ใบสั่งลอบเผาวางเพลิงบ่อนวัวชน “นาบินหลา” ใหญ่สุดของเมืองตรัง ราดน้ำมันโซล่ารอบบ่อน เดชะบุญมีคนเฝ้ามาช่วยดับไว้ทัน ขณะที่แก๊งคนร้ายเหิมเกริมท้ายกฎหมาย ขับรถ จยย.นั่งซ้อน 3 สะพายปืนสงครามเอ็ม 16 กราดยิงถล่ม 4 จุด รอบบ่อนวัว พยานระบุมีรถยนต์กระบะสีขาวขับรถคอยคุ้มกัน สนามวัวชนเมืองตรัง และกราดอาวุธปืนสงครามยิงถล่ม 4 จุดกลางดึก

เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 30 มิ.ย.61 พ.ต.ต.โอภาศ ไชยบุญ สารวัตรเวร (สอบสวน) สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งจาก นายวิชัย ดำรงศักดิ์ อายุ 60 ปี เจ้าของสนามวัวชนนาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง เป็นสนามชนโคที่ใหญ่ที่สุด ว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ลักลอบเข้ามาราดน้ำมันเผาสนามชนโค ได้รับความเสียหาย และยังมีร่องรอยกระสุนปืน หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมพงศ์ ทองใบ ผบก.ภ.จว.ตรัง พ.ต.อ.ประดิษฐ์ ชัยพล ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง พ.ต.ท.พงศ์ปณต ชูแก้ว รอง ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง พร้อมกำลังชุดสืบสวนฯ นายนันธวัช เจริญวรรณ นายอำเภอเมืองตรัง นายชลธี ตะหมัง กำนัน ต.นาบินหลา ก่อนแจ้งประสานไปยัง ตร.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นสนามชนโคนาบินหลา อ.เมืองตรัง จุดแรกบริเวณอัฒจรรย์ชั้นวีไอพี มีร่องรอยไฟไหม้ เก้าอี้ได้รับความเสีย 3 ตัว และมีกลิ่นน้ำมันดีเซล กลิ่นฟุ้งกระจาย และทราบว่าคนร้ายราดน้ำมันเป็นทางยาวไปรอบเกือบทั่วสนาม โชคดีที่มีคนมาเห็นดับไฟไว้ได้ทัน ประกอบกับก่อนหน้าช่วงกลางวันมีฝนตกลงมาอย่างหนัก จุดที่ 2 ห่างจากบ่อนวัวชนรัศมีประมาณ 50-100 เมตร คนร้ายใช้รถ จยย.ซ้อน 3 คนนั่งท้ายสะพายอาวุธปืนสงครามชนิด เอ็ม 16 กราดยิง คอกพักวัวชนหลายนัด มีผู้เสียหาย คือ นายสุวิทย์ สะดี จุดที่ 3 ยิงโดนรถยนต์กระบะเสียหาย 2 คันจอดอยู่หน้าคอกพักวัว เป็นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนด์เทา ทะเบียน บฉ 5965 ตรัง และรถยนต์กระบะบิตซูบิตชิ รุ่นสตาร์ด้า สีดำ ทะเบียน บต 9994 กระบี่ จุดที่ 4 ยิงคอกพักวัว นายโยธิน สังฆรักษ์ และจุดที่ 5 ยิงคอกวัวของ นายธีระพร อยู่ทน หรือ “เอก แอร์พอร์ต” เซียนวัวชนคนดังเมืองตรัง ที่เด็กนอนเฝ้าอยู่อีกหลายนัด เดชะบุญไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากการตรวจสอบหาหลักฐานบริเวณที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่ จำนวน 4 ปลอก และหัวกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 2 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ขณะที่แนวทางการสืบสวนสอบสวน ทราบว่าก่อนเกิดเหตุคนร้ายขับรถ จยย.ไม่ทราบสีและยี่ห้อนั่งซ้อนท้ายมาด้วยกัน 3 คน ส่วนคนซ้อนท้ายสะพายอาวุธปืนยาว คาดเป็นอาวุธปืนชนิดเอ็ม 16 และมีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีขาว (ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน) ขับรถตระเวนกราดอาวุธปืนยิงถล่มอย่างคึกคะนองตลอดเส้นทาง ก่อนขับหลบหนี ทั้งนี้ทราบว่าเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา มีคนไปพบน้ำมันดีเซล จำนวน 50 ลิตร บรรจุอยู่ในแกลลอน ซุกซ่อนอยู่ในป่าทางทิศตะวันออกของบ่อนชนวัว ทั้งนี้ล่าสุดทาง พล.ต.ต.สมพงศ์ ทองใบ ผบก.ภ.จว.ตรัง ได้เรียกประชุมด่วนที่ห้องประชุม ศปก.ชั้น 2 สภ.เมืองตรัง ตร.ชุดสืบสวน ภ.จว.ตรัง และชุดสืบสวน สภ.เมืองตรัง เพื่อสั่งการตรวจหาพยานหลักฐานและภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนีในการออกติดตามแก๊งคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว

ขณะที่ นายศิริพัฒ พัฒกุล ผวจ.ตรัง เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องที่อุกอาจมาก ตนเองได้คุยกับ พล.ต.ต.สมพงศ์ ทองใบ ผบก.ภ.จว.ตรัง แล้ว และสั่งกำชับเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสะเทือนขวัญ กลุ่มคนร้ายนึกจะทำอะไรก็ทำได้ จะไปเผาหรือข่มขู่  แต่ปรากฎว่าผุ้เสียหายเขามาประสบเหตุดับไฟไว้ทัน แต่พอทราบว่าทำไม่สำเร็จ 3-4 ชั่วโมง หวนกลับมาอีกครั้ง ใช้อาวุธสงครามอาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงถล่มเพื่อจะข่มขวัญ ขณะนี้ท่านผู้การฯ ยืนยันว่ามีการตั้งด่านตลอด จะเห็นได้ว่ามีการตั้งด่านทุกอำเภออยู่แล้ว ส่วนการไปมุ่งเน้นอาวุธสงครามกำชับว่ามีบัญชีดำที่ใหนบ้างให้ลงพื้นที่ตั้งแต่ช่วงบ่ายเลย ซึ่งได้ประชุมที่ สภ.เมืองตรัง เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา และสอบถามจากโกชัย เจ้าของบ่อนว่ามีปัญหาขัดแย้งกับใคร แต่ โกชัยยังไม่บอก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าไม่มีความขัดแย้งกับใครเพราะทำถึงขั้นนี้มันต้องมีสาเหตุแน่นอน และต้องขอความร่วมมือจากเจ้าทุกข์ด้วย ซึ่งขอยืนยันว่าเรื่องนี้ทางจังหวัดเราจะต้องเร่งรัดในการที่จะดำเนินการเรื่องอาวุธสงคราม

ผวจ.ตรัง กล่าวอีกว่า ตนมองเป็นเรื่องความขัดแย้งแน่นอน เพราะมีการก่อเหตุซ้ำวันเดียวกันคืนเดียวกันโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย คนที่สั่งการเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลแน่นอน  ตนไม่ยอมแน่นอน บอกผู้การฯ ไปแล้วว่าไม่ว่าใครคนใหนจะเคยใกล้ชิดสนิทกับใครไม่สน เพราะทำอย่างนี้มันเป็นอาญาบ้านเมือง ประชาชนทั่วไปรู้สึกไม่สบายใจไม่มีความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน ตนฐานะที่เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้กำกับการต้องรีบเยียวยาตรงนี้ และต้องรีบจับกุมมาให้ได้  ซึ่งคาดว่าตอนนี้น่าจะได้เบาะแสเยอะแล้ว เพราะว่าสอบปากคำตั้งแต่ช่วงเที่ยง และคาดว่าช่วงบ่ายนี้ผู้การฯ ลงมาสอบปากคำด้วยเอง และจะลงพื้นที่ตามจุดต่างๆ ด้วย.