(ศิลปะปูนปั้นภายในวิหารวัดบางกะพ้อม)
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่สอง มีตระกูลคหบดีมีฐานะดีตระกูลหนึ่งได้ลงเรือพาครอบครัวพร้อมทั้งทรัพย์สินหนีข้าศึก รอนแรมถึงแหลมบางกะพ้อมที่สมุทรสงคราม และเห็นเป็นที่เหมาะสมร่มรื่นจึงได้พักแรม สร้างที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งสานกระบุง ตะกร้า เสื่อ และกะพ้อมใส่ข้าว ทำเป็นสินค้านำไปขายยังชีพ
(ประตูทางเข้าวิหารเป็นวงกลมที่หมายถึงสวรรค์ของจีน พร้อมด้วยทหารไทยยืนเฝ้า)
ต่อมา มีคนมาบอกว่ากองทัพข้าศึกยกกำลังมาทำการสู้รบกันอยู่ที่ค่ายบางกุ้ง ให้รีบหนี แต่คหบดีผู้นั้นเห็นว่าคงหลบหนีไม่ทัน จึงได้เข้าไปแอบอยู่ในกะพ้อมที่สานเอาไว้เพื่อจะขาย แล้วก็ตั้งสัตยาธิษฐานต่อพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่า "ขออย่าให้ทหารข้าศึกพบเลย หากรอดพ้นไปได้จะจัดการสร้างวัดและวิหารขึ้นตรงนี้" ปรากฏว่าพอทหารข้าศึกมาก็ไม่เห็น เป็นความโชคดี เขาก็เลยสร้างวิหารวัดบางกะพ้อมขึ้นตามที่ตั้งสัตยาธิษฐานไว้ โดยตอนนั้นตั้งชื่อวัดว่า "วัดบังกับพ้อม" ก่อนจะเพี้ยนจนเป็น "วัดบางกะพ้อม" ในปัจจุบัน
(ไหว้หลวงพ่อคง)
นี่คือหนึ่งในตำนานของวัดบางกะพ้อม วัดเก่าแก่ของชาวแม่กลอง หรือสมุทรสงคราม ต.อัมพวา อ.อัมพวา ที่เพิ่งไปมาเมื่อวันก่อน เลยลองหยิบมาเล่าคร่าวๆ สู่กันฟัง ก็เพราะว่าวัดนี้มีเสน่ห์อยู่หลายอย่าง ตอนที่เราไปเป็นทริปเล็กๆ แบบวันเดย์ทริป กับอาจารย์คฑา ชินบัญชร ผู้อาสาพาทำบุญ อาจารย์คฑาบอกว่า การทำบุญกับคนที่รัก หรือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นบุญกุศลยิ่งใหญ่มากๆ ก็เลยชวนมาทำบุญไหว้พระด้วยกัน
วัดบางกะพ้อม ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองแม่กลองเพียงแค่ 5 กิโลเมตร ภายในบริเวณวัดกว้างขวางมาก และมีจุดสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายแห่ง โดยหลักๆ แล้วอาจารย์คฑาพาเราปักหลักอยู่ที่บริเวณหน้าวัดเป็นที่แรก ตรงศาลาที่มีพระพุทธรูปจำลองประดิษฐานอยู่ 6 องค์ กิจกรรมที่ทำตรงนี้คือถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ประจำวัด อาจารย์บอกว่าการให้ทานคือการให้ที่ยิ่งใหญ่ การจะให้ทานแบบได้บุญสามารถให้ได้ตลอดเวลา โดยไม่ใช่การเจาะจงว่าจะนำทานไปให้พระสงฆ์รูปใด หรือเจาะจงให้ทานกับใคร นี่จะเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ที่จะเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ให้ ซึ่งพอได้ยินอาจารย์พูดแล้วเราก็แอบคิดในใจว่าที่ผ่านมาเวลาจะทำบุญเรามักจะมุ่งเจาะจงไปที่วัดประจำหรือวัดที่อยากไปตลอดเลย เชื่อว่าทุกคนเป็นคล้ายๆ กัน แต่อาจารย์ก็บอกว่าไม่เป็นไร แค่เราอยากทำทานเราก็ได้บุญแล้ว
(สักการะและปิดทองหัวใจหลวงพ่อคง)
เสร็จจากถวายสังฆทานก็ไปไหว้หลวงพ่อคงที่ประดิษฐานอยู่ในศาลาเดียวกันนี่แหละ หลวงพ่อคงคืออดีตเจ้าอาวาสผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัด เป็นเกจิชื่อดังที่ว่ากันว่าเหรียญหลวงพ่อคงนี้มีพุทธคุณทางด้านอยู่ยงคงกระพัน ที่สำคัญใครที่มาสักการะจะได้เห็นหัวใจหลวงพ่อคงที่สร้างเป็นแบบจำลองขึ้นมาหน้าตัก 11 เมตร สูง 11.99 เมตร ให้ชาวแม่กลองและนักท่องเที่ยวได้อธิษฐานเอาฤกษ์เอาชัยด้วย
หลังจากไหว้พระเสร็จก็เดินไปยังวิหารวัดบางกะพ้อมที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆ กัน วิหารนี้เขาบอกว่าเป็นวิหารที่มีแห่งเดียวในไทย ซึ่งต้องค่อยๆ สังเกตความแตกต่างของวิหารนี้ไปตั้งแต่ทางเข้าเลยทีเดียว โดยตัววิหารเป็นทรงสถาปัตยกรรมจีน อาจารย์เล่าว่า เป็นวิหารทรงพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 เพราะว่าเรามองเห็นลักษณะการขึ้นปูนปั้นแล้วติดด้วยกระเบื้องหรือเบญจรงค์แบบวัดพระเชตุพนฯ วัดอรุณฯ สังเกตได้ง่ายๆ คือ หลังคาที่ยื่นออกมาจากตัวอาคารที่ทำใหม่ค่อนข้างแปลกไปจากที่เคยเห็น พอจะก้าวเข้ามาด้านใน ตรงประตูทางเข้าก็เป็นที่น่าสังเกตอีกแล้ว มีประตูวงกลมที่มีทหารไทยยืนอยู่ด้านหน้า ที่เป็นเช่นนี้ได้ยินอาจารย์เล่าว่า คนจีนเชื่อว่า วงกลมนั้นหมายถึง 'สวรรค์' ส่วนสี่เหลี่ยมหมายถึงผืนดิน การก้าวเข้ามาในวิหารผ่านทางเข้าที่เป็นวงกลมแห่งนี้ก็เหมือนเข้ามาในสรวงสวรรค์
(รอยพระพุทธบาท 4 รอย)
พอเข้ามาด้านใน เบื้องหน้าจะเห็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ 4 รอย ประกอบด้วยพระพุทธบาทของพระกกุสันโธที่เกิดจากไก่ พระโกนาคมโน เกิดจากนาค พระกัสสโป เกิดจากเต่า และพระโคตโม เกิดจากโค เป็นรอยที่งดงาม มีขนาดต่างกัน ตั้งแต่ขนาดใหญ่ไปจนถึงเล็ก เพราะเชื่อว่ามนุษย์สมัยนั้นน่าจะมีรูปร่างใหญ่และต่อมามนุษย์รูปร่างเล็กลงเรื่อยๆ ส่วนด้านบนกำแพงพบเห็นถึงความงามของศิลปะปูนปั้นที่อยู่บนผนัง เป็นเรื่องราวของพุทธประวัติโดยรอบ ถ้าเป็นตามวัดทั่วๆ ไปจะเห็นจิตรกรรมฝาผนัง แต่ที่นี่เป็นปูนปั้นนูนต่ำ ฝาผนังมีตั้งแต่ภาพพุทธประวัติ วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน จนถึงพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว หรือภาพเชิญพระบรมศพของพระพุทธเจ้าขึ้นประดิษฐานเพื่อบำเพ็ญกุศล และอื่นๆ ซึ่งภาพปูนปั้นเหล่านี้ได้รับการบูรณะครั้งหนึ่งในปี พ.ศ.2537 ถึง 2541 ใช้เวลาถึง 5 ปี ตอนนี้กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งมรดกไทยเลยก็ว่าได้
(วิหารหลวงพ่อคงองค์ใหญ่)
เราชมความงามในวิหารกันสักพักก็ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จากรอยพระพุทธบาทสักหน่อย จากนั้นก็ไปที่วิหารของหลวงพ่อคงองค์ใหญ่ ขอย้ำว่าใหญ่มาก น่าจะมีขนาดหน้าตักกว้าง 11 เมตร หลายคนคงเคยเห็นมาแล้วบ้างตอนที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ตอนนี้สร้างเสร็จแล้ว ด้านในวิหารก็จะเข้าไปกราบไหว้สักการะพระประจำวันเกิด นั่งสมาธิ สวดมนต์ ซึ่งโดยรวมเราใช้เวลาอยู่ที่วัดบางกะพ้อมหลายชั่วโมงเหมือนกัน จนถึงเวลากลับเราก็ได้แยกย้ายกับอาจารย์คฑา ซึ่งอาจารย์ก็ฝากเอาไว้ว่าอยากให้เราหมั่นทำบุญ สวดมนต์ไหว้พระทุกครั้งที่มีโอกาส จะทำให้จิตใจเราสบาย ผ่อนคลาย เวลาไม่สบายใจการสวดมนต์คือสิ่งที่ดีที่สุด ได้ยินแล้วกลับมาก็ต้องหมั่นสวดมนต์ไหว้พระให้มากขึ้นเสียแล้ว
(ถ้วยชามเบญจรงค์ลวดลายอันวิจิตรที่บ้านปิ่นสุวรรณเบญจรงค์)
จากนั้น เราไม่อยากให้ทริปนี้มีแค่เข้าวัดอย่างเดียวก็เลยเดินทางกันไปที่บ้านปิ่นสุวรรณเบญจรงค์ อยู่แถวอัมพวา ไม่ไกลจากวัดเท่าไหร่ ที่ต้องไปก็เพราะว่าอยากไปเห็นเขาทำเครื่องเบญจรงค์ เพราะในไทยไม่ค่อยมีแหล่งผลิตมากเท่าไหร่ ที่สำคัญที่บ้านปิ่นสุวรรณนี้เป็นแหล่งผลิตที่อยู่คู่อัมพวามานานหลายปีแล้ว ได้ยินมาว่าเป็นแหล่งที่เลียนแบบลวดลายศิลปะสมัยรัชกาลที่ 2 และใช้ศิลปะชั้นสูงในการออกแบบลวดลายที่ละเอียดอ่อนช้อย สีสันสวยงาม จนทำให้บ้านปิ่นสุวรรณเบญจรงค์มีชื่อในหมู่เจ้านายชั้นสูง คหบดี บริษัทห้างร้าน และชาวต่างประเทศ มีกิจการร้านกาแฟดังมาสั่งทำแก้ว และภาชนะชุดพิเศษด้วย ใครอยากมาเยี่ยมมาซื้อถ้วยชามเบญจรงค์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่นี่ก็มีราคาสินค้าตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสน
ส่วนบรรยากาศการทำงานของคนที่นี่บอกเลยว่าค่อนข้างเงียบสงบ เพราะน่าจะใช้ความประณีต พิถีพิถัน และใจเย็น ลวดลายเลยออกมาเนี้ยบสวยงาม คนใจร้อนอย่างเราต้องยกมือให้ ซึ่งเราก็ยังมีโอกาสได้ลองเพนต์แก้วด้วยตนเองด้วย โดยเขามีลายดอกไม้มาให้ เพียงแค่เราระบายสี แต่ดอกไม้ที่เขาวาดไว้แล้วนี่ก็ไม่ง่ายเท่าไหร่เพราะดอกเล็กมาก ต้องค่อยๆ ระบายไม่ให้สีออกนอกขอบ เราว่าเหมาะกับคนใจร้อนที่ควรมาฝึกสมาธิให้เป็นคนมีระเบียบวินัย ใจเย็น กิจกรรมนี้ถ้าจำไม่ผิดน่าจะราวๆ คนละ 500 บาท
(บรรยากาศร้านกาแฟเดอะบัพฟาโล อัมพวา)
ถ้าใครได้ไปแม่กลอง ก่อนกลับ กทม. หรือถ้าอยากดื่มกาแฟ ขนมหวาน ต้องไม่พลาดที่เดอะบัฟฟาโล อัมพวา (The Buffalo Amhawa) เพราะว่าบรรยากาศดีมากถึงมากที่สุด อยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียว มีถนนเรียบริมน้ำ มีที่นั่งโล่งกว้างสบาย ซึ่งเราก็ไม่สามารถที่จะหยิบบรรยากาศมาอธิบายได้หมด เอาเป็นว่ามาแล้วไม่ผิดหวัง ก็อยากชวนทุกคนมาที่มาสมุทรสงคราม อย่ามุ่งไปแต่อัมพวาล่ะ ยังมีอีกหลายสถานที่ที่น่าไป เราก็แอบเสียดายที่ไปไม่กี่แห่ง แต่ไม่เป็นไรที่นี่ไม่ได้ไกลจาก กทม.มากนัก ไว้มาอีกครั้ง ส่วนครั้งนี้ก็ได้อิ่มบุญที่วัดบางกะพ้อมแล้ว แถมยังได้มาชมเบญจรงค์ที่บ้านปิ่นสุวรรณ ภายในหนึ่งวันก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว.
-----------------------------------------------------------------
1.ไหว้หลวงพ่อคง
2.สักการะและปิดทองหัวใจหลวงพ่อคง
3.หลังคาทรงพระราชนิยมไทยผสมจีนวิหารบางกะพ้อม
4.วิหารบางกะพ้อม สถาปัตยกรรมจีน
5.ศิลปะปูนปั้นภายในวิหารบางกะพ้อม
6.รอยพระพุทธบาท 4
7.ประตูทางเข้าวิหารเป็นวงกลมที่หมายถึงสวรรค์ของจีน พร้อมด้วยทหารไทยยืนเฝ้า
8.วิหารหลวงพ่อคงองค์ใหญ่
9.ถ้วยชามเบญจรงค์ลวดลายอันวิจิตรที่บ้านปิ่นสุวรรณเบญจรงค์
10.อาร์ต พศุตม์ นักแสดงช่องสาม ร่วมเพนต์แก้วที่บ้านปิ่นสุวรรณเบญจรงค์
11.บรรยากาศร้านกาแฟเดอะบัพฟาโล อัมพวา
12.เดินชิลๆ เรียบแม่น้ำที่เดอะบัพฟาโล อัมพวา
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |