27 มิ.ย.61- ภัทรพล มณีอ่อน หรือหมอล็อต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า..."พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ" หากสำเร็จภารกิจ เด็กทั้ง13 คน รวมทั้งหน่วยซีลที่เข้าถึงตัวเด็กๆ ควรอยู่ในพื้นที่นี้อย่างน้อย 7 วัน รวมถึงญาติๆต้องมีระบบป้องกันหากสัมผัสตัว

สภาพแวดล้อมและระยะเวลาที่เด็กๆเข้าไปอยู่ เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดมาตรการ  เป็นมาตรการไม่ต่างกับมนุษย์อวกาศที่กลับมายังโลก

เรื่องนี้เป็นรายละเอียดในมาตรการอยู่แล้วครับ สิ่งที่กังวลคือการสื่อสารให้สื่อมวลชน และคนใกล้ชิดเด็กๆเข้าใจ นี่จึงเป็นสิ่งที่ทนไทยทุกคนสามารถช่วยได้ คือ"การเอาตัวรอดหลังจากที่รอดออกมาได้"

พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษนี้หมายถึง กรณีผู้ที่แสดงอาการป่วยต่างๆก็ต้องตรวจและรักษาที่ รพ. ส่วนผู้ที่ไม่แสดงอาการป่วยก็ตรวจสุขภาพอย่างละเอียดแล้วให้กลับบ้านอยู่กับครอบครัวได้ และเจ้าหน้าที่เข้าติดตามสุขภาพรายบุคคลในระยะเวลาที่กำหนด

กรณีนี้เราคงมาปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสภาพของบ้านเราได้ครับ เป็นหลักปฎิบัติสากล ซึ่งประเทศไทยยังไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้

ด้านผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ นันท์สกร นพรัตน์วิมล  ขยายความว่า ถ้าพบทั้ง 13 ชีวิต ผมขออธิบายง่ายๆ ให้เข้าใจกันก่อนนะครับ เดี๋ยวจะมีคนมาโวยวาย สร้างกระแสว่า จนท. กีดกันพ่อแม่ไม่ให้พบเด็กทั้ง 12 คน

ตามหลักสากลด้วยความเชื่อที่ว่า ในถ้ำลึกอาจจะมีเชื้อโชคร้ายที่ไม่เคยมีปรากฏอยู่ในพื้นที่ภายนอกถ้ำ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของโลก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโชคชนิดใหม่แพร่กระจายออกไปในวงกว้าง ให้ตั้งสมมุติฐานไว้ก่อน ว่า #ผู้ติดอยู่ภายในถ้ำลึกเป็นเวลานานและผู้ที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ #มีเชื้อโรคร้ายติดมาด้วย ดังนั้นหลังจากออกมาภายนอกถ้ำ ผู้ที่ติดอยู่ภายในถ้ำทั้งหมด รวมทั้งผู้ที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ จะต้องถูกนำตัวไปอยู่ในพื้นที่เขตกักกันโรคติดต่อ ที่ดูแลโดยแพทย์และเจ้าหน้าที่ชุดพิเศษที่มีความชำนาญพิเศษเกี่ยวกับเชื้อโรคและโรคติดต่อ ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด เพื่อเฝ้าระวัง ว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ มีความผิดปกติทางร่างกายใดๆ ที่เกิดจากเชื้อโรคหรือไม่ ถ้าครบกำหนดและไม่พบความผิดปกติใดๆ จึงจะสามารถออกมาพบบุคคลอื่นได้.