ว่าด้วย...การออกจากวัตถุนิยม (7)


เพิ่มเพื่อน    

                                                        (1)

        ปิดท้ายสัปดาห์นี้...ใครต่อใครเขาคงใจจด ใจจ่อ อยู่กับการส่งใจ ส่งกำลังใจ ไปให้กับเด็กๆ แห่งทีม หมูป่าอะคาเดมี ที่ถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย กันเป็นหลัก แต่หลังจากส่งใจ ส่งกำลังใจ ไปให้เรียบร้อยแล้ว สำหรับคอลัมน์ ทรรศนะ อาทิตย์นี้ คงหนีไม่พ้นต้องกลับมา เทศน์ต่อ หลังจากที่ได้เทศน์ไปแล้ว ต่อเนื่องมา 5 ตอน 6 ตอน ไม่งั้น...มันอาจกลายเป็น หนังขาด หรือ หนังหลุดสะดุดหัวต่อ โปรดรอซักประเดี๋ยว ใครปวดเยี่ยวเชิญหลังวัด อะไรประมาณนั้น...

                                                      (2)

        คราวที่แล้ว...เทศน์ไปถึงเรื่องที่อภิมหานักวิทยาศาสตร์รายหนึ่ง ที่พยายามลุกขึ้นมาฉุดกระชาก ลากถู ให้ทิศทางของ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ นั้น ไม่ได้เป็นไปเพียงเพื่อนำไป รับใช้วัตถุ หรือตอบสนอง ความต้องการทางวัตถุ แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ควรนำมาค้นหา แสวงหา เรื่องราวทาง จิต ที่กำลังถูก ความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ ขจัดกวาดล้าง จนกลายเป็นสิ่งที่ ไม่จริง หรือ ไม่มีอยู่จริง ยิ่งขึ้นไปขณะ หรือผู้ที่ลุกขึ้นมาป่าวประกาศว่า ถือเป็นภาระหน้าที่ของวิทยาศาสตร์ ที่จะต้องพยายามศึกษา ค้นคว้า เพื่อให้คำตอบ คำอธิบาย ต่อเรื่องราวเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ หรือการมีอยู่ของวิญญาณ อย่างจริงๆ จังๆ...

                                                    (3)

        อภิมหานักวิทยาศาสตร์รายที่ว่านั้น...ก็คือท่านเซอร์ วิลเลียม ครูกส์ (Sir Willian Crookes) นักเคมี-ฟิสิกส์ชาวอังกฤษนั่นเอง ที่มีชื่อมีเสียงโด่งดังในแวดวงวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี แต่สามารถแต่งตำราวิชาเคมี ให้เป็นที่ยอมรับของครูบา อาจารย์ และแวดวงการศึกษา ขณะที่ตัวเองยังเป็นแค่นักศึกษาอยู่ในสถาบัน Royal College เท่านั้น และเมื่อจบการศึกษาก็ยิ่งสร้างชื่อ สร้างความโด่งดังยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าในครั้งที่รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการอุตุนิยมวิทยา ที่หอสังเกตการณ์ Redcliff ช่วงที่ย้ายมาเป็นอาจารย์สอนวิชาเคมีที่ Chester Diocesan Training College แถมยังใช้เวลาว่างออกนิตยสารชื่อว่า Chemical News โดยรับตำแหน่งเป็นบรรณาธิการซะอีกด้วย แต่ยังกลับมีเวลาเหลือๆ เอาไปค้นคว้า ทดลอง ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์อีกเยอะแยะมากมาย...

                                                     (4)

        การค้นพบธาตุเริ่มแรกของฮีเลียม ที่เรียกๆ กันว่า ธัลเลียม (Thallium) ก็อุบัติขึ้นมาจากอภิมหานักวิทยาศาสตร์รายนี้นี่แหละในช่วงปี ค.ศ.1861 ปี ค.ศ.1875 ยังได้ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือวัดรังสีเพื่อแยกแยะคุณสมบัติของธาตุต่างๆ จนมีการเรียกขานเครื่องมือชนิดนี้ในเวลาต่อมาว่า Crooks radiometer เรียกหลอดสุญญากาศที่ใช้ในการตรวจจับคลื่นสเปกตรัมต่างๆ ว่า Crooks tube มาจนตราบเท่าทุกวันนี้ อีกทั้งยังถือเป็นนักวิทยาศาสตร์รายแรก ที่ค้นพบคุณลักษณะของ อิเล็กตรอน ขณะที่อยู่ในสภาพ พลาสมา (plasmas) อันเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่กรรมวิธีในการแยกกัมมันตรังสีออกจากธาตุยูเรเนียม หรือการค้นพบพลังงานปรมาณูในท้ายที่สุดนั่นเอง...ฯลฯ ด้วยผลงานระดับ โฟร์เอสสร้างสรรค์ ในทางวิทยาศาสตร์ ไม่รู้กี่เรื่อง กี่ราว จึงทำให้ราชสมาคมวิทยาศาสตร์อังกฤษ อดไม่ได้ที่จะต้องเชิญ วิลเลียม ครูกส์ เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกราชสมาคมเมื่อปี ค.ศ.1863 ก่อนที่จะมอบตำแหน่งท่าน เซอร์ ให้ในท้ายที่สุด...

                                                      (5)

        แต่ถึงจะ วิทยาศาสตร์ กันไปถึงปานไหนก็ตาม...ก็ไม่ได้ทำให้ท่านเซอร์ ท่านเกิดอาการเลอะๆ เลือนๆ จนต้องนำเอา ความเชื่อ ไปปะปนกับ ความจริง หรือหักล้างความจริง เหมือนอย่างบรรดานักวิทยาศาสตร์โดยทั่วๆ ไป ไม่ว่าในช่วงขณะนั้น หรือแม้จนตราบเท่าทุกวันนี้แต่อย่างใด โดยเฉพาะเมื่อท่านได้เจอกับ ปรากฏการณ์ บางอย่าง ที่ไม่สามารถนำเอา ความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ ไปอรรถาธิบายได้ง่ายๆ คือว่ากันว่า...ท่านมีน้องชายอยู่รายหนึ่ง ชื่อว่า ฟิลิป อายุ อานาม ประมาณ 21 ปี ยังหนุ่มแน่น แข็งแรง มีอาชีพสำรวจการวางสายเคเบิลโทรศัพท์ และกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ระหว่างรัฐฟลอริดาในอเมริกากับประเทศคิวบา ห่างจากเกาะอังกฤษไม่รู้กี่โยชน์ต่อกี่โยชน์ แต่ขณะที่น้องชายท่านตายด้วย ไข้เหลือง แบบปุบๆ ปับๆ ท่านเซอร์ที่ยังไม่รู้ข่าวว่าน้องชายตัวเองได้ตายไปแล้ว กลับดันพบเห็นน้องชายตัวเองเดินทางมาเยี่ยมเยียนกันถึงที่ แบบจะจะ จังๆ...

                                                   (6)

        การได้พบเจอกับปรากฏการณ์แบบที่ไม่สามารถนำเอา ความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ ไปอธิบายได้เช่นนี้นี่เอง เลยทำให้อภิมหานักวิทยาศาสตร์อย่างท่านเซอร์ วิลเลียม ครูกส์ แทบไม่ได้คิดจะสนใจแยกธาตุ แยกวัตถุ สสารใดๆ อีกต่อไปแล้ว แต่กลับหันมาทุ่มเท ค้นคว้า ศึกษา ให้ความสนใจในเรื่อง การมีอยู่ของวิญญาณ เรื่องของ จิต หรือเรื่อง ชีวิตหลังความตาย แบบจริงๆ จังๆ ไม่ต่างไปจากครั้งที่เคยทุ่มเทให้กับการค้นหาธาตุธัลเลียม หรืออิเล็กตรอนของยูเรเนียม ยังไงยังงั้น และนั่นเองที่ทำให้กลายมาเป็นพื้นฐาน เป็นที่มา-ที่ไป ของคำประกาศที่ว่า...ถือเป็นภาระหน้าที่ของวิทยาศาสตร์ ที่จะต้องพยายามศึกษา ค้นคว้า เพื่อให้คำตอบ คำอธิบายต่อเรื่องราวเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ หรือการมีอยู่ของวิญญาณ อย่างจริงๆ จังๆ... และด้วยคำประกาศเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อย ได้ตัดสินใจแหกหักกรงขังแห่ง ความคิด หรือ ความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ ที่บรรดากษัตริย์ พ่อค้า ปัญญาชนยุคแรกๆ ไปนำเอาแนวคิด วัตถุนิยม มาใช้เป็นเครื่องมือขจัดกวาดล้างอำนาจของศาสนจักรคาทอลิกเพื่อ ล้มคว่ำความเชื่อดั้งเดิมของชาวยุโรป (และชาวโลก) ไม่ให้มีทางหวนคืนกลับมาได้อีกต่อไป ส่วนจะสามารถตบแต่ง ต่อยอด นำไปสู่ ความจริง ได้มาก-น้อยขนาดไหน อันนี้...คงต้องขออนุญาตไป เทศน์ต่อ กันในสัปดาห์หน้า...

                               ---------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"