องค์กรแอมเนสตีออกรายงานฉบับใหม่ กล่าวโทษพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผบ.สส.เมียนมาและนายทหารอีกหลายคน "ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" โดยเป็นผู้กำกับดูแลปฏิบัติการโจมตีชาวมุสลิมโรฮีนจาอย่างเป็นระบบ
แฟ้มภาพ พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ร่วมพิธีฝึกทหารที่เขตอิระวดี เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2561 / AFP
รายงานของเอเอฟพีเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2561 กล่าวว่า คำกล่าวโทษขององค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาและพวกนายทหารอาวุโสมีชื่อเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการทางทหารในรัฐยะไข่เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ที่ผลักดันให้ชาวโรฮีนจาหนีข้ามแดนเข้าบังกลาเทศมากกว่า 700,000 คน และองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่าเปรียบได้กับการ "ล้างเผ่าพันธุ์"
แอมเนสตีกล่าวในรายงานฉบับใหม่นี้ว่า พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย กับพวกนายทหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอีก 12 คนกำกับดูแลปฏิบัติการรุนแรงในรัฐยะไข่
"การล้างเผ่าพันธุ์ประชากรชาวโรฮีนจาสำเร็จได้โดยการรณรงค์อย่างเป็นระบบและไม่ปรานี ที่ซึ่งกองกำลังความมั่นคงเมียนมาฆ่าชาวโรฮีนจานับพันๆ คนอย่างผิดกฎหมายซึ่งรวมถึงเด็กเล็กด้วย" รายงานกล่าว
แอมเนสตียังปฏิเสธข้ออ้างของกองทัพเมียนมาที่บอกว่า ทหารบางนายอาจก่อเรื่องเหล่านี้ขึ้นเองโดยฝ่าฝืนกฎการปะทะ โดยรายงานฉบับนี้ระบุว่าอาชญากรรมส่วนมากที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เป็นพฤติกรรมของพวกทหารแตกแถวหรือพวกที่เกเร
ทั้งยังบอกด้วยว่าพวกกองกำลังฝ่ายความมั่นคงยังได้ใช้ความรุนแรงทางเพศ ทารุณทรมาน บังคับให้ทิ้งถิ่นฐาน และเผาตลาดเผาที่ทำกิน ซึ่งทำให้ชุมชนไม่มีอาหารและถูกบังคับให้ต้องหนี
แฟ้มภาพ ซากบ้านเรือนชาวโรฮีนจาในหมู่บ้านที่ถูกทิ้งร้าง ระหว่างเกิดวิกฤติรัฐยะไข่ เมื่อเดือนตุลาคม 2560 / AFP
"อาชญากรรมเหล่านี้เทียบได้กับอาชญากรรมต่อมนุษยชาติภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากเป็นการกระทำผิดโดยเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีอย่างกว้างขวางและเป็นระบบต่อประชากรชาวโรฮีนจา" รายงานกล่าว
พวกตำรวจรักษาดินและนายทหารระดับสูงบางคนที่รายงานกล่าวถึง เป็นผู้คุมหน่วยที่ก่ออาชญากรรมโหดร้ายที่โดยตรง ส่วนคนอื่นๆ นั้นรับรู้พฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชาแต่กลับไม่ป้องกัน หยุดยั้ง หรือลงโทษ
รายงานความหนา 186 หน้านี้ออกมาภายหลังสหภาพยุโรปประกาศคว่ำบาตรนายทหารเมียนมา 7 คน แต่ไม่รวม ผบ.สส.ผู้นี้
แอมเนสตีอ้างอิงข้อมูลจากคำให้สัมภาษณ์ในเมียนมาและบังกลาเทศมากกว่า 400 ครั้ง ระหว่างเดือนกันยายน 2560 ถึงเดือนมิถุนายนปีนี้ และภาพถ่ายดาวเทียม ผลวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์ และเอกสารลับของกองทัพ
รายงานได้กล่าวถึงการทำความผิดของกองทัพปลดปล่อยโรฮีนจาแห่งอาระกัน (อาร์ซา) ด้วย กองกำลังมุสลิมติดอาวุธกลุ่มนี้โจมตีที่ตั้งของตำรวจเมียนมาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ซึ่งทำให้กองทัพตอบโต้อย่างรุนแรง แอมเนสตีกล่าวว่า อาร์ซาฆ่าสายข่าวและพวกที่เกี่ยวพันกับกองทัพหลายราย และยังฆ่าหมู่ชาวฮินดูหลายสิบคน แต่อาร์ซาปฏิเสธคำกล่าวหานี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |