล่าวชี้แจงว่า ในการจัดทำสถิติการขัดข้องของรถไฟฟ้าบีทีเอส ในแต่ละเดือนนั้น บีทีเอสไม่ได้ให้ความสำคัญกับจำนวนครั้ง แต่ให้ความสำคัญกับการดูแลให้ผู้โดยสารเดินทางได้ตรงเวลาในสถิติล่าช้าไม่เกิน 5 นาที ซึ่งขณะนี้ระบบเดินรถของบีทีเอส ยังดำเนินการได้มาตรฐาน 99.5%

        ส่วนสาเหตุของการขัดข้องในวันดังกล่าวนั้น เบื้องต้นมาจากปัญหาระบบอาณัติสัญญาณถูกคลื่นวิทยุสื่อสารรบกวน จึงจำเป็นต้องปรับระบบจากเดินรถอัตโนมัติมาเป็นเดินรถแบบแมนนวล แต่ปัญหาคลื่นวิทยุสื่อสารเป็นการก่อกวนหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องไปตรวจสอบ แต่เบื้องต้นยอมรับว่าเส้นทางของรถไฟฟ้าบีทีเอสที่วิ่งผ่านใจกลางเมือง มีตึกสูงจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาคลื่นวิทยุรบกวนอาณัติสัญญาณบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่อยากโทษใคร และพยายามแก้ไขปัญหาไปตามอุปสรรคที่เกิดขึ้น

        อย่างไรก็ตาม จากการใช้บริการที่เกิดขึ้นรอบปีที่ผ่านมาจนถึงเหตุการณ์ครั้งล่าสุด พบปัญหาขัดข้องยาวนานในช่วงเช้า ตามมาด้วยปัญหาช่วงกลางวันซ้ำอีกครั้ง ทำให้โลกโซเชียลทนไม่ได้ ในเวลาต่อมามีการติดแฮชแท็ก “ยกเลิกสัมปทาน BTS” หลังจากที่สัญญาสัมปานของบีทีเอสคงอยู่ถึงปี 2572 ถือว่าบทเรียนครั้งนี้บีทีเอสคงจะถือเป็นบทเรียนสำคัญ ว่าหากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้บริการได้รับทราบข่าวโดยเร็ว ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดาไปต่างๆ นานาว่าเกิดอะไรขึ้น ที่สุดแล้วบีทีเอสเองที่จะมีแต่เสียกับเสีย

      แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น กินเวลานานเป็นวันๆ กว่าที่ผู้บริหารจะออกมาชี้แจงถึงข้อเท็จจริง และกว่าจะมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารองรับในการเดินทางด้วยระบบขนส่งอื่นๆ ถือว่ายังล่าช้านัก ก็ได้แต่หวังว่าจากนี้ไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นซ้ำรอย แม้ว่าขณะนี้รถไฟฟ้าบีทีเอสจะกลับมาให้บริการเป็นปกติแล้วก็ตาม.