โฆษกรัฐบาลปัดไฟเขียว "กลุ่มสามมิตร"   สุมหัว รับห้ามนัดกินข้าว-ตีกอล์ฟไม่ได้ หวั่นถูกถอนหงอก ชี้ทำกันทุกกลุ่ม ย้ำจัดประชุมพรรคเกิน 5 คนต้องดำเนินการตาม กม. "ภิรมย์" แจงกลุ่มสามมิตรไม่ใช่พรรคจึงไม่ผิด กม. อ้างไม่ได้ดูด ส.ส. แต่ดูดความคิดมาพัฒนาชาติ ปูด ส.ส.พท.ไม่อยากเป็นฝ่ายค้าน พท.ยัน "สันติ" ไม่คิดย้ายพรรค ปชป.การันตี "อภิรักษ์" ยังอยู่ จับตาดูด ส.ส.ผิด พ.ร.ป.พรรคการเมือง ห้ามสัญญาว่าจะให้ประโยชน์อื่นใด 
    เมื่อวันอาทิตย์ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองโจมตีว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สองมาตรฐาน ปล่อยให้กลุ่มสามมิตรสามารถเดินสายพูดคุยกับอดีต ส.ส.ได้ แต่ยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมือง ว่า เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะกลุ่มไหน ทั้งกลุ่มที่ชื่นชมหรือกลุ่มที่มีความคิดเห็นตรงกันข้าม ทุกคนต้องอยู่ในกฎกติกาเดียวกัน อะไรที่ถูกกฎหมายท่านทำได้ไม่ว่า อะไรที่ผิดกฎหมายก็ทำไม่ได้เหมือนกัน เรื่องการพบปะ ไปกินข้าวกัน ไปตีกอล์ฟกัน ไปห้ามลำบาก และไม่ใช่แค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำ แต่ทำกันทุกกลุ่ม เรื่องบางเรื่องถ้า คสช.ไปห้ามปรามก็จะถูกถอนหงอกเอาว่ามนุษย์ในสังคมกินข้าวกันไม่ได้หรืออย่างไร ตีกอล์ฟกันไม่ได้หรือในเมื่อเป็นเพื่อนกัน
      พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่แค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ตนก็เจอมากับตัว พบเห็นนักการเมืองคนละพรรคมารับประทานอาหารร่วมกัน 5-6 คน ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเป็นการรับประทานอาหารร่วมกัน ถ้าหากไปยุ่งก็จะโดนด่าว่าทำไมคนรู้จักกันกินข้าวด้วยกันไม่ได้หรืออย่างไร ไปตีกอล์ฟ ไปออกกำลังกาย ใครจะไปทำอะไรได้ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่สังคมรับทราบและคสช.ก็รับทราบดีว่าบุคลิกลักษณะของสังคมไทยเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นอะไรที่ถูกต้องตามกฎหมายท่านทำเถอะ ไม่มีใครว่า อะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างมากเกินไป เช่น การประชุมพรรคคงไม่ได้ 
    "คสช.ก็ระวังไม่ทำอะไรที่ให้ถูกตำหนิกลับมาว่าปัดโธ่ ระวังหน่อยระหว่างเรื่องที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายกับเรื่องวัฒนธรรมสังคมไทย เราระวังเรื่องนี้อยู่แล้ว ฉะนั้นถือว่าเป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่ถ้ากลุ่มที่สนับสนุนไปจัดการประชุมพรรคเกิน 5 คน คสช.ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพียงแต่วันนี้พรรคการเมืองพยายามจะสร้างกระแสปลุกประเด็น คสช. มีมาตรฐานที่แตกต่าง ซึ่งไม่มีหรอก มีมาตรฐานเดียว ซึ่งนายกฯอยากใช้เวลา สมาธิในการเรื่องงาน เรื่องการเมืองอย่าไปอินกับมันมาก เป็นเรื่องอนาคต" พล.ท.สรรเสริญ  กล่าว
    ที่ จ.นครราชสีมา นายภิรมย์ พลวิเศษ เลขาฯ กลุ่มสามมิตร คณะทำงานประสานงานประชาสัมพันธ์ผู้เข้าร่วมกลุ่มสามมิตร แกนนำ จ.นครราชสีมา ได้มีการนัดหมายหารือความคืบหน้าการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 3 เขต กล่าวว่า เหตุผลที่กลุ่มสามมิตรอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอย่างเต็มที่ เพราะที่ทำให้นายกฯ เป็นขวัญใจคนยากคนจนคือ ให้คนที่มีรายได้น้อยมีเงินเดือน วันนี้จาก 300 บาทเป็น 500 รวมทั้งเรื่องราคาพืชผลการเกษตร เช่น ข้าวหอมมะลิวันนี้ 19 บาทต่อ กก., มันสำปะหลังราคาสูงเกือบ 4 บาทแล้ว, ข้าวโพด 10 บาท, น้ำมันปาล์ม 4 บาท และราคาทุเรียนเป็นเศรษฐีทุกคน  ตนจะเสนอให้นายกฯ ประยุทธ์ให้ยุบห้องพิเศษหรือห้อง VIP ของโรงพยาบาลของรัฐ ทั้งประจำอำเภอและประจำจังหวัดทุกแห่ง ถ้าทำเรื่องนี้ได้ จะได้ใจคนยากจนคนของประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ        
     ส่วนอดีต ส.ส.บางพรรคกล่าวหาว่ากลุ่มสามมิตรมีคสช.หนุนหลัง สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้นั้น  นายภิรมย์กล่าวว่า กลุ่มสามมิตรไม่ใช่พรรค เมื่อไม่ใช่พรรคก็ไม่ผิดกฎหมาย เราทำงานเพื่อแลกเปลี่ยนกับกลุ่มปัญหา ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร หรือ คสช. ตนก็ยังไม่เคยพบ ไม่ได้คุยกันสักที แต่เห็นว่า คสช.หรือรัฐบาลทำงานถูกใจพวกตน ประชาชนส่วนใหญ่ก็ถูกใจ อดีต ส.ส., ส.ว.ก็ถูกใจ ก็แค่นี้ กว่าจะเลือกตั้ง 7-8 เดือน กลุ่มสามมิตรจะเดินสายไปทุกจังหวัด ทุกกลุ่มภาค
    "ที่ถูกโจมตีจากพรรคเพื่อไทยว่าไปดูดแล้วเอาเงินมาจากไหน ผมถามว่าท่านรัฐมนตรีปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข เป็นเจ้าของโรงโม่ เจ้าของทำรับเหมาชั้นหนึ่งกรมทางหลวงปีละหลายพันล้าน เราจะไปดูดเขากี่ล้านเขาถึงจะมา หรือมีข่าวว่านายสันติ พร้อมพัฒน์ ที่เปิดตัวจะมาจะเอาเงินไปซื้อกลุ่มนายสันติได้ไหม ยังมีข่าวนายวิรัช รัตนเศรษฐ ในโคราชก็รู้ว่าท่านยิ่งใหญ่แค่ไหนเรื่องเงินเรื่องทอง ฉะนั้นอย่าคิดว่าพวกเราจะไปดูดเรื่องเงิน แต่ไปดูดสมอง ดูดความคิด ที่จะมาพัฒนาประเทศชาติมากกว่า  ถ้ามีเงินมันต้องดังกว่านี้ ถ้าคนละ 40-50 ล้าน ถ้า 100 คนก็ 5,000 ล้าน จะใช้กี่รถตู้ขนเงินไปจ่ายเขา แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเขา พวกเราเอาสมองเอานโยบายนำหน้า เราไม่ดูด ที่สอบถามอดีต ส.ส.เพื่อไทยที่มาร่วมกันบอกว่า ไม่อยากเป็นฝ่ายค้าน“ นายภิรมย์กล่าว 
    นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำพรรคเพื่อไทยจะย้ายไปร่วมงานกับกลุ่มสามมิตรว่า เป็นข่าวปล่อยออกมาเพื่อสนับสนุนกระแสดูด สร้างความสับสนให้กลุ่ม ส.ส.ที่เขาจะไปดูด จากการพูดคุยกันของผู้ใหญ่ภายในพรรคกับนายสันติ ยืนยันไม่คิดย้ายไปไหน แต่เจ้าตัวไม่อยากออกมาตอบโต้ เพราะเป็นเรื่องไร้สาระ ช่วงนี้เมื่อเขาเตรียมไปประชุม ครม.สัญจรที่ภาคเหนือ ก็ต้องสร้างกระแสข่าวขย่มออกมาเผื่อผลไม้จะหล่นลงมาบ้าง เป็นยุทธศาสตร์อย่างหนึ่ง แต่ไม่มีอดีต ส.ส.เกรดเอในภาคเหนือคิดย้ายพรรค ทำเช่นนี้ถือเป็นวิธีสกปรก แสดงให้เห็นความไม่จริงใจที่จะปฏิรูปการเมือง ไปให้ท้ายคนที่เดินเกมการเมืองแบบเก่าที่เดินสายดูดน้ำโคลน ทั้งนายบ่อนนายไพ่ เข้ากลุ่มเพื่อสืบต่ออำนาจ                 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นักการเมืองในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนยังคงเหนียวแน่นกับพรรคเพื่อไทย ส่วนที่มีรายชื่อก่อนหน้านี้เป็นผู้ที่ออกจากพรรคไปนานแล้ว และไม่ได้ถูกวางตัวเป็นผู้สมัครเมื่อปี 2556 ด้วย ยอมรับว่ากังวลเกี่ยวกับมาตรฐานการควบคุมดูแลของ คสช. หลังมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตร แต่กลับไม่ถูกจับตา แต่พรรคเพื่อไทยกลับถูกดำเนินคดี จึงอยากเรียกร้องให้ผู้บังคับใช้กฎหมายใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 30 ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองหรือผู้ใด ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เพื่อจูงใจให้บุคคลสมัครเข้าเป็นสมาชิก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี มีโทษปรับให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง และนำไปสู่การยุบพรรค นับเป็นความผิดทางการเมืองที่รุนแรง และสวนทางกับการปฏิรูปการเมือง ทั้งมีการเสนอเงินและงบประมาณ หรือคำสัญญาที่จะช่วยเหลือเรื่องคดีความ และจะช่วยให้อดีต ส.ส.ที่ถูกดูดรอดพ้นจากคดี หากช่วยเหลือตามที่สัญญาไว้ จะต้องเข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำลายระบบนิติรัฐของประเทศหรือไม่
    "รัฐบาล คสช.มาแล้วก็ไป แต่ กกต.ควรจะสนใจ ใส่ใจในเรื่องเหล่านี้ เพราะงบจัดการเลือกตั้ง 5,000 ล้านบาท หากทำได้เท่านี้ก็ควรพิจารณาตัวเอง ทำอย่างไร กกต.จึงจะเป็นองค์กรที่เป็นหลัก และเป็นที่พึ่งของประชาชน สุจริตและเที่ยงธรรม โดยเสมอภาค ไม่นำองค์กรไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อการสืบทอดอำนาจของใคร" นายอนุสรณ์กล่าว 
    นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การดูด ส.ส.สำหรับในพื้นที่นนทบุรีก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยเริ่มแรกมีคนของรัฐบาล แต่ภายหลังเปลี่ยนเป็นอดีต ส.ส.ที่สนใจเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์มาพูดคุย เพื่อทาบทาม ส.ส.พรรคเพื่อไทยใน จ.นนทบุรี โดยมีข้อเสนอที่คล้ายการดูด ส.ส.ภาคอีสาน เช่น ค่าใช้จ่ายในการหาเสียง ตำแหน่งหลังเลือกตั้ง เป็นต้น แต่ไม่ทราบว่ามีการเสนอเงินและการเคลียร์คดีความด้วยหรือไม่ แต่ ส.ส.นนทบุรีไม่มีปัญหาเรื่องคดีความ เรื่องนี้เป็นดุลพินิจของ ส.ส.แต่ละคน ซึ่งเมื่อย้ายสังกัดจะต้องคำถามประชาชนให้ได้ว่าไปด้วยอุดมการณ์หรือเหตุอื่นใด
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจะต้องสร้างบรรยากาศและระมัดระวัง ให้ช่วงที่จะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยมีความโปร่งใส ไม่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย ไม่ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ และไม่เป็นธรรมทางการเมือง ทั้งที่ควรมีการดำเนินการทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ที่ล่าสุดมีข่าวดึงตัวนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่านายอภิรักษ์ยังเป็นสมาชิกพรรคระบบบัญชีรายชื่ออยู่ เพียงแต่ขณะที่เจ้าตัวขอเวลาดำเนินธุรกิจในขณะนี้ก่อน  ซึ่งตนไม่สามารถคาดการณ์แทนหรือตอบได้ว่าอนาคตนายอภิรักษ์จะลงเล่นการเมืองหรือไม่
    ส่วนประเด็นดูด ส.ส.ของกลุ่มการเมืองจะขัดต่อกฎหมาย พ.ร.ป.พรรคการเมืองหรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องไปดูว่าขัดกฎหมายหรือไม่  และ คสช.ควรเร่งหาข้อสรุปโดยนำเรื่องที่มีการหารือกับพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไปแก้ไขคำสั่งคสช. หรือกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองตามกฎหมาย.