ไปซะแร้วว์ว์ว์...อินทรีเหล็กเยอรมนี กลายสภาพเป็นกุนเชียง เจ๊เล็กเยาวราช ไม่ได้คิดจะแสดงออกถึงความตึงเต่ง เด้งดึ๋ง แบบไส้กรอกเยอรมันของแท้แต่ดั้งเดิมเอาเลยแม้แต่น้อย โดนโสมเกาหลีตังกุยจั๊บ ฉวยจังหวะโต้กลับ เคาน์เตอร์ แอทแทค ทะลวงประตูไปถึง 2-0 พูนสวัสดิ์ เล่นเอาแควนๆ หงายท้องตึง แทบสลบคาเก้าอี้ตามไปด้วยอย่างช่วยอะไรไม่ได้...
-------------------------------------------------------
เฮ้ออ์อ์อ์...ก็อย่างที่เคยว่าๆ เอาไว้นั่นแหละทั่น ด้วย กับดักแห่งความสำเร็จ ที่เป็นตัวเก็บกัก ความยึดมั่นในอัตตา มมังการ ของตัวเอง เคยประสบความสำเร็จมาอย่างไร ก็ว่ากันไปตามแนวนั้น ชนิดไม่คิดจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง อะไรเลย ขนาด เมซุต โอซิล ที่เล่นไม่ออกมาตั้งแต่ปี-สองปีที่แล้ว โธมัส มุลเลอร์ ที่หัวบอด ตีนบอด วิ่งหาลูกแทบไม่เจอ แต่ยังอุตส่าห์เคี่ยวเข็ญเอามาลงสนามกันจนได้ เมื่อเจอกับการวิ่ง-สู้-ฟัด ของนักเตะพลังโสม ที่มีนักสู้เพื่อสันติภาพอย่างท่านประธานาธิบดี มุน แจอิน ท่านคอยทุ่มเทให้กำลังใจอยู่ข้างๆ อินทรีเหล็กเลยต้องกลายเป็นอีแร้งเหี่ยว ไปโดยฉับพลัน-ทันที...
-------------------------------------------------------
แต่ก็ถือว่าดีไปอย่าง...ที่จะได้มีเวลา มีพลัง เอาไว้สำหรับการตามรัก ตามลุ้น ทีม หมูป่าอะคาเดมี กันแทนที่ รวมทั้งทีม ฟ้า-ขาว อาร์เจนตินา ที่มีพันธะทางใจ มี สปิริตแห่งความเป็นมนุษย์ ผูกพัน โยงใย ให้ยังไงๆ ต้องตามไปเชียร์กันจนได้ ไม่ว่าแพ้หรือชนะนับจากนี้ และสำหรับ หมูป่าอะคาเดมี นั้น...คงไม่ต้องถึงกับออกแรงบิดไป-บิดมา อะไรกันมากมาย ด้วยเหตุเพราะผู้คนแทบทั้งประเทศ ไม่ว่าตั้งแต่ไทยแลนด์ 4.0 ไปยันไทยแลนด์ 0.4 ต่างตามรัก ตามลุ้น แบบชนิดวินาทีต่อวินาที เพียงแค่อย่าไปสร้างอุปสรรค กีดขวาง ต่อการช่วยเหลือเยียวยาของบรรดาเจ้าหน้าที่ ผู้มีส่วนรับผิดชอบ ที่ต่างทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างทั้งแรงกาย แรงใจ แรงสมอง สติ-ปัญญา กันอย่างเต็มที่ แค่นั้น...ต้องถือว่าชอบแล้ว...
--------------------------------------------------------
สิ่งที่ดูจะกลายเป็นอุปสรรค กีดขวาง การทำงานของเจ้าหน้าที่เขาอยู่บ้าง นอกเหนือไปจากสภาพทางธรรมชาติที่ไม่ค่อยเป็นใจแล้ว ก็น่าจะเป็นสภาพทางธรรมชาติของ สื่อ นั่นแหละ เป็นหลัก โดยเฉพาะสื่อโซเชียลมีเดีย ที่มันสามารถพูดอะไรก็ได้ ออกความคิด ความเห็นอะไรก็ได้ ยิ่งประเภทที่ดันไม่มี สปิริตแห่งความเป็นมนุษย์ หลงเหลืออยู่ มันก็เลยอาจจะมือไม่พาย แต่เอาตีนราน้ำ ได้แบบเป็นงาน เป็นการ พอสมควร ส่วนสื่อประเภทที่ไม่ได้โซเชียล แต่เป็นสื่อหลัก หรือสื่อประเภทมืออาชีพทั้งหลาย อาจด้วยเหตุเพราะสภาพทางธรรมชาติของความเป็นสื่อในช่วงหลัง ที่มันออกจะผิดเพี้ยนไปจากความเป็นสื่อในยุคอดีตยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คือจาก นกน้อยในไร่ส้ม ดันวิวัฒนาการไปเป็น อีแร้ง ยิ่งขึ้นทุกที ก็เลยถูกตำหนิ ติติง ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไปมิใช่น้อย
---------------------------------------------------------
เรียกว่า...ขนาดสมาคมสื่อ สมาคมหนังสือพิมพ์ด้วยกันเอง ยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกมา เตือนสติ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า หรือหลังจากโดนตำหนิ ติติง ซะจนท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว ไปพอสมควร คือสื่อยุคหลังๆ นี้...เขาอาจถนัดในการทำข่าวประเภท ข่าวหมู่ มาโดยตลอด หรือข่าวประเภทต้องไปรุม ไปเร้า ไปยกเอา กองทัพนักข่าว นับร้อยๆ พันๆ มาล้อมกรอบแหล่งข่าว ชนิดแทบไม่มีอากาศหายใจ มีสิทธิ์เป็นลมตายต่อหน้ากล้องช่างภาพ หน้ากล้องทีวีเอาง่ายๆ โดนไมโครโฟนนับเป็นสิบๆ ร้อยๆ แทงใส่หน้า เสียบใส่ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง แถมต้องเจอกับคำถามประเภททารุณ โหดร้าย ไม่ได้เหลือหัวจิต หัวใจ เอาไว้บ้างเลย ความถนัดเชี่ยวชาญการทำ ข่าวหมู่ ในลักษณะอาการเช่นนี้ มันเลยทำให้ธรรมชาติของสื่อในช่วงหลังๆ จึงไม่ถึงกับน่ารัก น่าใคร่ น่าประทับใจกันซักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะในสายตาของ มวลชน ที่เป็นพื้นฐานรองรับความเป็นสื่อทั้งหลาย...
----------------------------------------------------------
ชนิดที่ถ้าใคร ด่าสื่อ ขึ้นมาเมื่อไหร่...แทนที่ผู้ที่ด่าจะถูกตำหนิ ถูกประณาม ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่ไม่ให้เคารพต่อสิทธิเสรีภาพของมวลชน เผลอๆ...กลับมีโอกาสได้รับการยกย่อง สรรเสริญ จากมวลชนไปซะอีกต่างหาก จนทำให้การด่าสื่อกลายเป็นแฟชั่นของพวกผู้มีอำนาจ พวกนักการเมือง ไปแล้วก็เป็นได้ ซึ่งจะไปโทษใครๆ เขาคงลำบาก มีแต่ต้องหันมาโทษตัวเอง หันมาตรวจสอบ ทบทวนบทบาท ความถนัด ความเชี่ยวชาญของตัวเองเอาไว้นั่นแหละ ถึงพอจะช่วยกอบกู้สถานะกลับคืนมาได้บ้าง เช่น อาจต้องหัด อาจต้องฝึก อาจต้องเพิ่มความมุ่งมั่น พยายาม ในการทำ ข่าวเดี่ยว ให้มากๆ เข้าไว้ หรือข่าวที่ไม่ต้องอาศัยพวกมาก เข้ากดดัน รีดเค้น แหล่งข่าว ให้ต้องเป็นลมตายไปต่อหน้าต่อตา แต่อาศัยฝีมือ ความสามารถ สติ-ปัญญา การทำการบ้าน หรือการแสวงหาความรู้ให้มากๆ เข้าไว้ จนทำให้แหล่งข่าวต้องเกิดความยินยอมพร้อมใจ ความยอมรับโดยดุษณี...
----------------------------------------------------------
และการพัฒนาสติ-ปัญญา หรือการแสวงหาความรู้ให้มากๆ เข้าไว้นั่นแหละ ที่จะกลายเป็นตัวช่วยกล่อมเกลา อบรม บ่มนิสัยของสื่อแต่ละสื่อไปได้โดยอัตโนมัติ เพราะสุดท้ายปลายทางของความรู้แต่ละชนิด ย่อมต้องนำไปสู่ ความรู้ขั้นสูงสุด นั่นก็คือความรู้ในเรื่อง ชีวิต หรือเรื่องของทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ไปจนได้นั่นแล และนั่นย่อมทำให้สื่อทั้งหลาย เกิดการยกระดับไปสู่ความเป็น สื่อมวลชน ได้อย่างแท้จริง เกิดความเข้าใจ-เข้าถึง ความรู้สึกของผู้คน มวลชน จนกลายเป็นที่ยอมรับ เป็นฐานันดรที่ห้า โดยไม่มีใครคิดจะปฏิเสธ ไม่คิดจะตำหนิ ติติง ด่าประณามอีกต่อไป พูดง่ายๆ ก็คือ...หันมา ปฏิรูป ตัวเองให้หนักๆเข้าไว้นั่นแหละดี จะไม่ได้ต้องกลัวใครต่อใครเขาต่างอยากเข้ามาปฏิรูปสื่อกันอย่างเป็นกิจการ เป็นกระบวนการ...
----------------------------------------------------------
ก็เอาเป็นว่า...อะไรที่ผิดไปบ้าง พลั้งไปบ้าง ก็อย่าถึงกับต้องไปถือสา หาความ อะไรกันมากมาย ภายใต้บรรยากาศที่อะไรต่อมิอะไรมันกำลังเป็นไปด้วยดี มีทั้งทีม หมูป่าอะคาเดมี มีทั้งทีม ฟ้า-ขาวอาร์เจนตินา ให้ตามรัก ตามลุ้น กันโดยตลอด เพียงเท่านี้ก็น่าจะพอ อยู่ๆ กันไป โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเบียดเบียนตัวเองและผู้อื่น ให้ต้องยุ่งยากมากความเกินไปกว่านี้...
--------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก High Roads of Literature... Wit and sense, virtues and human knowledge—all that might make this dull world a business of delight.- ปัญญา ไหวพริบ สติสัมปชัญญะ คุณธรรมและความรู้ กล่าวโดยย่อก็คือ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่จะเอื้ออำนวยให้โลกอันน่าเบื่อ กลายเป็นสถานที่อันน่าอภิรมย์ชมชื่น...
-----------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |