ชายอเมริกันผูกใจเจ็บสื่อท้องถิ่นที่เคยค้าความกันหลายปีก่อน บุกเดี่ยวสาดกระสุนฆ่าหมู่นักข่าวภายในห้องข่าวของหนังสือพิมพ์แคปิตอลกาเซตต์ในเมืองแอนแนโพลิส สังหารเหยื่ออย่างน้อย 5 ราย ตำรวจรุดถึงที่เกิดเหตุรวบตัวได้ทันควัน
เกิดเหตุโจมตีสื่อมวลชนของสหรัฐอเมริกาครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน 2561 ตามเวลาท้องถิ่นรัฐแมริแลนด์ของสหรัฐ ซึ่งตรงกับเช้ามืดวันศุกร์ของไทย สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานอ้างคำกล่าวของตำรวจและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ว่า มือปืนรายนี้ใช้ปืนยิงประตูกระจก จากนั้นได้มองหาเหยื่อแล้วสาดกระสุนใส่ห้องข่าวของเครือหนังสือพิมพ์แคปิตอลกาเซตต์แห่งนี้
วิลเลียม แครมฟ์ รักษาการผู้บังคับการตำรวจเทศมณฑลแอนน์อารัลเดล เจ้าของพื้นที่ แถลงข่าวภายหลังเหตุการณ์สงบลงแล้วว่า เหตุการณ์นี้คนร้ายตั้งใจมาโจมตีสื่อท้องถิ่นรายนี้ เขาเตรียมตัวมายิงคน โดยมีเจตนาทำร้ายผู้คน ผู้เสียชีวิต 1 ใน 5 รายคือ ร็อบ ไฮอาเซ็น ผู้ช่วยบรรณาธิการวัย 59 ปี ส่วนเหยื่ออีก 4 คนที่เหลือนั้น เป็นนักข่าว 3 คน ได้แก่ เวนดี วินเทอร์ส อายุ 65 ปี, เจอรัลด์ ฟิสช์แมน อายุ 61 ปี และจอห์น แม็กนามารา ซึ่งไม่ทราบอายุ อีกคนเป็นผู้ช่วยฝ่ายขายชื่อรีเบคกา สมิธ อายุ 34 ปี
แม้ตำรวจท้องถิ่นจะยังไม่เปิดเผยชื่อของผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมตัวไว้ แต่แคปิตอลกาเซตต์ และบัลติมอร์ซันซึ่งเป็นเจ้าของกลุ่มสื่อท้องถิ่นรายนี้ รายงานว่า มือปืนคือจาร์รอด รามอส ซึ่งเป็นชายผิวขาวชาวเมืองลอเรล วัย 38 ปี ข้อมูลจากศาลในรัฐแมริแลนด์แห่งนี้ระบุว่า เขาเคยฟ้องร้องอดีตคอลัมนิสต์และอดีตบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์เดอะแคปิตอลที่อยู่ในเครือกลุ่มสื่อแห่งนี้เมื่อปี 2555 ฐานหมิ่นประมาท แต่ในปี 2558 ศาลอุทธรณ์รัฐแมริแลนด์ยืนคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ตัดสินว่านักข่าวไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามที่รามอสยื่นฟ้อง
คำตัดสินของศาลกล่าวว่า บทความที่เขียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของรามอสที่คุกคามหญิงคนหนึ่งทางเฟซบุ๊กนั้นถูกต้องแล้ว โดยอ้างอิงจากคำสารภาพผิดของเขาและเอกสารของทางราชการ
ฟิล เดวิส ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม กล่าวว่า เขาซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะทำงานเหมือนกับพนักงานคนอื่น สภาพภายในห้องข่าวนั้นเหมือนสมรภูมิรบ เขาไม่รู้ว่าทำไมมือปืนจึงหยุดยิง "ไม่มีอะไรน่ากลัวยิ่งไปกว่าการหลบอยู่ใต้โต๊ะทำงานแล้วได้ยินเสียงคนหลายคนโดนยิง และเสียงมือปืนบรรจุกระสุนใหม่" กาเซตต์รายงาน
ทางการแมริแลนด์กล่าวว่า ตำรวจเมืองแอนแนโพลิสซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐนี้ ไปถึงที่เกิดเหตุภายใน 1 นาทีหลังจากได้รับแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 911 และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้ไว้ได้ขณะกำลังซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ ขณะนั้นเขาวางอาวุธปืนไว้ที่พื้นแต่ไม่อยู่ในระยะคว้าถึง ตำรวจยังพบวัตถุต้องสงสัยที่เข้าใจว่าเป็นระเบิดอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แต่แครมฟ์กล่าวในเวลาต่อมาว่าวัตถุนั้นคือระเบิดควัน
รายงานของดับเบิลยูเจแซด สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของบัลติมอร์ กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ไม่ให้ความร่วมมือกับการสอบสวน และดูเหมือนว่าเขาพยายามกลบเกลื่อนลายนิ้วมือไม่ให้ตรวจสอบได้ด้วย
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ตำรวจกำลังสอบสวนคดีนี้เป็นคดีท้องถิ่นที่ไม่มีความเชื่อมโยงถึงการก่อการร้าย ขณะคำแถลงของแครมฟ์ก็ยังไม่ได้ระบุมูลเหตุจูงใจที่ทำให้คนร้ายพุ่งเป้าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้หรือนักข่าว
แคปิตอลกาเซตต์มีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเครือหลายฉบับ โดยเดอะแคปิตอลเป็นหนังสือพิมพ์ที่เก่าแก่ที่สุดฉบับหนึ่งของสหรัฐ นับย้อนประวัติไปได้ถึงปี พ.ศ. 2427
การโจมตีสื่อมวลชนครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีของสหรัฐยังทำให้ทางการสหรัฐตื่นตัวเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเมืองบัลติมอร์และนิวยอร์กซิตี รวมถึงสำนักงานของนิวยอร์กไทมส์และสื่ออีกหลายแห่งเพื่อป้องกันไว้ก่อน เหตุการณ์นี้ทำให้องค์กรสื่อหลายแห่งประณาม รวมถึงองค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน
ขณะที่ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับรายงานสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ และต่อมาทรัมป์ทวีตแสดงความเห็นใจและให้กำลังใจเหยื่อและครอบครัวของพวกเขา รวมถึงขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เข้าไประงับเหตุทุกนาย ส่วนซาราห์ แซนเดอร์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวผ่านทวิตเตอร์เช่นกันว่า การใช้ความรุนแรงโจมตีนักข่าวบริสุทธิ์ที่กำลังทำหน้าที่ของพวกเขาถือเป็นการโจมตีคนอเมริกันทุกคน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |