“ศรีวราห์” สั่งสันติบาลระงับใบลา ผกก.หนุ่ยทันควัน หลังภาพเดินตามก้น “ยิ่งลักษณ์” หิ้วถุงช็อปปิ้งว่อนเน็ต พร้อมสั่งตั้งกรรมการสอบด่วน ฎีกายืนยกฟ้องเทพไทจวก “ทักษิณ” เป็นซีอีโอทำตัวเป็นผีปอบหลังสู้ยาว 12 ปี
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 มิ.ย. ในโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ภาพ พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย ผู้กำกับฝ่ายวิจัยและพัฒนา กองพัฒนาการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เดินตามและถือถุงช็อปปิ้งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหลบหนีในคดีอาญาที่อังกฤษ โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงความเหมาะสม
    โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า หลังปรากฏภาพได้สอบถามไปยัง พล.ต.ท.สราวุฒิ การพาณิช ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) ทราบว่า พ.ต.อ.วทัญญูได้ยื่นลาราชการระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.- 13 ก.ค. โดยระบุว่าสาเหตุว่าไปจัดการเรื่องที่เรียนของบุตรที่อังกฤษ แต่เมื่อปรากฏภาพดังกล่าว หากพิสูจน์ว่าเป็นภาพจริง ไม่ใช่การตัดต่อ และเป็นภาพในปัจจุบัน ก็ถือว่าไม่เหมาะสมในฐานะที่ยังรับราชการอยู่ แม้อยู่ระหว่างลาก็ยังเป็นราชการ หากอยู่ในในไทยถือว่าผิดกฎหมายอาญา แต่กรณีนี้ถือว่าผิดวินัย
    “ได้สั่งการให้สันติบาลระงับการลาแล้ว ทำให้ พ.ต.อ.วทัญญูต้องรีบกลับมารายงานตัว ไม่เช่นนั้นถือว่าขาดราชการ ขณะเดียวกันสั่งการ ผบช.ส.ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามประมวลจริยธรรมตำรวจ และให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจตรวจสอบว่าภาพดังกล่าวจริง หรือตัดต่อ หากเป็นภาพจริงไม่เหมาะสม แม้ พ.ต.อ.วทัญญูจะสนิทสนม เคยเป็นนายตำรวจติดตามก็ตาม เพราะยังเป็นตำรวจอยู่ และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยปรากฏข้อมูลว่ามีการพบปะติดต่อกัน” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
    วันเดียวกัน ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ อ.1923/2549 ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มอบอำนาจให้นายนพดล มีวรรณะ ทนายความเป็นโจทก์  ยื่นฟ้องพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. และอดีตโฆษกส่วนตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาท
    โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 17-19 พ.ค.2549 นายเทพไทได้แถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรคเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยุครัฐบาลทักษิณลาออก โดยกล่าวทำนองว่าบริหารประเทศแบบซีอีโอ และยังได้กล่าวเปรียบเทียบนายทักษิณเหมือนผีปอบที่ออกจากร่างแล้วกลับเข้าร่างไม่ได้
    คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2558 ให้ยกฟ้อง และจากนั้นศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนยกฟ้อง เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2559 เช่นกัน โดยล่าสุดศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า การกระทำของนายเทพไทไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืนยกฟ้อง 
    ภายหลังนายเทพไทกล่าวว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษายืน โดยให้เหตุผลว่าเป็นการแสดงความเห็นทางการเมือง เป็นการติชมโดยสุจริต เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่นายทักษิณได้ฟ้องตนเองและพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งได้ต่อสู้คดีกันมานาน 12 ปี ก็ได้รับความเป็นธรรมจากศาล 
“แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่ก็มีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ากรณีที่นายทักษิณไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลและไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ทำไมนายทักษิณจึงสามารถเป็นโจทก์ฟ้องคดีได้ ซึ่งก็เป็นความเห็นของคนทั่วไป” นายเทพไทตั้งข้อสังเกตไว้.